เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1459

ตอนที่ 1459

แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน

ภาคเหนือ แดนน้ำแข็ง

ใต้ธารน้ำแข็ง การเจรจาเต็มไปด้วยบรรยากาศอันหนักหน่วง

มนุษย์กลายพันธุ์สองเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ที่นี่อย่างสันโดษกำลังเจรจราเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องอาณาเขต

ตอนนี้การเจรจาของเผ่ามนุษย์หินและเผ่ามนุษย์หิมะดำเนินมาเป็นเวลาถึงหกวันหกคืนแล้ว

“พื้นที่นี้เป็นของเผ่ามนุษย์หินของข้า มันเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของเรามาตั้งแต่สี่ร้อยปีก่อน ข้าหวังว่าเผ่ามนุษย์หิมะจะเข้าใจเรื่องนี้” ซื่อจงกล่าวเสียงดัง

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินเต็มไปด้วยความดื้อรั้นขณะที่การแสดงออกของผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะดูมืดครึ้ม

เผ่ามนุษย์หินยืนกรานอย่างหนักแน่นในหัวข้อนี้ มันสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อเผ่ามนุษย์หิมะ

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะปิงหยวนกล่าว “นั่นเป็นกรณีเมื่อสี่ร้อยปีก่อน แต่หลังจากนั้นผู้อาวุโสเผ่ามนุษย์หิมะของเราชนะเดิมพันกับเจ้าโดยใช้พื้นที่ส่วนนี้เป็นสิ่งเดิมพัน”

ซื่อจงโบกมือ “นั่นเป็นเพียงเรื่องตลก มันไม่ควรถูกกล่าวถึง”

ปิงหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา “ข้อตกลงระบุเอาไว้อย่างชัดเจน”

ซื่อจงโต้กลับ “แล้วมันอยู่ที่ใด?”

ปิงหยวนโกรธจนไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมา

ซื่อจงไม่เพียงทำลายวิธีการบนเส้นทางแห่งข้อมูลเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าวแต่เขายังปฏิเสธการเดิมพันที่เกิดขึ้นอีกด้วย ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่ามนุษย์หิน นี่เป็นเรื่องไร้ยางอายเกินไป

แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะเข้าใจ

เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด หลังจากอาศัยอยู่มาเป็นเวลานาน ประชากรเผ่ามนุษย์หินและเผ่ามนุษย์หิมะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ซื่อจงต้องทำเรื่องไร้ยางอายเพื่อผลประโยชน์ของเผ่ามนุษย์หิน

แต่ในกรณีนี้มันจะทำให้เผ่ามนุษย์หิมะสูญเสียผลประโยชน์

สุดท้ายเผ่ามนุษย์หิมะก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เผ่ามนุษย์หินสามารถยึดครองพื้นที่ดังกล่าว

เผ่ามนุษย์หินสั่งให้เผ่ามนุษย์หิมะออกจากพื้นทีทันที

หลังจากกลับมายังอาณาเขตของพวกเขา ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะปิงเจาเต็มไปด้วยความโกรธ “เผ่ามนุษย์หินไร้ยางอายเกินไปแล้ว พวกเขาบิดเบือนข้อเท็จจริงเพียงเพราะการคงอยู่ของมังกรหินระดับแปด!”

ปิงหยวนปลอบโยน “สงบจิตใจลงก่อนปิงเจา เรารู้จักเผ่ามนุษย์หินมานับพันปีแล้ว”

เผ่ามนุษย์หินมีข้อได้เปรียบเหนือเผ่ามนุษย์หิมะมาตลอด

มันคือพลังการต่อสู้ระดับแปดมังกรหิน

ด้วยความแข็งแกร่งนี้เผ่ามนุษย์หินจึงสามารถปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขา

เมื่อได้ยินชื่อมังกรหิน ความโกรธของปิงเจาก็จางหายไป เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เห้อ…พลังการต่อสู้ระดับแปด มังกรหิน หากเรามีพลังการต่อสู้ระดับแปดเช่นกัน เราจะแข่งขันกับพวกเขาได้อย่างเท่าเทียม”

ปิงหยวนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะกล่วว่า “เป็นไปได้ที่เราจะได้รับพลังการต่อสู้ระดับแปด ข้ามีแผน หากเราประสบความสำเร็จ มังกรหินจะไม่สามารถเปรียบเทียบ”

ดวงตาของปิงเจาส่องประกายขึ้น “แผนการใด บอกข้าเร็วเข้า”

“อันที่จริงข้าวางแผนเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสดี ข้าจะบอกเจ้า” ปิงหยวนกล่าว

ปิงเจาได้ยินและอุทาน “ท่านหมายถึงหลิวกวนซื่อ ไม่ ฟางหยวน?”

ตัวตนที่แท้จริงของหลิวกวนซื่อซึ่งก็คือฟางหยวนได้ถูกเปิดเผยออกมาโดยวังสวรรค์นานแล้ว แม้เผ่ามนุษย์หิมะจะเก็บตัวอยู่อย่างสันโดษแต่พวกเขาก็ได้รับข่าวสำคัญนี้เช่นกัน

“ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปดอย่างไม่ต้องสงสัย เขายังมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด พวกเรามีความสัมพันธ์กันมาระยะหนึ่งแล้ว หากเราให้เซี่ยเอ๋อแต่งงานกับเขา เขาจะถูกผูกไว้กับเผ่าของเรา ด้วยวิธีนี้ เผ่าของเราจะไม่ถูกรังแกอีกต่อไป นอกจากนั้นด้วยการปกป้องจากพลังการต่อสู้ระดับแปด เผ่าของเราจะพัฒนาขึ้นอีกมาก” ปิงหยวนกล่าว

ปิงเจาคิดก่อนพยักหน้า “ฟางหยวนเป็นมนุาย์แต่เขามีศัตรูนับไม่ถ้วน เขาเข้าร่วมกับนิกายหลางหยา ไม่มีปัญหากับความจงรักภักดีของเขา แต่เดี๋ยวก่อน…”

ปิงเจามองปิงหยวน “เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขางั้นหรือ? ข้าจำได้เพียงว่าเราซุ่มโจมตีเขา แม้เราจะสามารถสร้างข้อตกลงพันธมิตรในภายหลัง แต่มันยังห่างไกลจากความสัมพันธ์ที่ดี”

ปิงหยวนยิ้ม “ปิงเจา เจ้าเก็บตัวฝึกตนมาตลอด ดังนั้นเจ้าจึงไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ฟางหยวนหยิบยืมความแข็งแกร่งทั้งหมดของนิกายหลางหยาเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะ เขาพบกับความยากลำบากในกระบวนการดังกล่าวและต้อการแก่นแท้บัวหิมะ ข้าตัดสินใจขายแก่นแท้บัวหิมะจำนวนมากของเราให้กับผมที่หกของนิกายหลางหยาเพื่อช่วยเขา”

“เป็นเช่นนี้” ปิงเจาเข้าใจในที่สุดแต่เขายังขมวดคิ้ว “เราสร้างความสัมพันธ์กับเขาผ่านการทำธุรกรรม เหตุใดเราไม่มอบให้เขาโดยตรง?”

ปิงหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น “เรื่องนี้มีความหมายที่ลึกซึ้ง ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำเช่นนั้น ประการแรก เวลานั้นข้ายังไม่ได้คิดเรื่องการแต่งงานอย่างจริงจัง ประการที่สอง หากเรามอบมันให้เขาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เขาอาจไม่ยอมรับ เพราะเขาไม่ใช่คนโง่ ประการที่สาม หากทุกคนรู้เรื่องนี้ เผ่ามนุษย์หินจะสงสัยในเจตนาของเรา”

ปิงเจาพยักหน้าและไม่กล่าวต่อ

เขาเข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาพึ่งเริ่มต้น มันเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้เกิดการแต่งงาน

ก่อนหน้านี้เผ่ามนุษย์หิมะเคยแสดงความปรารถนาดีต่อฟางหยวน แต่เขากลับแสดงออกอย่างเย็นชา

ตอนนี้ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปดรวมถึงอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด สถานะของเขาสูงขึ้นอีกมาก หากเผ่ามนุษย์หิมะต้องการเป็นพันธมิตรกับเขาผ่านการแต่งงาน พวกเขาไม่ใช่ฝ่ายที่จะให้ความช่วยเหลือแต่เป็นฝ่ายที่ต้องการยกระดับสถานะของตนเอง

แน่นอนว่าเผ่ามนุษย์หิมะไม่รู้ว่าฟางหยวนสูญเสียอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไปแล้ว

แต่ปิงหยวนยังมั่นใจ “อย่ากังวล หลานสาวของข้ามีรูปลักษณ์ที่น่าทึ่งและเป็นผู้อมตะ นางเป็นหญิงที่สมบูรณ์แบบ เผ่ามนุษย์หินไม่สามารถเอาชนะเราในเรื่องนี้ เรามีข้อได้เปรียบ”

“แม้ความสัมพันธ์ผ่านการแต่งงานจะจบลงด้วยการพึ่งพาเขา แต่ฟางหยวนยังได้รับประโยชน์จากพวกเรา อย่างน้อยที่สุดเราก็มีแก่นแท้บัวหิมะ”

“หรือกระทั่งแผนการนี้จะล้มเหลว แต่มันก็ไม่มีปัญหา ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับฟางหยวนจะไม่เลวร้ายลง เราสามารถทดลอง”

คำว่าทดลองทำให้ปิงเจาสามารถตัดสินใจ

เขาพยักหน้า “เช่นนั้นมาลองดูกัน”

…..

ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

“ครืน…”

คลื่นน้ำจากสายธารแห่งกาลเวลาสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่

หลังจากตรวจสอบและไม่พบปัญหา ฟางหยวนดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขากลับออกมา

ฟางหยวนกำลังใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของไห่ฟานเพื่อคืนความเร็วในการเคลื่อนที่ของเวลาให้กับมิติช่องว่างของเขา

เวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิเหนือกว่ามิติช่องว่างระดับสูงสุดไปไกลมาก

หนึ่งวันของโลกภายนอกเท่ากับหกสิบวันของมิติช่องว่างจักรพรรดิ เวลาในมิติช่องว่างของสิบสุดยอดกายามีอัตราเร็วหนึ่งต่อสี่สิบวันของโลกภายนอก สำหรับมิติช่องว่างระดับสูง มันมีอัตราเร็วหนึ่งต่อสามสิบวันของโลกภายนอก

ในแง่ของรากฐาน หนึ่งปีในมิติช่องว่างจักรพรรดิจะผลิตลูกพลัมแดงอมตะได้เก้าสิบหกผล นั่นหมายความว่าหนึ่งปีของโลกภาย มิติช่องว่างจักรพรรดิสามารถผลิตลูกพลัมแดงอมตะให้ฟางหยวนได้ห้าพันเจ็ดร้อยหกสิบผลหรือประมาณสิบหกผลต่อวัน

ลูกพลัมแดงอมตะสิบหกผล ในแง่ของหินวิญญาณอมตะ มันคือหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันหกร้อยก้อน

โดยไม่ต้องทำสิ่งใด มิติช่องว่างจักรพรรดิก็ผลิตหินวิญญาณอมตะจำนวนมากให้เขาทุกวัน

นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัว

และในความเป็นจริงนั่นไม่ใช่ทั้งหมด เมื่อร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนเพิ่มขึ้น เวลาในมิติช่องว่างของเขาก็จะเดินเร็วขึ้น มันจะผลิตพลังงานอมตะให้เขามากขึ้น

หากฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับแปด มันจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นไปอีก

ลิ้นจี่ขาวอมตะระดับแปดสิบหกผลสามารถเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณอมตะได้หนึ่งแสนหกหมื่นก้อน!

ตอนนี้ฟางหยวนต้องทำการค้าขายเพื่อรวบรวมหินวิญญาณอมตะหนึ่งล้านก้อน แต่เมื่อเขาก้าวเข้าสู่ระดับแปด เขาจะได้รับหินวิญญาณอมตะสิบหกล้านก้อนทุกหนึ่งร้อยวันโดยไม่ต้องทำสิ่งใดเลย

ยิ่งการบ่มเพาะสูง พวกเขาก็ยิ่งได้รับผลประโยชน์

แน่นอนว่านี่เป็นกรณีของฟางหยวนที่ครอบครองร่างทารกอมตะ

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนถูกบังคับให้ลดความเร็วของมิติช่องว่างจักรพรรดิเพราะภัยพิบัติ

แต่ตอนนี้ด้วยพลังการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้น ฟางหยวนมั่นใจว่าเขาสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติต่างๆ

ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องการกู้คืนความเร็วในการไหลของเวลา

ในความเป็นจริงฟางหยวนยังวางแผนที่จะเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก

“แต่ข้ายังต้องรอต่อไป วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของไห่ฟานต้องใช้เวลาหยุดพักก่อนจะสามารถใช้งานมันอีกครั้ง”

“ด้วยความเร็วเดิมของข้า ราเรืองแสงจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างนี้ข้าควรนำวิญญาณดาบแห่งปัญญาและวิญญาณทัศนคติออกมาเก็บไว้ภายนอก”

ฟางหยวนต้องพิจารณาถึงระยะเวลาการให้อาหารวิญญาณอมตะระดับแปดทั้งสองดวง

ก่อนหน้านี้เขาเผชิญแรงกดันเกี่ยวกับปัญหานี้ แต่หลังจากนี้เขาจะสามารถแก้ไขมัน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท