เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1498

ตอนที่ 1498

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1498 ไม่ต้องการต่อสู้

แปลโดย iPAT

อาณาจักรแห่งความฝัน

ในสนามประลอง ฟางหยวนควบคุมร่างกายของเทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์ต่อสู้อย่างยากลำบาก

คราวนี้คู่ต่อสู้ของเขาเป็นเด็กที่มีร่างกายสูงใหญ่และแข็งแกร่ง เขาใช้ฝ่ามือในการต่อสู้ ทุกครั้งที่เขาฟาดฝ่ามือ มันจะปล่อยแสงสว่างพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน

คนผู้นี้เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

หากเขาต่อสู้กับเด็กทั่วไป พวกเขาอาจถูกฟันและพบกับความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว

แต่ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับฟางหยวน

วิธีการของเด็กหนุ่มไม่เพียงพอที่จะหลบการโจมตีด้วยแสง แต่ทุกการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้อยู่ในสายตาของฟางหยวนทั้งหมด เขาสามารถอนุมานทิศทางของการโจมตีจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆของร่างกาย

ผลลัพธ์คือฟางหยวนสามารถหลบทุกการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม นั่นทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจมาก

“เจ้าทำได้เพียงหลบงั้นหรือ?” ฝ่ายตรงข้ามตะโกนอย่างหมดควมอดทน

“ฮ่าฮ่า หากแน่จริงก็จับข้าให้ได้และเข้ามาทุบตีข้า!” ฟางหยวนเย้ยหยัน

แน่นอนว่าคู่ต่อสู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะโกรธจัดและพุ่งเข้าไปหาฟางหยวน “สู้กับข้าหากมีความกล้า!”

แต่ฟางหยวนยังหลบเลี่ยง

ผู้ชมไม่สามารถอดทนและวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของฟางหยวนว่าขี้ขลาด

บางคนตะโกน “ความแข็งแกร่งแตกต่างกันเกินไป ยอมแพ้ซะเจ้าคนน่ารังเกียจ!”

อย่างไรก็ตามฟางหยวนทำราวกับไม่ได้ยินสิ่งใด

อาจดูเหมือนเขากำลังหลบแต่ในความเป็นจริงเขาสามารถควบคุมจังหวะของการต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์

คู่ต่อสู้ของเขาไม่มีประสบการณ์มากนัก เขายังเด็กเกินไป ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนไหวไปตามความต้องการของฟางหยวนโดยไม่รู้ตัว

หลังจากต่อสู้เป็นเวลานาน พลังวิญญาณส่วนใหญ่ก็ถูกใช้ไปขณะที่เขาหอยหายใจด้วยความเหนื่อยล้า

‘ดี ได้เวลาโต้กลับแล้ว’ ในที่สุดโอกาสที่ฟางหยวนรอคอยก็มาถึง เขาบุกโจมตีทันที

“อันใด!?” คู่ต่อสู้ของเขาตอบสนองช้าเกินไปและถูกบังคับให้รับการโจมตีของฟางหยวน

แต่เขายังเหลือพลังวิญญาณอยู่บ้าง เขาพยายามต่อต้านอย่างยากลำบาก

ฟางหยวนตระหนักว่าสถานการณ์ของเขาไม่ดีนัก พรสวรรค์ของเด็กหนุ่มอยู่ในนภาที่สี่เท่านั้น มันต่ำเกินไป ดังนั้นเขาจึงมีพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อย

หลังจากต่อสู้มานาน พลังวิญญาณของฟางหยวนกระทั่งต่ำกว่าฝ่ายตรงข้าม

‘ข้าต้องจบการต่อสู้อย่างรวดเร็วที่สุด!’ เมื่อคิดได้เช่นนี้ฟางหยวนก็ตะโกนออกไป “เข้ามา เจ้าโง่ มาลิ้มรสน้ำลายของข้า!”

จากนั้นเขาก็พ่นน้ำลายออกไป ดวงตาของฝ่ายตรงข้ามเบิกกว้าง หากสิ่งนี้ตกลงใบหน้าของเขา มันจะน่าขยะแขยงเกินไป! เด็กน้อยรีบหลบ

แต่นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนต้องการ

เขาบังคับให้คู่ต่อสู้หลบไปในทิศทางนั้น

‘ได้เวลาแล้ว!’ ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้าและส่งลูกเตะออกไป

คู่ต่อสู้ของเขายกแขนขึ้นป้องกัน แต่ฟางหยวนยังสามารถส่งเขาลอยออกจากสนามประลองได้โดยตรง

ฟางหยวนชนะ!

“เด็กคนนี้ชนะจริงๆ!”

“สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”

“น่าขยะแขยง เขาถ่มน้ำลายออกมาจริงๆ นี่มันหยาบคายเกินไป!”

“ถูกต้อง แม้เขาจะชนะ แต่ข้าก็เกลียดเขา เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ใช้วิญญาณ!”

เสียงย้ยหยันและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเข้าหูของฟางหยวน

อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟางหยวนสูญเสียการควบคุมร่างกายไปแล้ว

เทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์ต้องเผชิญหน้ากับประสบการณ์นี้ด้วยตนเอง มันเป็นชัยชนะที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ

ท้ายที่สุดเขาใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังขณะที่คู่ต่อสู้ของเขามีภูมิหลังบางอย่าง พ่อแม่ของฝ่ายหลังอาจเป็นผู้ใช้วิญญาณหรืออย่างน้อยหนึ่งในสองก็ต้องเป็นผู้ใช้วิญญาณ

ผู้ที่สามารถเข้าร่วมในการแข่งขันย่อยครั้งนี้ต้องเป็นผู้เยาว์ที่พึ่งกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณ พวกเขามีรากฐานต่ำมากและเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภายนอกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ให้กับตนเอง

ด้วยเหตุนี้เด็กที่เกิดมาพร้อมช้อนเงินช้อนทองจึงได้รับการสนับสนุนและคำแนะนำจากรุ่นพี่ นั่นทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย

นี่คือเหตุผลที่ฟางหยวนเผชิญหน้ากับความยากลำบากในการต่อสู้ นอกจากนั้นยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง รูปแบบการต่อสู้ของฟางหยวนเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย คู่ต่อสู้ของเขาจะระวังและเตรียมตัวมาอย่างพิถีพิถัน มันทำให้ฟางหยวนต่อสู้ได้ยากลำบากมากขึ้น

‘ข้า…ข้าทำไปได้อย่างไร?’ เด็กหนุ่มยืนอยู่กลางสนามประลองและอยากจะร้องไห้ด้วยความละอายใจ

ในชีวิตก่อนหน้า เขาไม่เคยทำเรื่องไร้ยางอายและไร้อารยธรรมเช่นการถ่มน้ำลาย

แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่เพียงเขาจะทำเช่นนั้นแต่เขายังทำอย่างยิ่งใหญ่และอวดดีต่อหน้าผู้คนมากมาย

แล้วตอนนี้เขาจะรู้สึกอย่างไร?

‘ข้ากลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้อย่างไร? นี่คือตัวตนที่แท้จริงของข้าจริงๆงั้นหรือ?’ เด็กหนุ่มรู้สึกสับสนและพยายามปฏิเสธมัน

ผู้ชมยังคงเย้ยหยัน

“เขากำลังตื่นเต้นงั้นหรือ?”

“ขยะประเภทนี้เข้าสู่รอบแปดคนได้จริงๆ!”

“ฮืม ศีลธรรมของผู้คนตกต่ำลงทุกวัน คนเช่นนี้ควรถูกโยนออกจากการแข่งขัน!”

“แต่แปดอันดับแรกคือขีดจำกัด ข้าไม่อยากเห็นเขาชนะอีกต่อไป!”

เด็กหนุ่มรู้สึกพูดไม่ออก “…”

เขาต้องการชี้แจงสถานการณ์นี้และบอกทุกคนว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาเพราะกระทั่งเขาก็ยังสงสัยในตัวเอง

เกียรติยศและศักดิ์ศรีที่ฝังแน่นอยู่ในตัวเขาตั้งแต่ชีวิตก่อนหน้าถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำอีก ตอนนี้เขารู้สึกแทบไม่สามารถจดจำมันได้

‘ก็ดี ข้าไม่ต้องการต่อสู้อีกแล้ว ด้วยชัยชนะครั้งนี้ ตอนนี้ข้าก็สามารถเข้าไปที่ทะเลสาบแล้ว’ เด็กหนุ่มรู้สึกเหนื่อยล้า

เขาไม่ต้องการต่อสู้อีกต่อไป

แต่ฟางหยวนคิดอีกอย่าง

‘แปดอันดับแรก สี่อันดับแรก สองอันดับแรก และผู้ชนะ แต่ละอันดับมีโครงสร้างที่ชัดเจนและจะได้รับรางวัลที่แตกต่างกัน’

‘แม้นี่จะเป็นอาณาจักรแห่งความฝัน แต่หากข้าช่วยให้เขาได้อันดับที่ดีขึ้น ข้าก็จะได้รับรางวัลที่ดีขึ้นเช่นกัน’

‘และรางวัลเหล่านั้นอาจสามารถใช้งานในเหตุการณ์ถัดไป’

อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ไม่ธรรมดา มันมีความยืดหยุ่นและไม่ตายตัว

ดังนั้นยิ่งเทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์แข็งแกร่งเท่าใด มันก็จะส่งอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆในอาณาจักรแห่งความฝันเท่านั้นและการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของฟางหยวนก็จะสะดวกสบายมากขึ้น

ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันมีประสิทธิภาพไม่มากนักในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ มันทำให้ฟางหยวนราวกับคนพิการ

‘ฉากที่สองยาวนานกว่าฉากที่หนึ่งมาก ข้าควรพยายามต่อสู้เพื่อให้ได้รับอันดับที่หนึ่งในการแข่งขัน นี่อาจเป็นบททดสอบของมัน’

ฟางหยวนไตร่ตรองและตัดสินใจ

อย่างไรก็ตามฟางหยวนมีโอกาสและเวลาจำกัดในการควบคุมร่างกายของเด็กหนุ่ม ดังนั้นเขาจึงต้องรอคอยโอกาสอย่างอดทน

อาณาจักรแห่งความฝันยังดำเนินต่อไป

เด็กหนุ่มได้รับชัยชนะแต่ชื่อเสียงที่เลวร้ายกดดันจิตใจของเขาอย่างมาก

เด็กคนอื่นๆกำลังเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันโดยรวบรวมข้อมูลของคู่ต่อสู้ แต่เทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์กลับหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตนเอง

ในความเป็นจริงเขากลัวที่จะเผชิญหน้า ความสงสัยในตัวเองทำให้เขารู้สึกทรมาน

สิ่งนี้ทำให้เด็กหนุ่มหดหู่และผอมลงทุกวัน

เสียงของชาเซี่ยวดังขึ้น “หลายชายที่ดีของข้า เจ้าควรหลอมรวมวิญญาณ หากไม่มีวิญญาณดวงใหม่ มันจะเป็นเรื่องยากที่เจ้าจะจัดการคู่ต่อสู่หลังจากนี้ โอกาสพ่ายแพ้ของเจ้าจะสูงขึ้น”

การหลอมรวมวิญญญาณระดับมนุษย์กับวิญญาณอมตะเป็นสองแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอมรวมวิญญาณระดับหนึ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง

“ข้าไม่สามารถจัดหาวัสดุในการหลอมรวมให้เจ้าโดยตรง ข้าไม่สามารถมอบวิญญาณให้เจ้าได้ เจ้าต้องหลอมรวมมันด้วยตัวเจ้าเองเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นค้นพบการคงอยู่ของข้า” ชาเซี่ยวกล่าวเสริม

หลังกล่าวจบคำ เขาก็ส่งข้อมูลจำนวนมากเข้าสู่สมองของเด็กหนุ่ม

อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มกลับตกใจเมื่อตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับ “ไม่ วิญญาณดวงนี้น่ากลัวเกินไป ข้าต้องฆ่าเด็กทารกและใช้ดวงวิญญาณของพวกเขาเป็นวัสดุในการหลอมรวม ข้าจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้ มันเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท