เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1545 ฟงจิวเก้อเผชิญหน้ากับอันตราย

บทที่ 1545 ฟงจิวเก้อเผชิญหน้ากับอันตราย

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1545 ฟงจิวเก้อเผชิญหน้ากับอันตราย

แปลโดย iPAT

“บึม!”

เสียงระเบิดดังขึ้นในทวีปผมดำ มนุษย์ขนจำนวนนับไม่ถ้วนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

“ฟงจิวเก้อ เจ้าสมควรตาย!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มเย็นชาและบินออกไปอีกครั้ง

ยักษ์สวรรค์ยังคงไล่ล่าเขาภายใต้การควบคุมของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา แต่ก่อนที่ยักษ์สวรรค์จะจากไป มันปลดปล่อยแสงลึกลับออกมาและช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของมนุษย์ขนเหล่านั้น

อย่างไรก็ตามมันยังไม่มีประโยชน์สำหรับการต่อสู้โดยรวม

ทั้งยักษ์สวรรค์และฟงจิวเก้อมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่พวกเขาไม่สามารถหยุดยั้งอีกฝ่าย

“ฟางหยวนยังไม่ตอบอีกงั้นหรือ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกน

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่รับผิดชอบการติดต่อฟางหยวนส่ายศีรษะ

“บัดซบ!” จิตวิญญาณแผ่นดินลางหยากัดฟันแน่นก่อนคำราม “ติดต่อไม่ได้ในช่วงเวลาสำคัญ เขาพยายามหลบหนีหรือไม่? ไม่ เขาไม่ใช่คนที่ขาดความกล้าหาญ ตราบเท่าที่เรารวมพลังกัน ผู้อมตะภาคกลางเหล่านี้จะต้องตายที่นี่ นั่นหมายความว่า…ตอนนี้เขากำลังตกเป็นเป้าหมายของวังสวรรค์เช่นกันงั้นหรือ?”

แม้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะโกรธจัดแต่เขายังสามารถคิดได้อย่างมีเหตุผล

“ผู้อาวุโสสูงสุด เราจะทำอย่างไร เราไม่สามารถไล่ล่าฟงจิวเก้อเช่นนี้ต่อไป!” ผมที่หกถาม

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไม่เหมือนจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา แม้พวกเขาจะเกิดและอาศัยอยู่ที่นี่ แต่หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ ความคิดของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์กับผู้อมตะมีสถานะที่แตกต่างกัน

แม้ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนจะตาย แต่พวกเขาจะเติบโตขึ้นอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตามหากผู้อมตะภาคกลางสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณได้สำเร็จ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะมีปัญหา

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนต้องการเตือนจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแต่พวกเขาไม่มีความกล้า มีเพียงผมที่หกซึ่งเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณเท่านั้นที่สามารถก้าวออกมาในช่วงเวลาวิกฤต

เป็นไปตามความคาดหวัง หลังจากได้ยินคำแนะนำของผมที่หก จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหยุดอาละวาดทันที

เขาเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “อย่ากังวล ข้าจะลืมผู้อมตะภาคกลางได้อย่างไร แม้จะไม่มีฟางหยวน เราก็มีกำลังเสริม ฮ่าฮ่าฮ่า ฟงจิวเก้อคิดว่าแผนการของเขาจะประสบความสำเร็จ แต่มันเป็นการดิ้นรนที่สูญเปล่า คนเหล่านั้นต้องตายทุกคน!”

“อย่าบอกว่า…” ดวงตาของผมที่หกส่องประกายขึ้น

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็ตอบสนองเช่นเดียวกัน

“ถูกต้อง เราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง”

“แน่นอน นิกายหลางหยาของเราเป็นหนึ่งในพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ ผู้อมตะภาคกลางมีกำลังเสริม แต่พวกเราก็มีเช่นกัน!”

ในอดีตฟางหยวนได้พิจารณาถึงสถานการณ์เช่นนี้เอาไว้แล้ว

ฟางหยวนตระหนักถึงความสำคัญของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เครือข่ายพันธมิตรจะสามารถช่วยเหลือพวกเขา

พลังการต่อสู้ที่สำคัญของนิกายหลางหยาคือยักษ์สวรรค์ เมื่อมันกำลังไล่ล่าฟงจิวเก้อ ผู้อมตะภาคกลางจึงคิดว่าพวกเขาปลอดภัย แต่ในความเป็นจริงนิกายเงากลับมีกำลังเสริม

ความจริงก็คือผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึก มนุษย์หิน และมนุษย์หิมะมาถึงแล้ว พวกเขาเพียงถูกซ่อนเอาไว้เท่านั้น

“ในที่สุดก็ถึงเวลาของพวกเราแล้วงั้นหรือ?” ผู้อมตะระดับเจ็ดเผ่ามนุษย์หินบนเส้นทางแห่งกฎซื่อเจียงได้รับข้อความจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

“ไปกันเถอะ!” ผู้อมตะระดับเจ็ดเผ่ามนุษย์หิมะปิงเฟิงไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป

“น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้” ผู้อมตะระดับเจ็ดเผ่ามนุษย์หิมะปิงเจาผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ระยะประชิดกล่าวด้วยความเสียใจ

“เรามีค่ายกลวิญญาณอมตะ เหตุใดต้องต่อสู้ด้วยตนเอง?” ผู้อมตะระดับเจ็ดเผ่ามนุษย์หมึกจากเมืองหมึกหัวเราะ

นอกเหนือจากสี่ผู้อมตะระดับเจ็ดยังมีผู้อมตะระดับหกอีกจำนวนหนึ่ง

นิกายหลางหยาถูกโจมตี ตามข้อตกลงพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ อีกสามเผ่าพันธุ์ต้องให้ความช่วยเหลือและรวมเป็นหนึ่งเพื่อต่อต้านศัตรู หากฝ่าฝืนจะได้รับการลงโทษอย่างหนัก

เมื่อฟางหยวนกำหนดข้อตกลงพันธมิตร เขาได้เน้นย้ำถึงความรวดเร็วของการเสริมกำลัง เขาไม่ทิ้งช่องโหว่ใดๆเอาไว้

แต่ทั้งสามเผ่าพันธุ์ไม่ได้ถูกบังคับให้มา พวกเขามาด้วยความเต็มใจ โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์กลายพันธุ์ล้วนไม่ชอบมนุษย์ ความกังวลเดียวของพวกเขาคือชีวิตของพวกเขา

แต่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีค่ายกลวิญญาณอมตะซ่อนอยู่ สิ่งนี้สามารถบรรเทาความกังวลของพวกเขาไปได้มาก

ตั้งแต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อหลอมรวมระดับแปดถูกทำลายโดยนิกายเงา แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาสามารถใช้หม้อหลอมรวมที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น

การป้องกันของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอ่อนแอลงมาก แต่ด้วยภูมิปัญญาของฟางหยวน เขาได้แลกเปลี่ยนมรดกมากมายกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะทดแทนหม้อหลอมรวมเพื่อป้องกันแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาไม่ขาดแคลนวิญญาณอมตะขณะที่ความสำเร็จของฟางหยวนก็มีเพียงพอ ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่ที่สามารถปลดปล่อยพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

เขาสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ขึ้นมาโดยพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนและกำลังเสริม

นอกจากนั้นหากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาต้องการโจมตีฟางหยวนด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ มันจะไร้ประโยชน์ ในความเป็นจริงเขาได้ตั้งประตูลับเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินแล้ว

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทำงานร่วมกันโดยใช้พลังงานอมตะของพวกเขาเพื่อกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณอมตะดังกล่าว

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“มีค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่ซ่อนอยู่งั้นหรือ?”

“เป็นไปไม่ได้ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะมีกำลังรบจำนวนมากได้อย่างไร?”

ค่ายกลวิญญาณอมตะปลดปล่อยพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวออกมาและทำให้ผู้อมตะภาคกลางได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที

ปิงเจาและคนอื่นๆใช้โอกาสนี้โจมตีเป้าหมายของพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง มันทำให้ผู้อมตะภาคกลางสองคนเสียชีวิต

การแสดงออกของฟงจิวเก้อเปลี่ยนแปลงไป

“จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา แท้จริงแล้วเป็นข้าที่ตกลงสู่กับดักของเจ้า!”

ความจริงที่โหดร้ายเหมือนการตบหน้าฟงจิวเก้อ

บุคคลในตำนานของยุคปัจจุบันผู้นี้แสดงความโกรธขึ้นบนใบหน้า

ในสถานการณ์เช่นนี้ฟงจิวเก้อไม่สามารถดำเนินกลยุทธ์เดิมต่อไปได้อีก เขาต้องกลับไปช่วยผู้อมตะภาคกลาง

แต่ยักษ์สวรรค์ไม่ปล่อยเขาไป แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยายังมีค่ายกลวิญญาณอื่นที่กดดันเขา

แม้ฟงจิวเก้อจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ทำได้เพียงเฝ้าดูผู้อมตะภาคกลางเสียชีวิตไปอย่างไร้ประโยชน์เท่านั้น

‘ข้อมูลของข้าบกพร่องไปมาก แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ!’ ฟงจิวเก้อแสดงออกด้วยใบหน้ามืดครึ้ม

ท่าไม้ตายอมะเพลงหยกเขียว!

ในสถานการณ์นี้ช่วยไม่ได้ที่ฟงจิวเก้อต้องใช้ท่าไม้ตายเฉพาะตัวของเขาออกมาในที่สุด

“ติ๊ง ติ๊ง ติ้ง…”

เสียงไข่มุกจำนวนนับไม่ถ้วนที่ตกกระทบจานหยกดังขึ้น

ร่างของยักษ์เขียวและสภาพแวดล้อมรอบๆเริ่มเปลี่ยนเป็นหยกเขียว

“เพลงหยกเขียวช่างทรงพลังนัก!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวอยู่ในรูปปั้นยักษ์สวรรค์หยกเขียว

แต่หลังจากนั้นรูปปั้นหยกเขียวก็แตกออก ยักษ์สวรรค์พุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้ออีกครั้ง

ฟงจิวเก้อไม่แปลกใจ สำหรับยักษ์สวรรค์ เพลงหยกเขียวสามารถขัดขวางมันได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น

แต่นั่นก็เพียงพอแล้วในการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่สองของฟงจิวเก้อ

ท่าไม้ตายอมตะเพลงยอมจำนน!

กระบวนท่านี้ประกอบด้วยวิถีแห่งปัญญา ทาส เสียง และจิตวิญญาณ มันจะส่งผลกระทบต่อจิตใจโดยตรง มันถูกสร้างขึ้นโดยมีท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนีเป็นแรงบันดาลใจ มันอาจทำให้สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลกลายเป็นทาสของผู้ขับร้องได้ชั่วคราว

อย่างไรก็ตามมันยังไร้ประโยชน์

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะ “ฟงจิวเก้อ เจ้าคิดว่าเราไม่เตรียมตัวรับมือกับมันงั้นหรือ? ฟางหยวนได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเพลงของเจ้าแก่ข้าแล้ว ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ข้าได้ส่งสัตว์อสูรทั้งหมดของเข้าสู่มิติช่องว่างของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนของข้าแล้ว”

รู้เขารู้เราจะไม่มีวันพ่ายแพ้

วังสวรรค์พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็เช่นกัน ฟางหยวนได้แจ้งเตือนจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเกี่ยวกับฟงจิวเก้อไว้แล้ว คนผู้นี้เป็นบุคคลที่ต้องระวัง

ฟงจิวเก้อสูดหายใจลึกก่อนจะใช้ท่าไม้ตายต่อไป

ท่าไม้ตายอมตะเพลงสวรรค์พิภพ!

เพลงนี้สามารถกดดันจิตใจของผู้คนและทำให้การโจมตีของศัตรูอ่อนแอลง

แต่ท่าไม้ตายนี้ก็ยังไม่มีประสิทธิภาพมากนัก

ที่นี่เป็นฐานทัพของศัตรู แล้วฟงจิวเก้อจะสามารถใช้พลังของมันได้อย่างไร?

ท่าไม้ตายอมตะเพลงแยก!

เพลงนี้ไม่ธรรมดา มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแยกค่ายกลวิญญาณหรือคฤหาสน์วิญญาณ ย้อนกลับไปกระทั่งกระท่อมไม้ไผ่สายลมของวูหยงยังถูกรื้อถอน

ยักษ์สวรรค์เป็นค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณ แน่นอนว่ามันย่อมได้รับผลกระทบ

หากมันถูกรื้อถอน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนต้องต่อสู้ด้วยตัวของพวกเขาเอง แต่พวกเขาจะเปรียบเทียบกับฟงจิวเก้อได้อย่างไร?

เดิมทีฟงจิวเก้อไม่สามารถเคลื่อนไหวขณะใช้เพลงแยก แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาได้พัฒนามันและสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในที่สุด

เมื่อเพลงนี้เริ่มขึ้น มันเป็นเสียงที่อ่อนโยนและแผ่วเบา นั่นทำให้เกิดความหวั่นไหวขึ้นในหัวใจของผู้อมตะทั้งหมด

เสียงเพลงค่อยๆดังขึ้น มันสลับระหว่างเสียงต่ำกับเสียงสูง

ผู้อมตะเริ่มรู้สึกเศร้าและเจ็บปวดในหัวใจ

ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นเสียงทุ้มต่ำที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกโศกเศร้าและอยากร้องไห้

ความเจ็บปวดจากการพลัดพราก ความโศกเศร้า และความลังเลใจพุ่งเข้าโจมตีหัวใจของพวกเขา

แยกทางจากคนรัก มิตรสหายจากลา คนสนิทจากไป

ห่างกันแต่อดีตยังคงเดิม

แยกทางเมื่อสหายเก่าร่ำลา

แยกจากเหมือนอาทิตย์ตกดิน

จากไปเหมือนดอกไม้ที่ร่วงโรย

“ข้าจะแยกร่างมารดาเจ้า!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคำรามเสียงดังไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ท่าไม้ตายของเขาพร้อมแล้ว

ท่าไม้ตายอมตะความเงียบสัมบูรณ์!

ยักษ์สวรรค์ปลดปล่อยแสงสีเงินออกมา

แสงสีเงินที่เจิดจ้าทำให้เสียงเพลงค่อยๆเงียบลง

ใบหน้าของฟงจิวเก้อเผยให้เห็นถึงความตกใจ

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดและมันเป็นการตอบโต้เขาโดยตรง

“ฟงจิวเก้อ วันนี้ในอีกหนึ่งปีจะเป็นวันครบรอบวันตายของเจ้า!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคำรามขณะที่ยักษ์สวรรค์ยกเท้าขึ้นกระทืบฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อเร่งล่าถอย สายตาของเขาสั่นไหว พลังการต่อสู้ของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาน่าตกใจเกินไป

ท่าไม้ตายอมตะความเงียบสัมบูรณ์มีประสิทธิภาพสูงมาก แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังเก็บไว้จนถึงช่วงเวลาสำคัญและทำให้ฟงจิวเก้อกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์

ตัวตนในตำนานของภาคกลางรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่ใกล้เข้ามา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท