เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1646 ผู้อมตะฟางเจิ้ง

บทที่ 1646 ผู้อมตะฟางเจิ้ง

บทที่ 1646 ผู้อมตะฟางเจิ้ง

ภาคกลาง

ท้องฟ้ามืดครึ้มไร้ลม

ฟางเจิ้งยืนอยู่บนยอดเขาและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความประหม่าเล็กน้อยเมื่อนึกถึงภัยพิบัติของการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ

เมื่อตระหนักถึงอารมณ์ของตนเอง ฟางเจิ้งหัวเราะและคิด “เหตุใดข้าต้องประหม่า? นิกายกระเรียนอมตะควรเป็นฝ่ายประหม่าหรือกล่าวให้ถูกต้องมันควรเป็นวังสวรรค์ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา”

“ฉากหน้าอาจมีเพียงผู้อมตะระดับหกผู้เดียวที่ดูแลการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะของข้า แต่ในที่มืดต้องมีดวงตาหลายคู่กําลังมองข้าอยู่อย่างลับๆ มีคนเหล่านี้อยู่รอบๆ เหตุใดข้ายังต้องกังวล?”

แม้ฟางเจิ้งจะรู้เหตุผลที่วังสวรรค์สนับสนุนเขา แต่มันก็เป็นสิ่งยืนยันว่าเขายังมีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อคนเหล่านั้น

หากเป็นในอดีตเขาจะไม่ยอมตกเป็นตัวหมากเบี้ยเช่นนี้ ย้อนหลับไปที่ภูเขาชิงเหมา ฟางหยวนบอกเป็นนัยว่าเขาถูกลุงกับป้าใช้เป็นเครื่องมือในการแย่งชิงมรดก เรื่องนี้ทําให้ฟางเจิ้งโกรธมาก

แต่ตอนนี้ฟางเจิ้งไม่รู้สึกโกรธกับการตกเป็นเครื่องมืออีกต่อไป

สิบปีที่ผ่านมาฟางเจิ้งเผชิญหน้ากับสงครามที่โหดร้ายในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามาต ลอดเพื่อสร้างเมล็ดพันธุ์อมตะ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมดําไม่สนใจราคาที่ต้องจ่ายและทําให้เกิดสงครามที่รุนแรงในสามทวีป ฟางเจิ้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

ฟางเจิ้งใช้ประโยชน์จากผู้คนรอบข้างด้วยอุบายและแผนการ การนองเลือดและสงคราม

เขาค่อยๆเข้าใจว่าบางครั้งการเป็นตัวหมากเบี้ยของบางคนและถูกใช้งานก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย อย่างน้อยที่สุดมันก็พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าของเขา หากคนผู้หนึ่งไม่มีค่าพอที่จะเป็นเครื่องมือ คนผู้นั้นก็จะตกอยู่ในอันตราย เขาจะถูกทําลายทิ้งเหมือนเครื่องมือที่ผิดพลาด

แม้ฟางเจิ้งจะเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับห้า แต่เขาก็มีประสบการณ์ในการถูกทอดทิ้งและทรยศ ในฐานะมนุษย์ที่อาศัยอยู่ท่ามกลางมนุษย์ขน เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะถูกกีดกันและโดดเดี่ยว

“เราจะเริ่มเดี๋ยวนี้” เสียงของฟานซื่อหลิวดังขึ้นในหูของฟางเจิ้ง

ฟานซื่อหลิวเป็นผู้อมตะระดับหกที่ถูกส่งมาจากนิกายกระเรียนอมตะเพื่อสนับสนุนการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะของฟางเจ๋ง

ฟางเจิ้งพยักหน้าและสงบจิตใจลง

ทะเลวิญญาณนภาที่หนึ่งของเขาเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ แต่กําแพงคริสตัลกลับเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว คนผู้หนึ่งจะรู้สึกกังวลหากเห็นมัน รอยแตกร้าวมากมายเป็นปัญหาสําคัญสําหรับผู้ใช้วิญญาณ

แต่ฟางเจิ้งยังสงบ ความประหม่าของเขาหายไปแล้ว

ในความเป็นจริงระหว่างการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาเคยใช้ทักษะต้องห้ามในสถานการณ์สิ้นหวัง แม้เขาจะรอดชีวิต แต่ทะเลวิญญาณของเขายังได้รับความเสียหายร้ายแรงและเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว พรสวรรค์นภาที่หนึ่งของเขาตกลงมาอยู่ในนภาที่สอง

หลังจากถูกนําตัวมาโดยฟงจิวเก้อ ภาคกลางช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเขาและทําให้พรสวรรค์ของเขากลับสู่นภาที่หนึ่งอีกครั้ง อย่างไรก็ตามรอยแตกร้าวบนกําแพงคริสตัลยังอยู่ ไม่ใช่ว่าวังสวรรค์ไม่สามารถรักษา แต่พวกเขาปล่อยมันไว้เพราะมันจะทําให้การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะของฟางเจิ้งง่ายขึ้น

ฟางเจิ้งตั้งใจมองทะเลวิญญาณของตน ครั้งหนึ่งเขาเคยภาคภูมิใจกับมัน แต่หลังจากผ่านประสบการณ์มากมาย เขาไม่สนใจเรื่องพรสวรรค์อีกต่อไป ตอนนี้ในสายตาของเขา รอยแตกร้าวบนกําแพงคริสตัลคือร่องรอยที่แสดงถึงความสําเร็จของเขา เขาได้รับมันมาจากการต่อสู้นองเลือดและสงครามที่โหดร้าย มันถือเป็นเกียรติของเขา

“ลาก่อน ทะเลวิญญาณของข้า” ฟางเจิ้งพึมพำ

ด้วยหนึ่งความคิด คลื่นน้ำพุ่งเข้าปะทะกําแพงคริสตัลที่อยู่รอบๆ

ในไม่ช้ารอยแตกร้าวก็ขยายใหญ่ขึ้นก่อนจะระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ปราณสวรรค์พิภพปะทุขึ้น

ร่างของฟางเจิ้งถูกยกขึ้นสู่อากาศ

“เจตจํานงสวรรค์!” ฟานชื่อหลิวที่เฝ้ามองอยู่รู้สึกถึงเจตจํานงสวรรค์

ภัยพิบัติของฟางเจิ้งดึงดูดความสนใจของเจตจํานงสวรรค์ในระดับที่ผิดปกติ

ภัยพิบัติเริ่มก่อตัวขึ้น ปราณสวรรค์พิภพถูกเปลี่ยนเป็นปราณโลหิต เมฆดําบนท้องฟ้าถูกอาบย้อมด้วยแสงสีแดง

“ภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งเลือด…” ดวงตาของฟานซื่อหลิวส่องประกายขึ้น ภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งเลือดคือสิ่งที่ตัวตนระดับสูงต้องการเห็น

ปราณมนุษย์ของฟางเจิ้งปะทุออกมา

ฟานซื่อหลิวมองฟางเจิ้งและรู้สึกประหลาดใจ

ปราณมนุษย์ของฟางเจิ้งหนาแน่นมาก มันแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ชีวิตและรากฐานของเขา

ปราณสวรรค์พิภพหลอมรวมกับปราณมนุษย์ของฟางเจิ้ง

ฟางเจิ้งแสดงออกอย่างเคร่งขรึมขณะที่เขาพยายามควบคุมปราณทั้งสามและทําให้มันเกิดสมดุล

ฟางเจิ้งได้รับคําแนะนําจากฟานซื่อหลิวมาแล้ว เขาเข้าใจเรื่องนี้

ภัยพิบัติมาถึงในที่สุด ฝนตกลงมา

มันเป็นฝนเลือด!

ฟางเจิ้งกระตุ้นใช้วิญญาณเพื่อต่อต้านฝนเลือด แต่ในไม่ช้าวิญญาณเหล่านั้นกลับเป็นฝ่ายตกตาย

นี่เป็นสาเหตุที่ผู้ใช้วิญญาณมักจะสูญเสียวิญญาณทั้งหมดของพวกเขาหลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ

แต่ฟางเจิ้งได้รับการสนับสนุนจากวังสวรรค์ เขาไม่ขาดแคลนวิญญาณ

เขาปกป้องตนเองโดยไม่ตื่นตระหนก

ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาเคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่อันตรายยิ่งกว่านี้มาแล้ว นอกจากนั้นเขายังเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอ

แท้จริงแล้วฟานชื่อหลิวรู้สึกประหม่ามากกว่าฟางเจิ้ง

เขามองฟางเจิ้งโดยไม่กระพริบตา

ผู้ใช้วิญญาณระดับห้ามักพบปัญหามากมายระหว่างการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเพราะพวกเขาไม่เพียงต้องรับมือกับภัยพิบัติแต่พวกเขายังต้องควบคุมและรักษาสมดุลของปราณทั้งสาม

“ข้าสามารถปกป้องเจ้าจากภัยพิบัติฝนโลหิตได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่การปรับสมดุลของปราณทั้งสามขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง ก่อนหน้านี้ข้ามอบการฝึกฝนที่เพียงพอแก่เจ้าแล้ว เจ้าไม่สามารถล้มเหลวในช่วงเวลาสําคัญ” ฟานซื่อหลิวคิดกับตนเองขณะที่เขาเริ่มทําลายเมฆสีเลือด

แม้ภัยพิบัติฝนโลหิตจะดูรุนแรงแต่มันก็ไม่ร้ายแรงเกินไป ดูเหมือนเจตจํานงสวรรค์จะตั้งใจทําสิ่งนี้

การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะของฟางเจิ้งเป็นไปได้อย่างราบรื่นไม่ว่าจะเป็นภายในหรื

อภายนอก

ปราณทั้งสามหลอมรวมกันได้อย่างเหมาะสม ฉากในอดีตพุ่งผ่านจิตใจของฟางเจิ้งขณะที่เขาได้รับแรงบันดาลใจและความเข้าใจต่อสวรรค์พิภพ

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางเจิ้งตระหนักว่าเส้นทางแห่งเลือดเหมาะสมกับเขาเป็นอย่างมาก

เมื่อเวลาผ่านไปปราณทั้งสามก็ควบแน่นและก่อตัวเป็นกลุ่มก้อนพลังปราณ

ฟางเจิ้งเปิดเปลือกตาขึ้นและโยนวิญญาณระดับห้าบนเส้นทางแห่งเลือด เข้าไปในกลุ่มก้อนพลังปราณ

“บึม!”

กลุ่มก้อนพลังปราณระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงและก่อตัวเป็นมิติช่องว่างของผู้อมตะ

ฟางเจิ้งรู้สึกว่างเปล่าไปชั่วครู่ก่อนที่สติของเขาจะกลับคืน เขาเริ่มส่งวิญญาณหลักและวิญญาณดวงอื่นๆเข้าไปในมิติช่องว่าง วิญญาณดวงแรกที่เขานําเข้าไปคือวิญญาณอมตะเลือดล้างเลือด

มิติช่องว่างของเขาค่อยๆปรับสภาพและสร้างสมดุล

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นมิติช่องว่างระดับสูง

ยังมีปราณสวรรค์พิภพหลงเหลืออยู่มากมาย

ฟางเจิ้งมีความสุขมาก ปราณสวรรค์พิภพเหล่านี้สามารถยกระดับวิญญาณบนเส้นทางแห่งเลือดของเขาให้เป็นวิญญาณอมตะ

แม้เรื่องนี้จะมีอันตรายและดึงดูดภัยพิบัติ แต่ฟางเจิ้งก็ยังเลือกที่จะทํา

“ฟางเจิ้ง ให้ข้าเข้าไปเร็ว ข้าจะช่วยเจ้าก้าวข้ามภัยพิบัติ!” ฟานซื่อหลิวถ่ายทอดเสียงมายังฟางเจิ้ง

“หือ?” ฟางเจิ้งขมวดคิ้วแสดงความไม่พอใจ มิติช่องว่างเป็นพื้นที่ส่วนตัวของผู้อมตะ แต่ฟานซื่อหลิวกลับต้องการเข้าไป นี่ทําให้ฟางเจิ้งรู้สึกโกรธ

อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งกลับหยุดขมวดคิ้วอย่างกะทันหันและเปิดทางเข้ามิติช่องว่าง “แน่นอน ฟานซื่อหลิว เชิญเข้ามา”

ฟานซื่อหลิวรู้สึกประหลาดใจ ฟางเจิ้งพึ่งกลายเป็นผู้อมตะ กระบวนการทั้งหมดยังไม่จบสิ้น แต่เขาเปลี่ยนวิธีการพูดและทัศนคติไปแล้วอย่างเป็นธรรมชาติ

ดูเหมือนวังสวรรค์จะตั้งใจเลี้ยงดูฟางเจิ้งเพื่อจัดการฟางหยวนจริงๆ แท้จริงแล้วข้าค่อนข้างอิจฉา

หลายชั่วโมงต่อมาภัยพิบัติของฟางเจิ้งก็ผ่านพ้นไป ความอิจฉาของฟานชื่อหลิวพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

นั่นเป็นเพราะฟางเจิ้งสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดดวงที่สอง

วิญญาณอมตะเลือดเย็น!

ไม่กี่วันต่อมานิกายกระเรียนอมตะประกาศต่อโลกผู้อมตะว่าฟางเจิ้งประสบความสําเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ เขาเคยถูกทรมานโดยฟางหยวน โชคดีที่เขาได้รับการช่วยเหลือจากวังสวรรค์ ตอนนี้เขากลายเป็นหนึ่งในกองกําลังหลักในการจัดการปีศาจฟางหยวน

เนื่องจากการเผยแพร่ข่าวนี้เป็นเจตนาของวังสวรรค์ ดังนั้นมันจึงแพร่กระจายไปทั่วทั้งห้าภูมิภาคอย่างรวดเร็ว ชื่อเสียงของฟางหยวนถูกทําลายอีกครั้งโดยการทอดทิ้งครอบครัวและญาติสนิท ขณะที่ชื่อเสียงของวังสวรรค์พุ่งสูงขึ้นจากความเมตตาของพวกเขา

หลายวันต่อมา

“เทพธิดา ลาก่อน” บนก้อนเมฆ ฟานซื่อหลิวกล่าวกับจ้าวเหลียนหยุนด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเหลียนหยุนยิ้มตอบ “ขอบคุณสําหรับการต้อนรับ”

นางได้ยินว่าฟางเจิ้งประสบความสําเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ดังนั้นนางจึงมาแสดงความยินดีกับเขา น่าเสียดายที่ฟางเจิ้งไม่ได้ออกมาพบนาง เขาถูกกักตัวไว้โดยนิกายกระเรียนอมตะ

ฟานซื่อหลิวไม่กล้าหยาบคายต่อจ้าวเหลียนหยุน นางเป็นผู้นําคนปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ แม้นางจะเป็นผู้อมตะระดับหก แต่นางสามารถควบคุมวิญญาณแห่งความรักระดับเก้า

ฟานซื่อหลิวยืนยัน “ข้าจะมอบของขวัญของท่านให้ฟางเจิ้งด้วยตนเอง

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าขอบคุณก่อนจะบินจากไป

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท