หวนแค้นชะตารัก – ตอนที่ 514 เป็นครั้งแรกที่เจ้ามาหาข้า / ตอนที่ 515 ฟู่เยว่อี้งุ่นง่าน
ตอนที่ 514 เป็นครั้งแรกที่เจ้ามาหาข้า
ทันทีที่หันหลังไป เฟิงชิงสุ่ยก็หน้าบึ้ง ฟู่เฉินหรงหนอฟู่เฉินหรง อีกไม่นานคงรู้ว่าข้ามีความสำคัญต่อเจ้าเพียงไร พอถึงตอนนั้นเจ้าจะเข้าใจ เลือกซูจิ่วซือเป็นเรื่องโง่เขลา
พอคิดได้อย่างนี้ สีหน้าเฟิงชิงสุ่ยก็ดีขึ้นมาก พอถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่ฟู่เฉินหรง แม้แต่ซูจิ่วซือเองก็จะมาขอร้องนาง หากซูจิ่วซือรักฟู่เฉินหรง ต้องมาขอร้องนางแน่
ก่อนขึ้นรถม้า นางแหงนหน้ามองท้องฟ้า ท้องฟ้ามืดครึ้มทำให้มุมปากนางผุดรอยยิ้มที่สังเกตยาก มีชัยกลับมา ช่างน่าขันจริงๆ
ฟู่เฉินหรงยังไม่ออกเดินทาง นางก็มั่นใจแล้วว่าเขาต้องแพ้แน่
แพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากเฟิงชิงสุ่ยไปแล้ว ฟู่เฉินหรงก็ยื่นมือไปจับมือซูจิ่วซือ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งลึก “นึกไม่ถึงว่าวันนี้เจ้าจะมา”
“ดูสิเจ้าดีใจปานนี้เชียว”
“นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ามาหาข้าที่วังตะวันออก”
ซูจิ่วซือก้มหน้าเล็กน้อย พูดอย่างอ่อนโยน “ต้องหลีกเลี่ยงคำครหา”
“เจ้าหนอ ช่างวิตกจริงๆ ขอแต่ให้เจ้าพอใจ แล้วแต่เจ้า ข้างนอกเย็น เข้าไปคุยข้างในเถอะ”
ฟู่เฉินหรงดึงมือซูจิ่วซือกลับเข้าไปในห้องหนังสือ ซูจิ่วซือนั่งบนเก้าอี้ ฟู่เฉินหรงเอายันตร์แคล้วคลาดที่เฟิงชิงสุ่ยให้วางบนโต๊ะเล็ก พอเห็นยันตร์แคล้วคลาดที่ทำอย่างบรรจง ซูจิ่วซือก็ยิ้ม “เฟิงชิงสุ่ยยังเตรียมยันตร์แคล้วคลาด ข้าไม่ได้เตรียมอะไรเลย”
ฟู่เฉินหรงล้วงหาด้ายมงคลฝีมือผูกค่อนข้างหยาบออกมา “ข้ามีนี่ก็พอแล้ว”
“เจ้ายังรักษาไว้?”
“แน่นอน นี่เป็นของที่ต้องรักษาตลอดชีวิต เมื่อก่อนตอนที่เจ้าอยู่ห่างข้า ทุกครั้งที่คิดถึงเจ้าก็จะเอาด้ายมงคลออกมา พอเห็นก็นึกถึงเจ้า เหมือนกับว่าเจ้าอยู่ใกล้ชิดข้า”
ซูจิ่วซือนึกถึงที่ตนเองอดหลับอดนอนถักด้ายมงคลนี้ แต่ไม่ยอมบอกให้ฟู่เฉินหรงรู้
เวลานั้นนางเริ่มประทับใจในตัวฟู่เฉินหรง แต่ไม่คิดจะอยู่กับเขา คิดว่าความสัมพันธ์ต่อกันคงสิ้นสุดเพียงเท่านี้ ถือว่านี่เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่มอบให้ฟู่เฉินหรง
นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายทั้งสองก็มาอยู่ด้วยกัน ด้ายมงคลได้กลายเป็นของแทนใจ
ฟู่เฉินหรงยืนอยู่ข้างซูจิ่วซือ ซูจิ่วซือเอนตัวซบอกฟู่เฉินหรง ฟู่เฉินหรงยื่นมือโอบซูจิ่วซือ แม้นางเชื่อมั่นในฟู่เฉินหรง แต่ในใจก็ยังห่วง
“เฉินหรง ต้องกลับมาอย่างปลอดภัย ต้องจำไว้ ข้ารอเจ้าอยู่”
ฟู่เฉินหรงรู้ว่าการไปครั้งนี้อันตรายมาก เขามีโอกาสชนะ แต่ไม่มั่นใจเต็มที่ ในสนามรบ ไม่มีใครกล้าพูดว่าตนต้องชนะอย่างแน่นอน
เพื่อให้ซูจิ่วซือสบายใจ ฟู่เฉินหรงพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “เรื่องที่ข้าเคยรับปากเจ้ามีอะไรที่ไม่ได้ทำบ้าง จิ่วซือ ข้าต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่ อย่าคิดเหลวไหล รอข้ากลับมาก็แล้วกัน”
ซูจิ่วซือพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“พรุ่งนี้ก็ต้องจากกันแล้ว จิ่วซือควรจะทำอะไรบ้างหรือไม่?” ฟู่เฉินหรงกอดซูจิ่วซือ ก้มลงมองซูจิ่วซือ แววตาทอประกาย
ซูจิ่วซือประสานสายตากับดวงตาสดใสคู่นั้น แล้วจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นจูบปากฟู่เฉินหรง
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูจิ่วซือเป็นฝ่ายจูบฟู่เฉินหรง เขาตะลึงก่อน จากนั้นก็เป็นฝ่ายจูบ นี่เป็นของขวัญอำลา ลึกเข้าไปถึงหัวใจ อย่างนี้ดีจริงๆ
ไม่ว่าอย่างไร เขาต้องกลับมา เขารู้ว่าซูจิ่วซือรอเขาอยู่นี่ เขายังติดค้างสัญญาที่จะอยู่ร่วมกับซูจิ่วซือจนแก่เฒ่า
วันนี้จนกระทั่งดึก ฟู่เฉินหรงจึงพาซูจิ่วซือกลับจวนตระกูลมู่อย่างอาลัยอาวรณ์ พอซูจิ่วซือกลับไปแล้ว ฟู่เฉินหรงก็หลับตาพักผ่อนครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นเปลี่ยนชุดเกราะสีทอง
ตอนที่ 515 ฟู่เยว่อี้งุ่นง่าน
การยกทัพครั้งนี้ มีคนจำนวนมากรอหัวเราะเยาะเขา เขาจะให้คนทั้งแคว้นเจียงเห็นความสามารถของเขา ถือโอกาสนี้ยืนให้มั่นคงอย่างแท้จริง
พอคิดได้อย่างนี้ แววตาของฟู่เฉินหรงยิ่งครุ่นคิด ฟู่เฉินหรงในชุดเกราะสีทองดูเคร่งครัด แววตามุ่งมั่น แตกต่างจากฟู่เฉินหรงในยามปกติที่ยิ้มแย้มสนุกสนานอย่างสิ้นเชิง
คืนนี้ ซูจิ่วซือนอนไม่หลับ นางนอนพลิกตัวกระสับกระส่ายบนเตียง ทำอย่างไรก็ไม่หลับ
พอหลับตาลงก็เห็นฟู่เฉินหรงสวมชุดเกราะสีทองต่อสู้ในสนามรบ ไม่ว่าจะปลอบใจตนเองอย่างไร แต่ในใจลึกๆ นางก็ยังเป็นห่วงฟู่เฉินหรง
พอฟ้าสาง ซูจิ่วซือก็เรียกปิงซินมาช่วยชำระตัว หลังจากบ้วนปากอย่างเร่งรีบก็ไปที่มุมถนน เป็นเส้นทางที่กองทัพต้องผ่านก่อนออกจากตูเฉิง แม้ไม่สามารถพูดคุยกับฟู่เฉินหรง แต่นางก็อยากส่งฟู่เฉินหรงด้วยตัวเอง
เวลานี้ใกล้ถึงฤดูหนาวแล้ว อากาศเย็นลงเรื่อยๆ ตอนเช้ายิ่งหนาวเหน็บ ซูจิ่วซือรีบออกมา ไม่ได้ใส่เสื้อคลุม พอเห็นข้างนอกเย็นอย่างนี้ ปิงซินก็เป็นห่วงว่าซูจิ่วซือจะเป็นหวัด รีบบอก “คุณหนู หนาวหรือไม่? ถ้าหนาว บ่าวจะกลับไปหยิบเสื้อคลุมมาให้”
“ไม่ต้อง แค่ครู่เดียว ไม่เป็นไร”
ซูจิ่วซือพูดยังไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้า นางรู้ว่าฟู่เฉินหรงมาแล้ว
นางชะเง้อมอง ไกลออกไปเห็นฟู่เฉินหรงบนหลังม้าดำ สวมชุดเกราะสีทอง ท่าทางแตกต่างจากคุณชายสูงศักดิ์ยามปกติอย่างสิ้นเชิง มีความเข้มแข็งเคร่งครัด ดูโดดเด่นท่ามกลางผู้คน จนไม่มีใครละสายตาไปจากเขาได้
ฟู่เฉินหรงเห็นซูจิ่วซือยืนที่ข้างทางทันที ข้างหลังเขายังมีทหารนับไม่ถ้วน เขาไม่อาจหยุดม้าได้ เพียงแต่ยิ้มให้ซูจิ่วซือ
ซูจิ่วซือประสานสายตา พยักหน้าให้ฟู่เฉินหรง
สายตาสองคู่ประสานกันในเวลาสั้นๆ แต่ซูจิ่วซือกลับเข้าใจความหมายของฟู่เฉินหรง เขาพูดอีกครั้งว่า รอเขากลับมา
ซูจิ่วซือมองดูกองทัพใหญ่จนเคลื่อนห่างออกไปไกล จึงพาปิงซินกลับจวนตระกูลมู่
วันเวลาหลังจากนั้นสงบมาก ทั่วทั้งตูเฉิงก็สงบ ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
ซูจิ่วซืออยู่แต่ในจวนตระกูลมู่ไม่ออกไปไหน แต่ส่งคนไปสืบข่าวฟู่เฉินหรงตลอดเวลา เส้นทางไปซาหลัวยาวไกล เฉพาะเดินทางต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือน
เวลาว่างนางจะเหม่อมองกำไลในมือ สังเกตร่างกายตัวเองอย่างใกล้ชิด หากไม่มีความรู้สึกเจ็บหน้าอก แสดงว่าฟู่เฉินหรงปลอดภัยดี
ไม่นานก็ถึงกำหนดการแต่งงานของฟู่เยว่อี้ นางนั่งหน้ากระจกสัมฤทธิ์ ในใจรู้สึกงุ่นง่านอย่างบอกไม่ถูก จู่ๆ ก็กระแทกหวีไม้ในมืออย่างแรง
ใช่สิ นางไม่อยากแต่งงานกับเฟิงเยว่ พอนึกถึงว่าพรุ่งนี้ก็จะทำพิธี นางก็ไม่อาจทำให้ตัวเองดีใจได้ ไม่มีความตื่นเต้นยินดีที่จะแต่งงานแม้แต่น้อย กระทั่งนึกอยากให้เฟิงเยว่ตายกะทันหัน
แต่นางรู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นางแต่งงานกับเฟิงเยว่เป็นความจริงแท้แน่นอน
“องค์หญิง เป็นอะไรไป?”
พอสังเกตเห็นฟู่เยว่อี้อรมณ์ไม่ดี เหม่ยพ่านซึ่งยืนอยู่ข้างหลังก็ถามอย่างเอาใจ
“ข้าไม่เป็นไร เหม่ยพ่าน ให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะออกไป”
เหม่ยพ่านรู้สภาพของเฟิงเยว่ หากเป็นแม่นางทั่วไป คงไม่ดีใจแน่ นางเองก็รู้สึกดูแคลนแทนฟู่เยว่อี้ อาศัยชาติกำเนิดของฟู่เยว่อี้ความจริงแล้วสามารถเลือกคนที่ดีกว่าได้ แต่ต้องเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อจวนซิ่นอ๋อง
แต่เรื่องนี้นางเองก็ไม่อาจพูดอะไรได้ ทั้งหมดเป็นการจัดการของซิ่นอ๋อง
ฟู่เยว่อี้เองก็ไม่ได้ขัดขืน นางรู้ว่าฟู่เยว่อี้ยอมสละชีวิตเพื่อจวนซิ่นอ๋องอ แม้ในใจจะรู้สึกดูแคลน แต่ปากก็ไม่อาจพูดออกมาได้ รีบออกไปสั่งสาวใช้ให้เตรียมรถม้า