ตอนที่ 205 อยู่ด้วยกันสามคน
เหยียนเค่อได้รับข้อความจากเสิ่นจิ้งเฉินอีกก็รู้สึกว่าไอ้หมอนี่ช่างน่ารำคาญ แต่พอกดเปิดดู ก็เห็นรูปภาพหนึ่ง ในรูปมีคนที่ตนกำลังคิดถึงจุ๊บหน้าหมาๆ ของเสิ่นจิ้งเฉิน!
โทรศัพท์ในมือถูกกำเสียแน่น ข้อนิ้วที่แต่เดิมก็ขาวอยู่แล้วตอนนี้ก็ยิ่งขาวมากขึ้นกว่าเดิม
ผู้ช่วยหวังกลืนน้ำลาย นี่ต้องเคียดแค้นกันถึงขนาดไหนเลยเนี่ย
“ต่อครับ” เหยียนเค่อบอกกับคนตรงหน้าที่หยุดพูด
การประชุมยังคงดำเนินต่อ เหยียนเค่อส่งข้อความตอบกลับให้เสิ่นจิ้งเฉิน ก่อนจะฟังรายงานอันน่าเบื่อหน่ายต่อไป
เสิ่นจิ้งเฉินที่ได้รับข้อความข่มขู่ก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น กอดแขนซย่าเสี่ยวมั่วแล้วเอ่ย “น้องจ๋า เธอรักพี่รองไหม”
ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังจะบอกว่าเธอรักพี่รอง แต่รู้สึกว่าพูดไม่ถนัดปาก พูดอยู่นานก็พูดไม่ชัดสักที
สุดท้ายแม้แต่เสิ่นมั่วหลีคนหน้าตายยังหัวเราะออกมา
“ลองพูดว่าเธอรักพี่ใหญ่สิ”
“ฉันรักพี่ใหญ่”
“ไหนพูดว่ารักพี่รองซิ”
“ฉันระพี่รอง…” ซย่าเสี่ยวมั่วโดนแกล้งเหมือนเป็นลิงก็ไม่พอใจ “เฮอะ ฉันรักเสิ่นจิ้งเฉิน!”
เสิ่นจิ้งเฉินหัวเราะเหมือนคนไม่เต็มเต็ง แล้วเดินไปเอาของขวัญให้เธออย่างมีความสุข
“มีน้องสองคน คนหนึ่งโง่ อีกคนปัญญาอ่อน” เสิ่นมั่วหลีพูดสรุป
ตอนแรกคุณแม่ซย่ายังคิดว่าเด็กที่ไปโตอยู่เมืองนอกจะเข้ากับคนยากเสียอีก แต่นิสัยกลับเหมือนลูกสาวของเธอเลย ทำให้สนิทกันมากขึ้น
……
“ฉันรอวันที่เหยียนเค่อจะเรียกฉันว่าพี่ชาย”
ทั้งสองคนนั่งตกปลาอยู่ที่ริมสระน้ำ เสิ่นจิ้งเฉินผิวปากอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะพูดขึ้น
ซย่าเสี่ยวมั่วร้อง “อ๋า” อย่างคนแกล้งโง่ รู้ว่าพี่ชายกับเหยียนเค่อสนิทกันมาก แต่ว่าถ้าตนบุ่มบ่ามเข้าไปถามข้อมูลของเหยียนเค่อทำให้พี่ชายของเธอลำบากใจแบบนี้ก็คงไม่ดีเท่าไร
เสิ่นจิ้งเฉินพอใจกับน้องสาวของตนมาก ทั้งสองคนคุยกันรู้เรื่อง แถมน้องสาวตนยังรู้ว่าควรวางตัวให้เหมาะสมอย่างไร เมื่อไรควรเข้าหาและเมื่อไรควรล่าถอย คุยกันแล้วรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก
เขากับพี่ใหญ่ถึงแม้ว่าจะทำสายงานเดียวกัน แต่ทั้งคู่กลับมีระยะห่างต่อกัน
เขารู้สึกว่าตัวเองก็เป็นที่โดดเด่นยอดเยี่ยมคนหนึ่งเช่นกัน แต่ทุกครั้งที่ถกปัญหากับพี่ใหญ่มักจะรู้สึกอับอายขายหน้า แล้วพี่ใหญ่ก็เป็นคนที่ไม่มีนิสัยเหยียดหยามคนอื่นหรือหัวเราะเยาะเลย ต่อให้คุณทำผิดเขาก็จะแค่ชี้ออกมาแล้วปล่อยให้ผ่านไป ไม่สนใจในชื่อเสียงเกียรติยศราวกับเทพเจ้า เมื่อนำทั้งคู่มาเปรียบเทียบกันแล้วก็ทำร้ายจิตใจเขาเป็นอย่างมาก
เสิ่นมั่วหลีที่ตอนเที่ยงไม่ได้เข้าไปนอนกลางวันยกดอกไม้ของตนออกมาอาบแดด เดินมาถึงตรงที่พวกเขานั่งอยู่พอดี ได้ยินเสิ่นจิ้งเฉินผิวปากก็หัวเราะเบาๆ
“พี่ก็ผิวปากเป็นด้วยเหรอ” เสิ่นจิ้งเฉินถามขึ้น และก็ไม่ได้คิดว่าเสิ่นมั่วหลีจะมาผิวปากให้พวกเขาฟัง
เสิ่นมั่วหลีคราง “อืม” ตอบกลับ เด็ดใบไม้ออกมาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้เอนข้างๆ กัน นิ้วขาวสว่างชุ่มชื้นลูบไปตามใบไผ่เรียวยาว เอ่ยเยาะตัวเอง “แก่แล้วน่ะ ไม่ได้ผิวปากนานแล้ว”
ซย่าเสี่ยวมั่วกระอักเลือด พวกเราสามคนก็อายุพอๆ กันไหมล่ะ
เสิ่นจิ้งเฉินนิสัยเด็กเสียยิ่งกว่าเหยียนเค่ออีก ได้ยินพี่ชายพูดเช่นนี้ก็ไม่พอใจ “ผมจะอายุสิบแปดตลอดไป”
ซย่าเสี่ยวมั่วร่วมด้วย “ฉันสิบหก”
“…” เสิ่นมั่วหลีถึงกับพูดไม่ออก หน้าไม่อายกันเลยจริงๆ
ยามบ่ายของฤดูใบไม้ร่วง สระน้ำสะท้อนแสงอาทิตย์ ใบไม้โดนสายลมพัดพา เสียงเป่าใบไม้อันไพเราะและเสียงผิวปากอย่างเบิกบานใจลอยขึ้นไปยังท้องฟ้าแจ่มใสด้านบน
ซย่าเสี่ยวมั่วฮัมเพลงอย่างมีความสุขครู่หนึ่ง หยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายใบหน้าด้านข้างและด้านหลังของพี่ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สองตัวอยู่หลายภาพ เพราะว่าเป็นรูปด้านข้าง แถมยังถ่ายจากที่ไกลๆ อีก ทำให้เห็นแค่ว่าเป็นหนุ่มหล่อ แต่มองไม่ชัดเจนนัก
เธอโพสต์รูปเหล่านี้ลงบนเวยปั๋วเป็นเซอร์วิสให้กับแฟนคลับ
เธอเองก็รู้ว่าต้องทำตัวให้ได้รับความสนใจสักหน่อย ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะนึกว่าเธอกลัวเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง
ตอนที่ 206 ไปดูงาน
เหยียนเค่อเห็นโพสต์ล่าสุดของซย่าเสี่ยวมั่วในเวยปั๋วก็รู้สึกหมดปัญญา
เขาไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกกับซย่าเสี่ยวมั่วอย่างไร แต่ตอนนี้ความคิดที่จะแหกอกเสิ่นจิ้งเฉินนั้นแรงกล้าเอามาก
หมอนั่นไปล่อลวงซย่าเสี่ยวมั่วได้ยังไง แถมผู้ชายที่อยู่ใกล้ซย่าเสี่ยวมั่ว รู้สึกว่าจะหล่อกว่าเขาเสียอีก…
ซย่าเสี่ยวมั่วจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นหรือเปล่านะ…
นายคนนี้ลืมไปจนหมดสิ้นแล้วถึงความจริงที่ว่าเขากับซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้เป็นอะไรกัน
ผู้ช่วยหวังเห็นเจ้านายของตนนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดก็ลองถามหยั่งเชิง “แผนการมีปัญหาตรงไหนหรือเปล่าครับ”
เหยียนเค่อส่ายหน้าอย่างกลัดกลุ้ม “ดีครับ ให้ฝ่ายวางแผนจัดการให้ดี แล้วก็จับตามองสาขาย่อยของเหยียนกรุ๊ปด้วย ถ้าสำนักงานใหญ่ของพวกเขากล้าทำอะไรกับสาขาของเรา ก็จัดการสาขาย่อยของฝ่ายนั้นเลย”
“ครับ”
เหยียนเฟิงเตรียมตัวเคลื่อนไหวอีกครั้ง ตอนนี้หมากในมือมีเยอะมาก แต่ไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ตรงไหน
พี่น้องไม่ถูกกัน ไม่ได้มีขึ้นแค่ในอดีตเท่านั้น ปัจจุบันยังมีให้เห็นมากมาย
เพียงแต่ไม่รู้ว่าพี่ชายเขาตอนนี้จะเอาอะไรมาเดิมพัน ถ้าเอาเหยียนกรุ๊ปมาเดิมพันนั้น เขาก็ไม่กล้าเอาหรอก
ตอนเที่ยงเขากลับไปบ้านรอบหนึ่ง กินข้าวกับคู่หมั้นของตน คิดว่าเสิ่นจิ้งเฉินได้นั่งกับซย่าเสี่ยวมั่วแล้วก็อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้
“เหยียนเค่อ!”
ไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่เหยียนเค่อนั่งเหม่อ จนแม้แต่คุณแม่เหยียนก็รู้สึกฉุนขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว
เหยียนเค่อวางชามแล้วนวดขมับ “ผมอิ่มแล้วครับ กลับบริษัทก่อนนะครับ ตอนบ่ายต้องไปดูงาน”
คุณแม่เหยียนยังไม่ทันถามว่าเขาจะไปนานเท่าไร เหยียนเค่อก็เดินไปหยิบเสื้อโค้ตที่ห้องรับแขกแล้วออกจากบ้านไป มองข้ามสวีอิ๋งอิ๋งโดยสิ้นเชิง
วันนี้สวีอิ๋งอิ๋งเห็นเขาสวมชุดสูทสีดำแล้วก็ตกตะลึงไป
ผู้ชายคนนี้หล่อเหลากว่าเหยียนเฟิงมากจริงๆ ดูเป็นคนที่เข้าหาได้ง่าย แต่การเข้าหาได้ง่ายนั้นต้องอยู่ในขอบเขตที่เขาอนุญาตด้วย
แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนี้เธอก็ยังชอบเหยียนเฟิงมากกว่าอยู่ดี ผู้ชายคนนี้แสดงอารมณ์ออกมาทั้งหมด ไม่เหมือนคนที่ทำการใหญ่ได้เลยสักนิด
คนที่ทำการใหญ่ได้อย่างแท้จริงจะให้คุณเห็นในด้านที่เขาอยากให้เห็นเท่านั้น สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็น
ตอนบ่ายเหยียนเค่อไปดูงานที่อเมริกาจริงๆ ส่วนผู้ช่วยหวังก็ไปอเมริกาใต้
บ้านของเซ่าหมิงฟ่านอยู่ที่อเมริกา เหยียนเค่อมาคุยเรื่องธุรกิจจึงรอให้ถึงวันแล้วกลับพร้อมกัน
“นายจะกลับเมื่อไร”
“ก่อนวันหมั้นสวีรั่วชี”
“ไปด้วยกันไหม”
“อืม”
เมื่อถึงอเมริกายังเป็นตอนเช้าอยู่ เหยียนเค่อเองก็ไม่รีบ หลับสักงีบที่บ้านของเซ่าหมิงฟ่าน เมื่อตื่นก็เอาเรื่องที่เสิ่นจิ้งเฉินจะแย่งซย่าเสี่ยวมั่วไปจากเขามาบอกเซ่าหมิงฟ่าน
“ไม่ใช่ไอ้ฉินซื่อหลานหรอกเหรอเนี่ย”
“ฉินซื่อหลานน่ะกลัวตาย เพราะฉะนั้น เสิ่นจิ้งเฉินตายแน่” เหยียนเค่อผูกเนกไทแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าอึมครึม
เซ่าหมิงฟ่านหัวเราะเบาๆ “นายบอกว่านายไม่ชอบเขาไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องไปขวางทางรักของเขาด้วยล่ะ”
เหยียนเค่อทำตัวไร้เหตุผล “ถึงไม่ชอบก็มาเป็นน้องสะใภ้ไม่ได้! ฉันไม่เห็นด้วย”
“นายก็ใส่ใจดีเนอะ” เขาเหยียดยิ้ม หมุนตัวเข้าไปรินน้ำในห้องรับแขก “รีบทำให้มันจบ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวฉันช่วยนายเอง”
“นายช่วยไม่ได้!” พอองค์เจ้าเหยียนผู้นิสัยเด็กประทับร่าง ฟังอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ
เซ่าหมิงฟ่านที่ทำดีแต่ได้ชั่วมาแทนรู้สึกเหนื่อยใจ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอยากให้เขาพักผ่อนสักสองสามวันละก็ ทำไมต้องหาเรื่องให้ตัวเองด้วยนะ
การคุยธุรกิจครั้งนี้เป็นการเปิดประชุมปรึกษาหารือ เสียงตอบรับของบริษัทนี้ดีมาก ติดอันดับสูงๆ ของโลก อยากเข้ามาดูแลหนานซานมาโดยตลอด เดิมทีประธานของพวกเขาจะไปประชุมที่เมือง N ด้วยตนเอง แต่เหยียนเค่อไม่อยากอยู่บ้านแล้ว จึงอาศัยโอกาสนี้มาพบเสียเลย