ตอนที่ 547 นิสัยต่างกัน
เวทีแต่งงานใช้กองทรายสร้างเป็นฐาน แล้วปูด้วยพรมแดงทอดยาวไปจนถึงกลางทะเล
สวีอันหรานยืนรออยู่ตรงสุดปลายทางของเวที สวีรั่วชีมีคุณพ่อสวีเดินประคองขึ้นไปบนเวทีแล้วเดินไปยังคนที่ยืนอยู่สุดทาง
มันต้องสวยงามมากแน่ๆ ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งดูอยู่ข้างๆ ด้วยใจที่เต้นระรัว
คนหนึ่งค่อยๆ ปรากฏตัวแล้วเดินเข้าไปหา ส่วนอีกคนก็เห็นคนรักตัวเองยืนรออยู่ตรงปลายทางท่ามกลางทะเลสีคราม มันช่างเป็นภาพที่สวยงามอะไรปานนี้
เสิ่นจิ้งเฉินก็รู้สึกซาบซึ้ง “ในที่สุดก็สมหวัง ไม่ง่ายเลยจริงๆ”
กำลังจะหันไปขอความเห็นจากเหยียนเค่อ ก็พบว่าชายหนุ่มดื่มเหล้าเข้าไปมากกว่าครึ่งขวดแล้ว
เสิ่นจิ้งเฉินตกใจจนรีบคว้าขวดเหล้าไปวางไว้ใต้เก้าอี้ “อีกเดี๋ยวก็ต้องดื่มฉลองให้สวีอันหราน นายจะรีบดื่มไปทำไมมากขนาดนี้”
เหยียนเค่อเป็นนคนคอแข็งมาก เหล้าแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก จึงเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน “ไม่ได้ดื่มนานแล้ว”
“นายไม่ชอบกลิ่นนี้ไม่ใช่หรือไง” เสิ่นจิ้งเฉินถามอยากแปลกใจ แต่ก่อนคะยั้นคะยอให้ดื่มเหยียนเค่อก็ทำราวกับว่าจะโดนพวกเขาฆ่าตายอย่างนั้นแหล่ะ ตอนนี้กลับเริ่มดื่มเองซะอย่างนั้น
“อืม” ตอนนี้ก็ยังคงเกลียด เขาแค่อยากรู้ว่า ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ชอบเขามันจะเหมือนกับความรู้สึกที่เขาไม่ชอบเหล้าหรือเปล่า
“ไม่ต้องดื่มแล้ว ลมทะเลแรงขนาดนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” เสิ่นจิ้งเฉินเป็นห่วงเพื่อนจริงๆ
ที่จริงเหยียนเค่อก็กะจะดื่มแค่แก้วเดียว ไม่ได้จะดื่มเยอะขนาดนี้ เห็นท่าทางของเสิ่นจิ้งเฉินที่กลัวว่าเขาจะแย่งเหล้ากลับคืนมาก็อยากจะหัวเราะ
“ฉันไม่ได้อยากดื่มขนาดนั้น นายไม่ต้องทำท่ากระวนกระวายขนาดนั้นหรอก”
เสิ่นจิ้งเฉินหัวเราะหึหึ ใครจะไปรู้ว่ามันจะแอบหยิบมารินดื่มต่อหรือเปล่า
ขณะที่พวกเขาพุดคุยกันอยู่สวีอันหรานกับสวีรั่วชีก็แลกแหวนกันเสร็จเรียบร้อย พิธีกรเดินขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง
“พิธีกรคนนี้พูดเก่ง แต่ยังสวยสู้อันหรานไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
“นายก็บอกเองว่าหล่อนพูดเก่ง แล้วจะหาคนสวยๆ มาทำไม” เหยียนเค่อมองไปที่ซย่าเสี่ยวมั่ว
ยายโง่นั่นเท้าแขนมองดูบนเวที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“หล่อนชอบพิธีกรคนนี้เหรอ” เหยียนเค่อเอ่ยถามอย่างสนใจ
เสิ่นจิ้งเฉินมองตามสายตาของเพื่อนจึงเห็นคนที่พูดถึง จึงหันกลับไปมองเวทีต่ออย่างเหนื่อยใจ “คงใช่มั้ง ไม่อย่างนั้นก็คงชอบการออกแบบบนเวที”
“ฉันเป็นคนออกแบบเอง” เหยีนเค่อยอมหันสายตากลับมาคุยกับเสิ่นจิ้งเฉิน
เสิ่นจิ้งเฉินหันไปจ้องตากับเหยียนเค่ออย่างจริงจัง คิดมาตลอดว่าสิ่งที่ซย่าเสี่ยวมั่วชอบมันต้องแตกต่างจากที่เหยียนเค่อชอบ “ไอเดียในการออกแบบของนายคืออะไร”
เหยียนเค่อคลี่ริมฝีปาก เอ่ยอย่างจริงจังเช่นกัน “นายเดาสิ”
“ถ้าฉันเดาออกจะถามนายไหมล่ะ” เสิ่นจิ้งเฉินแตะหน้าผาก คิดอยู่แล้วว่าเพื่อนคงไม่บอก
นิ้วมือสวยๆ ของเหยียนเค่อชี้ออกไปส่งๆ ยังที่ที่หนึ่ง “เดี๋ยวนายก็รู้เอง”
เสิ่นจิ้งเฉินไม่เห็นว่าจะมีอะไรแปลกใหม่ จึงคิดว่าสวีอันหรานโดนหลอกแล้วแน่ๆ “นายบอกว่าจะมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้สวีอันหรานไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ ของชิ้นใหญ่” เหยียนเค่อตอบตามความเป็นจริง
ในสายตาของเสินจิ้งเฉินการที่เหยียนเค่อห่างหายจากการเล่นงานคนไปนานขนาดนี้ แสดงว่าเดี๋ยวมันต้องมีอะไรแน่ๆ
เสินจิ้งเฉินเริ่มรู้สึกกลัว ถ้าเขาแต่งงานจะไม่ให้เหยียนเค่อช่วยแน่นอน น่าจะโดนเล่นงานเสียมากกว่าช่วย มีแต่ สวีอันหรานคนเดียวเท่านั้นแหล่ะที่เชื่อใจเหยียนเค่อ แล้วเดินเข้าไปในกับดักของเหยียนเค่อครั้งแล้วครั้งเล่า
เหยียนเค่อมองเสิ่นจิ้งเฉินอย่างไม่ใส่ใจ “นายตามสบาย ดูแลยายโง่ซย่าเสี่ยวมั่วให้ดีๆ ด้วย” ถ้าหล่อนเกิดอะไรขึ้นตอนช่วงที่ชุลมุนคงไม่สนุกแน่
เสิ่นจิ้งเฉินรู้สึกขอบคุณที่มีซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ด้วย แต่ดูเหมือนเขาจะประมาทเหยียนเค่อเกินไป อย่างชายหนุ่มนั้นไม่น่าปล่อยให้ใครเหลือรอด
ตอนที่ 548 รวมกันกระโดดน้ำ
พิธีแต่งงานดำเนินไปชั่วโมงหนึ่งแล้ว สวีรั่วชีพูดความรู้สึกที่มีต่อสวีอันหรานออกมามากมาย ซย่าเสี่ยวมั่วซาบซึ้งจนนั่งน้ำตาไหลออกมาเป็นพรูอยู่ข้างเวที
เพื่อนเจ้าบ่าวที่ยืนข้างๆ คอยโห่ร้องเชียร์บ่าวสาว หลังเจ้าบ่าวเจ้าสาวจูบกันเสร็จ พิธีกรก็ขอให้เล่นเกมต่ออีกสองสามเกม จากนั้นพิธีก็ดำเนินมาถึงช่วงท้าย
พอสวีอันหรานประกาศเริ่ม บนเวทีก็เต็มไปด้วยผู้คน พวกที่สนิทกับบ่าวสาวต่างก็กระโดขึ้นไปบนเวที ล้อมหน้าล้อมหลังบ่าวสาว
ถึงเวลานี้เหยียนเค่อค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินขึ้นไปบนเวที เสิ่นจิ้งเฉินรีบเดินตามหลังไป
ส่วนซย่าเสี่ยวมั่วก็ขึ้นไปหาสวีรั่วชีบนเวทีแล้วอวยพรให้เพื่อน “ฮ่าฮ่าฮ่า สุขสันต์วันแต่งงาน”
สวีรั่วชีกุมมือซย่าเสี่ยวมั่ว อีกมือก็กอดเอวสวีอันหรานไว้ รู้สึกว่าชีวิตสมบูรณ์แล้ว
รอบด้านเต็มไปด้วยเสียงแสดงความยินดีและอวยพรให้บ่าวสาว แต่จู่ๆ ก็มีเสียงเยือกเย็นของเหยียนเค่อที่มาพร้อมร้อยยิ้มดังขึ้น “เจ้าบ่าวควรจะแสดงให้เจ้าสาวเห็นหน่อยสิว่ารักเธอมากแค่ไหน”
สวีอันหรานที่โดนล้อมโดยฝูงชนมองไปยังเหยียนเค่อที่อยู่ด้านหลังสุดอย่างไม่เข้าใจ นี่เหยียนเค่อกำลังคิดจะประจานเขาอย่างนั้นหรือ
เสียงคนที่เหลือโห่เชียร์ขึ้น “ใช่!”
เหยียนเค่อเดินไปหาสวีอันหรานโดยมีทุกคนแหวกทางให้ ดึงให้สวีรั่วชีกับสวีอันหรานออกห่างจากกัน
“รักเมียนายมากขนาดยอมพลีชีหรือเปล่า ความลึกของทะเลน่าจะเป็นตัวพิสูจน์ความรักของนายได้ดีนะ”
เหยียนเค่อพูดถึงคำพูดแสดงความรักที่สวีอันหรานพูดกับสวีรั่วชีบนเวที
“อืม” น้ำเสียงสวีอันหรานเริ่มแกว่ง
เหยียนเค่อยิ้ม “อย่างนั้นนายก็ลงไปสิ” เอื้อมมือไปกะจะอุ้มสวีอันหรานโยนลงทะเล แต่แค่มือแตะไปโดนบ่า สวีอันหราน ชายหนุ่มก็กระโดดลงไปเองเสียก่อน
สวีอันหรานเดาได้ว่าเพื่อนคิดจะทำอะไร เหยียนเค่อยังไม่ทันออกแรงเขาก็กระโดดลงไปเสียก่อน อย่างไรซะกระโดดลงไปเองก็ดูเท่กว่าถูกเหยียนเค่ออุ้มแล้วโยงลงไปเป็นไหนๆ
เหยียนเค่อพอใจกับการไหวตัวทันของสวีอันหราน แล้วเอื้อมมือไปผลักฉินซื่อหลานกับเซ่าหมิงฟ่านให้ตามลงไปด้วย ลำดับเวลากำลังดีเลย อีกคนยังไม่ตกลงไป อีกคนจมไปในน้ำแล้ว
เสิ่นจิ้งเฉินยืนอึ้งอยู่กับแผนการที่เหยียนเค่อวางไว้อย่างแยบยล ขณะที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่รอดมาได้ ก็ถูกเหยียนเค่อแตะที่บ่า จากนั้นก็อุ้มเขาโยนลงไป
“นายหลอกฉัน!” น้ำเสียงตัดพ้อของเสิ่นจิ้งเฉินดังมาจากในน้ำ น้ำเย็นๆ ในทะเลซึมเข้าไปในสูท บรรดาพี่น้องเขาก็รวมกันอยู่ในทะเลหมดแล้ว
คนที่อยู่ด้านบนยืนมองเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างชอบใจ เหยียนเค่อมองคนทั้งสี่ที่อยู่ในน้ำอย่างสะใจ กำลังจะหันหลังกลับ ก็ประสานสายตากับซย่าเสี่ยวมั่วพอดี
ซย่าเสี่ยวมั่วที่กำลังยิ้มสนุกเห็นหน้าชายหนุ่มก็หุบยิ้มทันที
พอดีกับที่เสิ่นจิ้งเฉินและฉินซื่อหลานตะโกนโวยวายมาจากด้านล่าง “ถ้านายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ก็ลงมาเดี๋ยวนี้เลย”
เหยียนเค่อหันตัวกลับ แกะกระดุมคอเสื้อเตรียมจะกระโดดลงไป ทุกคนต่างนิ่งงันไป สักพักก็ได้ยินกระโดด จึงรีบไปดู เห็นพวกเขาทั้งห้าคนอยู่ในน้ำ
สวีอันหรานก็อึ้งไปเหมือนกัน ยืนขึ้นจากน้ำ “นายกินยาผิดมาเหรอ”
เสิ่นจิ้งเฉินกระโดดเกาะหลังเหยียนเค่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “นายกล้าเล่นงานฉัน ฉันนึกว่านายจะใจดี”
เหยียนเค่อเตรียมหงายหลัง เป็นการเตือนว่าถ้าไม่รีบลงไปจากหลังเขาเขาจะกดทับให้จมไปในน้ำเลย
สวีอันหรานได้ยินคำว่า ‘ใจดี’ สองคำนี้ก็หัวเราะ “อย่างมันเนี่ยนะ ชีวิตนี้หาสองคำนี้จากมันไม่ได้หรอก”
พวกเขาลอยตัวกันอยู่ในทะเลเงียบๆ ไม่ได้รีบร้อนขึ้นฝั่ง
เซ่าหมิงฟ่านต่อยไปที่ไหล่ของสวีอันหรานเบาๆ ยิ้มกว้าง “ยินดีด้วย ขอให้อยู่กันจนแก่เฒ่า”
“เช่นกัน” สวีอันหรานยังคงแกะกระดุมเสื้อสูทอยู่
ฉินซื่อหลานเอื้อมไปโอบไหล่สวีอันหราน หลังอวยพรเสร็จก็เอ่ยกำชับอย่างจริงจัง “เข้าหอวันนี้นายก็นอนห่มผ้าคุยกันเฉยๆ แล้วกัน สามเดือนนี้อดทนหน่อยนะ”
สวีอันหรานกลอกตามองฉินซื่อหลาน กระทุ้งศอกไปที่เพื่อน “วันนี้นายไม่ต้องขึ้นไปแล้ว”
เสิ่นจิ้งเฉินทำท่าแอบแบ๊วเข้าไป “ขอให้มีลูกหลานเต็มบ้าน ร่มเย็นเป็นสุข” อวยพรจบก็เอ่ยเสริมอีกประโยคหนึ่ง
“อยู่ห่างจากเหยียนเค่อ ก็มีความสุขไปตลอดชีวิตแล้ว”
ทั้งสี่คนหัวเราะออกมา เหยียนเค่อกัดฟันกรอดอย่างโมโห ถีบไปที่ก้นของเสิ่นจิ้งเฉิน “จะหาเรื่องใช่ไหม”
เสิ่นจิ้งเฉินหมุนตัวกับไปยื้อเท้าของเหยียนเค่อ ทั้งหมดเล่นแหย่กันอย่างสนุกสนาน