บทที่ 39 หลงเชื่อมั่นในตัวเอง
การวิ่งยามเช้าจบลง หานหยู่เยนกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อแล้วไปที่บริษัท
เพิ่งสาวก้าวเข้าไป ด้านหลังก็มีหลิวหงผู้จัดการฝ่ายบัญชีเดินเข้ามาหาอย่างเร่งรีบ กล่าวว่า “ผู้จัดการค่ะ ฉันมีเรื่องจะรายงานค่ะ”
นับตั้งแต่ช่วงก่อนหานหยุนเทาถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตำแหน่งรองผู้จัดการทั่วไปก็ว่างเว้นเสมอมา
คุณย่าตระกูลหานเพื่อทำให้ฟ่านหลิงดู จึงให้หานหยู่เยนเป็นรองผู้จัดการชั่วคราว อีกทั้งยังให้รับผิดชอบโครงการของปินหูอีกด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าครองอำนาจใหญ่อยู่ในมือ
และเป็นเพราะหานหยู่เยนมาแทนตำแหน่งของตน หานหยุนเทาจึงเกลียดชังเธอมากขนาดนี้
“เรื่องอะไร ว่ามาเลยค่ะ”
หลิวหงลังเลเล็กน้อย พูดหยั่งเชิงถามว่า“ผู้จัดการได้อนุมัติเงินให้คุณชายหานหยุนเทาไหมคะ?”
“หมายความว่ายังไง?”หานหยู่เยนสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลอย่างฉลาดแหลมคม
“วันนี้คุณชายหานมาฝ่ายบัญชีแต่เช้า เอาหลักฐานแสดงความยินยอมของท่าน จากนั้นก็เบิกเงินไปหนึ่งล้านห้าแสนหยวน เพื่อไปซื้อวัสดุก่อสร้างค่ะ”
โครม!
สีหน้าหานหยู่เยนเปลี่ยนแปลง พูดด้วยความกังวลใจว่า“เป็นไปได้ยังไง ฉันให้หลักฐานเขาที่ไหนกัน อีกแล้วฉันกับเขาเป็นน้ำกับไฟที่ไม่ถูกกันอยู่แล้ว ถือแม้จะซื้อวัสดุก่อสร้างก็ไม่ให้เขาไปทำหรอก คุณทำงานยังไง ทำไมไม่รายงานให้ฉันทราบ!”
“ฉัน ฉัน……”
หลิวหงเป็นหญิงสาวอายุยังไม่ถึงสามสิบปี ถูกหานหยู่เยนด่าเช่นนี้ จึงเกิดความว้าวุ่นใจ รู้สึกเสียใจในความไม่ยุติธรรมมาก
หานหยู่เยนรู้ว่าตนเสียมารยาทแล้ว
เรื่องนี้จะโทษหลิวหงก็ไม่ได้ เพราะหานหยุนเทาเป็นคนโอ้อวด เอาแต่ใจ ดุร้ายและเผด็จการ ถึงแม้จะถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นคุณชายตระกูลหานอยู่ดี เป็นหลานชายคนโตของคุณย่า พนักงานบริษัทจึงต้องยำเกรงเขาทุกคน
เป็นแค่สาวบัญชีตัวน้อยๆจะไปกล้าขัดใจเขาได้อย่างไร
“ดูหลักฐานชัดเจนหรือยัง?”หานหยู่เยนโกรธจนตัวร้อนไปทั้งตัว
“ดูละเอียดแล้วค่ะ เป็นตราบริษัท ตอนดิฉันเห็นยังเพิ่งประทับเสร็จใหม่ๆ ดิฉันก็เลยไม่ได้สงสัยอะไรค่ะ เดิมทีฉันอยากจะโทรหาคุณ แต่คุณชายหานด่าว่าดิฉัน ดังนั้น……”
หานหยู่เยนรีบเปิดลิ้นชักของตนออกมาพบว่าตราบริษัทหายไปตามคาด
ไอ้บ้านี้ถึงกลับเอาตราของบริษัทเชียวเหรอ
เขาเข้าไปได้อย่างไร?มีเพียงเธอกับเลขาเท่านั้นที่มีกุญแจห้องทำงาน
ใช่แล้ว เลขา……
หานหยู่เยนเตรียมโทรออก หลิวหงก็พูดอย่างระมัดระวังว่า“ผู้จัดการค่ะ คุณจะโทรหาพี่เสี่ยวเหม่ยใช่ไหมคะ?”
“ใช่”
“เธอไปกับคุณชายหานแล้วค่ะ”
หลิวหงสามารถเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีได้ก็ต้องฉลาดไม่เบา เอ่ยเชิงคาดการณ์ว่า “เรื่องกระจ่างมาก พี่เสี่ยวเหม่ยเปิดห้องทำงานเอาตราบริษัทให้คุณชายหาน แล้วทั้งสองก็สร้างหลักฐานปลอมขึ้นมาเพื่อเอาเงินไปใช้จ่ายอย่างสำรามใจค่ะ!”
“ไอ้บ้าเอ้ย!”
หานหยู่เยนตบโต๊ะอย่างแรง
เธอไม่เคยโกรธมากเช่นนี้มาก่อน เลขาเสี่ยวเหม่ยเป็นคนที่เธอดันขึ้นมาเองกับมือ เธอดีกับหล่อนมาก โดยให้เงินเดือนสูงแก่หล่อน คาดไม่ถึงว่าจะทรยศกันได้ลงคอ
ความรู้สึกเช่นนี้ยากจะบรรยายเป็นคำพูดออกมา ขณะที่รู้สึกโกรธอยู่ ยิ่งรู้สึกเสียใจมากกว่า
เดิมทีทรัพย์สินของตระกูลหานก็ไม่ได้มากอยู่แล้ว ถึงแม้จะได้งานจากบริษัทเฉิงหยู่ และทางโน้นก็ได้โอนเงินค่าออกแบบและค่าดำเนินการให้แล้วบางส่วน แต่เงินจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนก็ไม่ใช่น้อยๆ
หากไม่ติดตามให้ถึงที่สุด คุณย่าต้องคิดว่าเธอเป็นคนเอาเป็นแน่
“ไม่ได้ต้องตามกลับ”
หานหยู่เยนโทรออก
หลายวินาทีต่อมาก็รับสายเสียที เสียงอันเกียจคร้านส่งมาตามสาย
“ฮัลโหล โทรหานผมทำไม?”
“หานหยุนเทา คุณรู้ตัวบ้างไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่!เอาเงินบริษัทไปใช้โดยพลการ คุณอย่าถูกขับไล่ออกจากตระกูลเหรอ!”
ใครจะไปรู้ หานหยุนเทากลับหัวเราะคิกคักออกมา“ผมต้องกลัวอะไรด้วย คุณเป็นคนเบิกเงินอันนี้ออกมาเอง ไม่เกี่ยวกับผมเลย”
“คุณหมายความว่าอะไร?”
“รู้อยู่เต็มอกยังจะถามอีก ตอนนี้คุณมีจุดอ่อนอยู่ในมือของผม ขอแค่ผมคิดจะเปิดเผยออกมา ชื่อเสียงของคุณก็ต้องป่นบี้ ต้องกลายเป็นผู้โด่งดังในโลกออนไลน์ของเมืองเจียงทันที”
หานหยุนเทายิ่งพูดยิ่งได้ใจ น้ำเสียงยิ่งแหลมจนบาดหูมากขึ้น “ไอ้เฮีย คิดอยากลองดีกับกู กูจะเอามึงให้ตายเลย!”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่ คุณรีบเอาเงินคืนมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้น ฉันจะบอกคุณย่า คุณรอถูก……”
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
วางสายเสียแล้ว!
หานหยู่เยนใบหน้าแดงฉ่ำ กระโดดขึ้นมาด้วยความร้อนใจในห้องทำงาน
จากเสียงครึกครื้นที่ส่งออกมาจากโทรศัพท์ คาดว่าหานหยุนเทาจะเอาเงินไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายในคลับอยู่ บ้าจริงๆเลยคนนี้ !
“ผู้ดจัดการค่ะ รายงานให้นายท่านทราบเลยค่ะ ดิฉันจะเป็นพยานให้เองค่ะ”
หานหยู่เยนหันหน้าไปมองหลิวหงที่มีแววตาหนักแน่น
“เพราะยังไงเสียเงินก็ออกจากทางดิฉัน ด้วยความที่ยำเกรงคุณชายหานจึงไม่ได้โทรหาคุณ ฉันก็ไม่อาจบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบได้ค่ะ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ถึงจะต้องถูกไล่ออกหรือต้องชดใช้คือ ดิฉันก็ยินดีค่ะ!”
หลิวหงพูดได้อย่างมีเหตุผล
บริษัทยังมีพนักงานอย่างนี้อยู่ หานหยู่เยนรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ความโกรธพลอยลดน้อยลงไปมากแล้ว
“ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้เป็นความผิดของหานหยุนเทา ฉันจะปกป้องคุณเอง”
เวลาเก้าโมง คุณย่ามาตรวจการที่บริษัท
ภายในห้องประชุม ท่านกำลังพูดคุยอยู่กับหานเจี้ยนกั๋วและพนักงานเสาหลักของบริษัท
ทันใดนั้น ทั้งสองคนพุ่งเข้ามาโดยไม่ให้สัญญาณใดๆ
“หานหยู่เยนช่างสามหาวนัก ไม่มีมารยาทเสียเลย ดี ตอนนี้ไม่เห็นแม้กระทั่งคุณย่าอยู่ในสายตาแล้วใช่ไหม”
หานเจี้ยนกั๋วได้โอกาสเริ่มยั่วยุขึ้นมา
ลูกชายของตนถูกปลดออกจากตำแหน่งก็เพราะหานหยู่เยน เขาจึงทั้งโกรธและเกลียดชังเธอเป็นอย่างมาก
คุณย่าขมวดคิ้วมีสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
หานหยู่เยนเหล่ตามองหานเจี้ยนกั๋วแวบหนึ่ง รีบเดินเข้าไปหาคุณย่า เอ่ยว่า “คุณย่าค่ะ เกิดเรื่องขึ้นแล้วค่ะ หานหยุนเทากำเริบเสิบสาน เอาเงินหนึ่งล้านห้าแสนของบริษัทไปค่ะ ตอนนี้ไปใช้จ่ายอย่างสำรวมใจแล้วค่ะ!”
คำพูดประโยคนี้ทำให้ห้องประชุมเงียบงันทันควัน
หานเจี้ยนกั๋วอยากจะต่อว่าหานหยู่เยนต่อ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ต้องเอ๋อไปเลย
จากนั้นเขาก็ตะโกนด่าทอด้วยความโกรธว่า“หานหยู่เยน อย่าพูดจาส่งเดชนะ”
ญาติที่อยู่ฝ่ายเดียวกันกับหานเจี้ยนกั๋ว บัดนี้ก็ได้พูดขึ้นมาจนเกิดเสียงชุลมุน
“หยู่เยน อันนี้ก็เป็นความผิดของหนูแล้วนะ หยุนเทาถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้ว ทำไมหนูยังคิดจะต่อกรกับเขาอยู่อีก”
“หืม ใหญ่จริงๆ”
“ฉันว่า รองผู้จัดการจะเอาหยุนเทาให้ตายไปข้างเลย ตอนนี้มีอำนาจอยู่ในมือ พวกเราไม่ผิดใจได้เลย”
คุณย่าค่อยๆได้สติกลับมา ขมวดคิ้วแน่น“หนูแน่ใจเหรอ?หรือจงใจใส่ร้ายหยุนเทา?”
“คุณย่าเห็นหนูโตมากับตา หนูเป็นคนยังไงคุณย่ายังไม่รู้เหรอคะ หานหยู่เยนเป็นอริกับหนูมาตลาด แต่หนูก็ยังดันเธอมาทำงานอยู่ดีนี่ค่ะ”
คำพูดนี้ถูกต้อง
เสียงจากญาติๆจึงค่อยๆหายไป หานเจี้ยนกั๋วรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
“ท่านประธานค่ะ ดิฉันเป็นพยานได้ค่ะ”
หลิวหงก้าวออกมาพูดจาฉะฉานชัดเจน“คุณชายหานหยุนเทาขโมยตราบริษัทจากรองผู้จัดการ แล้วปลอมแปลงเอกสารถอนเงินขึ้นมา แล้วยังข่มขู่ดิฉันด้วยค่ะ ให้ดิฉันรีบโอนเงินโดยด่วนค่ะ”
“คุณย่าค่ะ พวกเราสามารถดูกล้องวงจรปิดได้นะคะ”
คุณย่าออกคำสั่ง“ย้ายกล้องวงจรปิดเข้ามา!”
ผู้ชายคนหนึ่งวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ ไม่นานก็ยกคอมพิวเตอร์เข้ามา
เมื่อเปิดกล้องวงจรปิดมาดู
ภายในภาพบันทึกก็เห็นเลขาเสี่ยวเหม่ยเปิดห้องทำงานแล้วเอาตราบริษัทออกมา หานหยุนเทารับไปอยู่ในมือ จากนั้นก็โอบกอดเอวของเสี่ยวเหม่ยเอาไว้ ก่อนที่จะเดินออกไปด้วยท่าทางพูดคุยอย่างสนุกสนาม จากนั้นก็เดินมาถึงแผนกบัญชี
หลายนาทีให้หลัง ลานจอดรถก็ปรากฏร่างเงาสองคนขึ้นมา
ขับรถออกไปไกล
“ปัง!”
สีหน้าคุณย่าเย็นแข็ง เกิดบันดาลโทสะขึ้นมาทันที“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ช่างกล้ายิ่งนัก”
หานเจี้ยนกั๋วเข่าอ่อนไปทั้งสองข้าง เกือบจะทรุดตัวลงมาคุกเข่าแล้ว
เขาไม่เข้าใจจริงๆ เป็นช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่แท้ๆ ทำไมหานหยุนเทายังกล้าทำเรื่องโง่ๆอย่างนี้ขึ้นมาอีก แม้กระทั่งบันทึกกล้องวงจรปิดก็ไม่คิดจะลบทิ้ง
แม้กระทั่งยังจงใจยกนิ้วกลางใส่กล้องวงจรปิดเสียอีก
ทำตัวโอ้อวดเกินไปแล้ว!
“คุณแม่ครับ ท่านใจเย็นๆนะครับ หยุนเทาคงต้องมีเหตุผลจำเป็นแน่ๆครับ”
“ความจำเป็น!ความจำเป็นที่ไม่อาจฝืนได้ยังไงถือทำตัวได้ใจเช่นนี้ เอาเงินของส่วนรวมไม่พอ ยังพาพนักงานสาวออกไปเสพสุขข้างนอกอีก?”
คุณย่ากระทุ้งไม้เท้าในมือ ตีหานเจี้ยนกั๋วแรงๆหนึ่งครั้ง พลางตะคอกใส่ว่า “รีบให้ไอ้สัตว์เดรัจฉานนั้นกลับมาอธิบายให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนี้ฉันก็ไม่ถือสาที่บ้านตระกูลหานจะมีสมาชิกน้อยลงไปหนึ่งคน”
หานเจี้ยนกั๋วหดตัวลง รีบโทรออกไป
พวกญาติๆต่างรู้สึกตกตะลึง แอบด่าในความโง่ของหานหยุนเทา บัดนี้ความสงบในใจของคนจำนวนมากเริ่มสั่นคลองเสียแล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูใหญ่ห้องประชุมได้ถูกถีบออก
หานหยุนเทาพุ่งเข้ามาอย่างน่าเวทนา ยังไม่ทันได้เปิดปาก คุณย่าก็ตบหน้าจนทำให้เขาถอยหลังหลับไป ไม้เท้าชี้ไปอยู่ที่หัวเข่า
พู โทน
เกิดเสียงหานหยุนเทาคุกเข่าอยู่กับพื้น
“บอกเหตุผลที่เข้าท่าให้ย่าฟังสิ”
สีหน้าของคุณย่าเข้มงวด ความกดดันที่แข็งแกร่งทำให้หานหยุนเทามีเหงื่อเย็นไหลลงมา สั่นไปทั้งตัว
“คุณย่า ผม ผม……”
หานหยุนเทาอ้าปาก ไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นไรดี
เขาหันหน้าไปจ้องมองอย่างดุร้ายกับหานหยู่เยน กัดฟัน
นางสารเลวนี่
ทำไมเธอถึงกล้าทำอย่างนี้?
หรือไม่กลัวชื่อเสียงจะป่นบี้หรอกเหรอ ไม่กลัวกลายเป็น“ผู้โด่งดังในโลกออนไลน์หรอกเหรอ” สมควรตายมาก