ทักษะการพูดของซูหลิงหลงนั้นไม่เลว แค่ในประโยคสั้นๆ เธอก็ผลักให้พวกโล่เฉินให้อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ขณะเดียวกันก็งัดเอาข้อขัดแย้งที่มีออกมา
นี่ชัดเจนอย่างยิ่ง
คู่หมั้นของตนถูกรังแก ในฐานะผู้ชายเขาจะไม่ออกหน้าได้ยังไง
โจ่ถิงฟางขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเดินเข้ามาช้าๆ แล้วถามว่า “หลิงหลง เกิดอะไรขึ้น?”
“พี่ฟาง พี่ต้องช่วยทวงความยุติธรรมให้ฉันนะ ผู้ชายคนนี้ทำให้ฉันต้องอับอายหลายครั้ง แถมยังเป็นคนไร้เหตุผล ทุบตีเพื่อนของฉัน”
ในเวลานี้ โม่หานก็ลุกขึ้นยืน
“คุณชายโจ่ พี่หลิงหลงพูดไม่ผิด หมอนี้ทำตัวกร่างอย่างยิ่ง แถมยังเคยพูดออกมาว่า ต่อให้เป็นคุณชายจากเมืองหลวงปรากฏขึ้น ถ้าไปตอแยเขา เขาก็จะทุบตีไม่ละเว้น!”
โม่หานเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เขาเอ่ยอย่างไม่พอใจ “นอกจากนี้ ไอ้สารเลวนี้ยังมีความคิดเรื่องพี่หลิงหลงด้วย ช่างไม่รู้จักความเป็นความตายจริงๆ”
ร่างกายที่บอบบางของนิ่งจื่อโหรวและหานหยู่ถิงสั่นเทาด้วยความโกรธ พวกเธอตะโกนออกไปพร้อมกัน “ไร้สาระ เห็นอยู่ชัดๆว่าเป็นพวกนายที่มาหาเรื่องเรา แต่กลับมาใส่ร้ายพวกเรา นายไม่ละอายใจบ้างหรือไง!”
“ถูกหรือผิดขึ้นอยู่กับใจ ทุกคนล้วนมีสายตาเฉียบแหลม ให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น” โม่หานกวาดตาไปรอบๆ
ทันใดนั้น ชายหญิงบางคนก็เริ่มแสดงความคิดเห็น
“สิ่งที่คุณชายโม่พูดเป็นความจริงแน่ เด็กคนนี้หัวแข็งดื้อรั้น สมควรถูกลงโทษอย่างรุนแรง”
“คุณหนูซูสูงศักดิ์ขนาดนี้ จะมาดูหมิ่นได้อย่างไร ยังไงก็ต้องชดใช้”
“คนพวกนี้เข้ามาได้ยังไง ตระกูลนิ่งพาพวกเขาเข้ามาหรือ เห็นทีตระกูลนิ่งจะมีปัญหากับคุณชายโจ่แล้ว”
……
ใบหน้าของนิ่งจื่อซวนมืดครึ้มลง แอบด่าพวกกลุ่มคนสารเลวพวกนี้ กลับดำเป็นขาวไม่พอ แต่ยังดึงตระกูลนิ่งเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
“เป็นไง ที่ฉันพูดผิดตรงไหน นายยังไม่ยอมรับสารภาพผิดอีก!” โม่หานเอ่ยบังคับกร้าว
ซูหลิงหลงเชิดหน้าขึ้นอย่างสะใจ ขณะที่ซูโม่ที่อยู่ข้างๆเธอดูเฉยเมย
โจ่ถิงฟางไม่ได้แสดงความโกรธอะไร แต่ก็เห็นได้ว่าสีหน้าของเขาดูไม่สบอารมณ์
“โม่หาน นายอย่าได้รังแกกันให้มากนัก!”
นิ่งจื่อซวนกัดฟันและพูดว่า “เห็นได้ชัดว่าทุกคนช่วยใคร ตระกูลนิ่งของเขามีแต่ความเคารพให้คุณชายโจ่และตระกูลโจ่ นายอย่ามาใส่ร้ายกันที่นี่ ทำให้เราต้องเสียหาย”
“ฉันก็แค่พูดความจริง”
“ไม่จำเป็นต้องพูดมาก คุณชายโจ่ย่อมเข้าใจดี ฉันเชื่อว่าคุณชายโจ่จะจัดการกับมันได้ดี” นิ่งจื่อซวนเอ่ยอย่างมีคารมคมคาย
สายตาของทุกคนเปลี่ยนไป
โจ่ถิงฟางรู้อยู่แก่ใจ แต่ว่าข้างๆเขาคือคู่หมั้นของตัวเอง เขาเองก็ไม่สามารถไปเข้าข้างคนนอกได้
แน่นอนว่า เขาไม่ต้องการทำเกินไปเข่นกัน
ดังนั้น เขาจึงพูดเรียบๆว่า “เรื่องแค่เล็กน้อย สามัคคีกันย่อมดีที่สุด พี่ชายท่านนี้ คุณแค่ขอโทษหลิงหลงและโม่หานสักหน่อย เรื่องก็จบลงแล้ว”
โล่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะได้ผลลัพธ์แบบนี้
ในใจมองโจ่ถิงฟางสูงไปสักหน่อย
อย่างไรก็ตาม ชื่นชมก็ชื่นชมไป แค่ถ้าพูดถึงเรื่องขอโทษ นี่เป็นไปไม่ได้
“ฉันไม่ได้ผิด ทำไมต้องขอโทษ”
ประโยคเดียว ทำให้ทุกคนตื่นตะลึง
นิ่งจื่อซวนสองพี่น้องกังวลเล็กน้อย กลัวว่าโล่เฉินจะหุนหันและลงมือ ส่วนหานหยู่ถิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัว
ในทางตรงกันข้าม เหยียนเจิงกลับมีเหงื่อเย็นๆไหนออกมา และแอบด่าโล่เฉินอย่างลับๆ ว่าเป็นเจ้าโง่
เวลานี้แล้วยังจะมาแกล้งทำเป็นเก่งได้อีก
เหยียนเจิงคิดจะหนี แต่ว่าก็รู้สึกว่านี่ดูไม่ค่อยเปิดเผยเท่าไหร่ ดังนั้นจึงได้แต่ฝืนยืนอยู่ข้างๆโล่เฉิน และขยิบตาให้เขาอย่างต่อเนื่อง แต่โล่เฉินกลับเมินเฉย
ที่ทางเดินด้านนอกห้องโถง หญิงสาวสวยโดดเด่นคนหนึ่งได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
เธอเข้ามาใกล้ประตูใหญ่ และยืนดูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“อวดดี!” โม่หานตะโกนขึ้น “คุณชายโจ่ ดูสิว่าเจ้านี่กร่างขนาดไหน เมื่อครู่ที่ผมพูดไม่ใช่เรื่องโกหก ตอนนี้คุณก็รู้แล้วใช่ไหม”
โจ่ถิงฟางถามเรียบๆ “หลิงหลงคงไม่หาเรื่องคุณโดยไม่มีเหตุผล คุณเคยดูหมิ่นเธอ?”
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ริมทะเลสาบเว่ยหยาง โล่เฉินก็พยักหน้า
“ในเมื่อเคยดูหมิ่น แล้วทำไมไม่ขอโทษล่ะ?”
“เธอไม่มีคุณสมบัติพอให้ฉันขอโทษ” โล่เฉินตอบกลับอย่างไม่แยแส
โจ่ถิงฟางขมวดคิ้ว ยิ่งเสริมให้เขาดูเฉียบขาดมากขึ้น เขาเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “อย่างนั้นฉันพอมีคุณสมบัติหรือไม่?”
“นายก็ไม่มี”
ตูม!
บรรยากาศระเบิดขึ้น ทุกคนสูดอากาศเย็น
โม่หานแอบหัวเราะอย่างลับๆ ในขณะที่ซูโม่มีสีหน้าดูสนุก
ซูหลิงหลงตกตะลึง เธอไม่คิดว่าโล่เฉินจะแข็งแกร่งขนาดนี้
ลำไส้ของเหยียนเจิงตอนนี้เป็นสีเขียวไปแล้ว
พี่ชาย ขอร้องนายเถอะเลิกอวดเก่งสักที ตระกูลนิ่งปกป้องนายไม่ได้ คนเขาเป็นถึงคุณชายจากเมืองหลวง!
เฮ้อ แต่เดิมคิดอยากเป็นเพื่อนกับนาย แต่ตอนนี้เห็นสมองนายแล้วฉันละกังวลเสียจริง
เหยียนเจิงแอบหันหลังกลับมาและพบว่าเหยียนหรูยู่น้องสาวของเขากำลังยืนอยู่ที่ประตู
เขาโบกมืออย่างเงียบๆ คิดจะให้เหยียนหรูยู่เข้ามาช่วย
ยังไงเสียความงามก็มีสิทธิพิเศษอยู่ อีกทั้งเหยียนหรูยู่ยังสวมหมวกของตระกูลเฟิงไว้อยู่ แม้ว่าโจ่ถิงฟางจะไม่ไว้หน้า แต่ตระกูลซูก็สมควรคิดถึงเรื่องนี้และออกหน้ามาห้ามปรามบ้าง
อย่างไรก็ตาม เหยียนหรูยู่กลับทำเป็นเมินเฉย
“ยังมีอะไรอีกไหม? ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราไปก่อน”
โล่เฉินสองมือล้วงกระเป๋ากางเกง และใช้ท่าทางสบายๆแทนคำถาม
“กล้าดียังไง!”
ชายในเสื้อคอจีนของตระกูลโจ่ที่อยู่ข้างหลังก้าวขึ้นมาและเอ่ยเสียงเข้ม “กล้าไม่เคารพคุณชาย รีบๆรับสารภาพผิดมา!”
วาบ! วาบ!
โล่เฉินหันหน้ามา นัยน์ตาระเบิดแสงบริสุทธิ์สองสายขึ้น
ทันใดนั้น ชายในเสื้อคอจีนก็คล้ายกับตกลงไปในห้องน้ำแข็งชั้นใต้ดิน ร่างกายของเขาเย็นเฉียบและแข็งทื่อ ความหวาดกลัวอันหนาวเหน็บกรีดลึกขึ้นไปถึงในใจของเขา จนทำให้เขาถึงกับแอบตัวสั่น
ในไม่ถึงวินาที โล่เฉินก็เก็บสายตากลับ
“ไปกันเถอะ”
เขาโบกมือ ด้านซ้ายมือคือนิ่งจื่อโหรว ขณะที่หานหยู่ถิง เหยียนเจิง และนิ่งจื่อซวนอยู่ข้างหลัง
เดิมทีนิ่งจื่อซวนต้องการเข้าสังคม แต่เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว หากยังอยู่ต่อก็คงรนหาที่ตายแล้ว ดังนั้นจึงได้แต่ตามไปด้วย
“น่าสนใจ อาณาเขตของฉันเป็นที่ที่นายคิดจะมาก็มาจะไปก็มางั้นหรือไง นอกจากนี้ นายยังดูหมิ่นคุณชายโจ่ นี่ยิ่งทำให้ปล่อยนายไปไม่ได้!”
ซูโม่พูดขึ้น
ในฉู่โจว คำพูดของเขามีผลยิ่งกว่าโจ่ถิงฟาง
ทันทีที่เสียงเงียบลง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่ายี่สิบนายก็รีบวิ่งเข้ามาที่ทางเดิน ทุกคนล้วนมีท่าทางทรงพลัง ส่วนใหญ่ล้วนเป็นทหารผ่านศึก
“ฉันรู้ว่านายสู้เป็น แต่ว่าถ้านายกล้าลงมือ คืนนี้นายคงต้องไปนั่งยองๆอยู่ที่สถานีตำรวจ” ใบหน้าของซูโม่ดูมั่นใจ
เขามั่นใจว่า โล่เฉินจะต้องกริ่งเกรง
“พี่เขย ทำยังไงดี?” หานหยู่ถิงหวาดกลัวและถามอย่างเงียบ ๆ
โล่เฉินแตะหัวเล็กๆ ของเธอ เขาหันไปทางซูโม่และยิ้มน้อยๆ “นายแน่ใจหรือว่าฉันจะไม่กล้าลงมือ?”
“นายจะลองดูก็ได้”
ในเวลานั้นเอง สถานการณ์ทั้งสองฝั่งก็ตึงเครียดขึ้นมา
นิ่งจื่อซวนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เขาแอบโทรหาท่านนิ่ง
ดวงตาของเหยียนเจิงขาดสีราวกับตาบอดไปแล้ว แต่ว่าเหยียนหรูยู่กลับไม่สนใจ และยืนมองจากที่ประตูอย่างเย็นชา
“ตึงตึงตึง”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบกว่านายเข้ามาล้อมโล่เฉินเอาไว้ จากนั้นก็รุกเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ ในมือมีแท่งไฟฟ้าและอาวุธอื่นๆอยู่
หานหยู่ถิงกลัวจนแทบจะร้องไห้
“ดีๆๆ”
ในเวลานี้ โล่เฉินก็หัวเราะขึ้น แต่ดวงตาของเขากลับเย็นชาอย่างยิ่ง
“แต่เดิมฉันไม่ได้อยากจะลงมือที่นี่ แต่ในเมื่อพวกนายอยากรีบกลับชาติไปเกิดใหม่ ดังนั้นจะโทษฉันไม่ได้แล้ว คิดว่าตัวเองเป็นองค์รัชทายาทจริงๆหรือไง ไม่ไว้หน้าก็มีความผิด?”
“ช่างน่าหัวเราะเยาะและน่าสมเพช!”
“ก็ได้ ให้พวกนายได้ดูพลังอันแข็งแกร่งสักหน่อย”
ฟิ้ว ฟิ้ว
ลมพัดแรง อากาศเยือกเย็นลง
โล่เฉินค่อยๆยกมือขึ้นช้าๆ ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไร มีเพียงชายในเสื้อคอจีนที่อยู่ข้างๆโจ่ถิงฟางในใจเย็นเฉียบลง สีหน้าของเขาขาวซีด ก่อนจะร้องอุทาน
“ท่าไม่ดีแล้ว! คุณชายระวังตัวด้วย”
ชายในเสื้อคอจีนปกป้องโจ่ถิงฟางเอาไว้ที่เบื้องหลัง ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ สีหน้าเคร่งเครียดถึงขีดสุด
เขาเรียกกำลังภายในอย่างดุเดือด เตรียมพร้อมต่อสู้จนถึงขั้นขนาดเตรียมสู้ตาย และรอการมาถึงของคาถาอันทรงพลังของโล่เฉิน
“นายท่าน!”
ในช่วงเวลาวิกฤติ จู่ๆก็มีเสียงตะโกนขึ้นดังทั่วห้องโถง
แขนของโล่เฉินหยุดชะงักและหันกลับไปดู เขาพูดด้วยความประหลาดใจ “ลู่เฟิง นายมาที่นี่ได้ยังไง?”