อากาศเริ่มเย็นแล้ว ชั่วพริบตาเดียวก็เข้าสู่ฤดูหนาว
สุขภาพของซูหว่านค่อยๆ ดีขึ้นเพราะได้รับการรักษาจากท่านหมอซือที่ดูแลนางด้วยความจริงใจไม่หวังผลตอบแทน นางเริ่มปรากฏตัวออกงานได้บ่อยๆ เหล่าข้าราชการชั้นสูงและชั้นผู้น้อยในเมืองหลวงเพิ่งจะพบเห็นนางเป็นครั้งแรก ในฤดูหนาวที่มีแต่สีเงินปนขาว นางมักสวมอาภรณ์ชาววังสีแดง ดูพร่างพรายเจิดจรัส แม้ผิวพรรณของนางยังดูซีดอยู่บ้าง ทว่าความซีดขาวนี้ห่อหุ้มใบหน้าอันงดงามของนางไว้
ต้องขอบคุณความโชคดีของเจ้าของร่างเดิม นางได้สิงร่างที่ทั้งงดงามและมีเสน่ห์ ทำให้ซูหว่านรู้สึกเหมือนปลาเกยตื้นที่ได้กลับลงน้ำอีกครั้ง เมื่อก่อนซูหว่านแทบจะไม่ได้ออกไปข้างนอก มีแต่ชายผู้นั้นที่ชื่อเซวียนหยวนรุ่ย ตอนนี้ซูหว่านค่อยๆ เผยความสามารถและคุณงามความดีของเจ้าของร่างเดิมที่ถูกผู้คนมองข้าม ใช้เวลาไม่นานนางก็มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นคนสำคัญในเมืองหลวง
พูดถึงข่าวลือของเซวียนหยวนรุ่ยที่ถูกกลบข่าวไว้โดยคนที่กระจายข่าวในจวนอ๋องเย่ว์ อย่างไรก็ดียังมีชาวบ้านแอบพูดกันบ้างพอสนุกปาก หลายคนรอดูเรือนของซูหว่านและรอดูเซวียนหยวนรุ่ยแบบไม่ได้จริงจังอะไร
หากจะเปรียบเทียบชีวิตที่ผ่านมายี่สิบปีของเซวียนหยวนรุ่ยว่าเป็นการล่องเรือที่ราบรื่น เช่นนั้นแล้วนับจากที่ซูหว่านจากไปและเยี่ยจือหวากลายเป็นภรรยาที่ชอบธรรมของเขา ชีวิตเขาก็เต็มไปด้วยความลำบาก
เยี่ยจือหวาเริ่มกลัวแม้แต่เงาของตัวเอง ต่อมานางก็มีอาการประสาทหลอนอยู่เรื่อยๆ
“ท่านอ๋อง โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่ต้องพูดตรงๆ ดวงชะตาของท่านและพระชายาไม่สมพงศ์กัน ไม่เหมาะสมกันเลย หากท่านยังคงดึงดันอยู่ด้วยกันต่อไป ความยุ่งยากมากมายจะมารังควาน…….ท่านอาจรักษาชีวิตไว้ไม่ได้”
คำกล่าวเหล่านี้ของนักพรตเต๋าทำให้เซวียนหยวนรุ่ยโกรธมาก!
หากไม่ได้เยี่ยจือหวาช่วยไว้ ลำพังเขาคนเดียวคงถูกเซวียนหยวนชิงลูกสุนัขป่าใจโหดนั่นฆ่าไปตั้งนานแล้ว แล้วดวงชะตาของนางจะไม่สมพงศ์กับเขาได้อย่างไร
เมื่อเขาทั้งสองแต่งงานกัน เขาหาคนจากคณะกรรมการดาราศาสตร์มารับรองดวงชะตาให้
ดวงชะตาหนอดวงชะตา……
เซวียนหยวนรุ่ยปลอบใจตัวเองว่านักบวชลัทธิเต๋าระดับอาวุโสอาจเข้าใจผิดก็เป็นได้ อย่างไรก็ดี…..เขาคิดว่าระยะนี้เขาก็เจอเรื่องรำคาญใจเข้ามาหลายเรื่องเหมือนกัน เขาชักจะลังเลแล้วสิ
หรือว่าที่นักบวชลัทธิเต๋าพูดจะเป็นความจริง
ไม่เช่นนั้นก็บังเอิญมาก ตั้งแต่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเขาก็ประสบแต่ความยากลำบาก และเยี่ยจือหวาก็เจ็บป่วยด้วยโรคแปลกๆ
หลังจากกังวลเรื่องนี้อยู่สักสองสามวัน เขาก็ส่งคนไปสอดแนมยังคณะโหราจารย์และบ้านตระกูลเยี่ย เรื่องที่สืบได้ทำให้เขาประหลาดใจยิ่ง
ดวงชะตาของเยี่ยจือหวาเป็นดวงชะตาปลอม!
ดวงชะตาที่นางให้ไว้กับสำนักตอนแต่งงานนั้น อันที่จริงแล้วเป็นดวงชะตาของเยี่ยจือจิ่น และเมื่อเขาสืบหาข้อมูลเชิงลึก เรื่องที่เยี่ยจือหวาสับเปลี่ยนดวงชะตากับเยี่ยจือจิ่นและให้เยี่ยจือจิ่นแต่งงานกับเซวียนหยวนชิงแทนนางก็ถูกเปิดโปงทั้งหมด
เซวียนหยวนรุ่ยรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
เหตุใดเยี่ยจือหวาต้องหลอกลวงเขา?
เวลานั้นนางแค่ไม่อยากแต่งงานกับเซวียนหยวนชิงเช่นนั้นหรือ หรือยังมีลับลมคมในอะไรอีก
เซวียนหยวนรุ่ยเขาเป็นจอมวางแผน หาไม่แล้วเขาจะเข้ามาเป็นเชื้อพระวงศ์และโดดเด่นขึ้นมาได้อย่างไรกัน
เมื่อต้องผ่านความผิดหวังมาครั้งแล้วครั้งเล่า สมองของเซวียนหยวนรุ่ยที่คิดฟุ้งซ่านเรื่องความรัก เริ่มจะปลอดโปร่งแล้ว สติปัญญาของเขาก็เพิ่มขึ้นตามมา เซวียนหยวนรุ่ยใช้ความคิดอย่างหนักจนเหงื่อแตกพลั่กทั่วร่าง
หากทุกเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเป็นกลอุบาย ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะน่าสะพรึงกลัวเพียงใดกัน?
แล้วผู้ออกอุบายที่ชอบจินตนาการเหนือจินตนาการก็จะลงเอยเช่นนี้
เยี่ยจือหวากระปรี้กระเปร่าได้ไม่ถึงวัน เดิมทีเซวียนหยวนรุ่ยอยากอยู่เป็นเพื่อนนางทุกวัน คำพูดที่อ่อนหวานนุ่มนวลของเขาจะเช่วยปลอบประโลมหัวใจที่ประหวั่นพรั่นพรึงของนางให้รู้สึกผ่อนคลายและสงบใจลงได้บ้าง แต่ในตอนนี้ เขายังมีข้อสงสัยและเคลือบแคลงใจในตัวของเยี่ยจือหวา เซวียนหยวนรุ่ยจึงค่อยๆ หลบลี้ไปจากเรือนของเยี่ยจือหวา
ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ แรกๆ เยี่ยจือหวาไม่ได้ใส่ใจอะไร ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า นางก็เริ่มหวั่นวิตกจนไม่สามารถดูแลร่างกายตนเองที่ทั้งอ่อนล้าและเจ็บป่วยได้ นางล่วงล้ำเซวียนหยวนรุ่ยเพราะต้อการพบเขา ทว่าหลังจากทั้งสองพบหน้ากันก็จากกันแบบไม่สวยนัก
อีกไม่นานก็จะสิ้นปีแล้ว ผู้ปกครองเขตศักดินาต่างๆ ต้องกลับเมืองหลวงเพื่อถวายรายงาน เซวียหยวนรุ่ยได้ยินข่าวลือมานานแล้วว่าบรรดาลูกหลานเชื้อพระวงศ์ต่างต่อสู้กันแย่งชิงซูหว่าน และซูอวี้เฟิงกำลังจะกลับมาในอีกหนึ่งเดือนให้หลังเพื่อถวายรายงาน เพื่อให้ตระกูลซูสวามิภักดิ์ จึงมอบอำนาจการเลือกเฟ้นคู่สมรสให้ตระกูลซู
เมื่อคิดว่าหวานใจของเขาเมื่อครั้งเยาว์วัยกำลังจะแต่งงานไปเป็นภรรยาคนอื่น เซวียนหยวนรุ่ยก็ขุ่นเคืองใจเหลือเกิน
ช่วงนี้เขาพยายามหลีกเลี่ยงไม่พบกับซูหว่าน แต่อดไม่ได้ที่จะเฝ้ามองนางอยู่ห่างๆ
ในความทรงจำของเขา นางเป็นเด็กหญิงที่อ่อนแอน่าทะนุถนอม ทว่าต่ตอนนี้นางเฉลียวฉลาดและมีเสน่ห์ นางกล่าวว่าท่านหมอซือเป็นแพทย์ที่มีความสามารถล้ำเลิศ แต่เซวียนหยวนรุ่ยไม่คาดคิดว่าท่านหมอซือละเลยคติตนเองเพียงเพื่อซูหว่าน ตำรับยาอายุหนึ่งร้อยปีของตระกูลซูที่สืบทอดกันมานานปีใช้รักษาซูหว่านจนอาการดีขึ้นเป็นลำดับ ตอนนี้ซูหว่านสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ แม้กระทั่งแต่งงานมีบุตร
ทุกครั้งที่เขาคิดถึงจุดนี้ เซวียนหยวนรุ่ยก็ถูกเผาไหม้ด้วยไฟริษยา เด็กสาวที่เขาทะนุถนอมมาหลายปีแต่เขาไม่เคยได้แตะต้องนางเลย นางกลับต้องไปปรนเปรอชายอื่น แม้นี่เป็นเพียงความคิดแต่เซวียนหยวนรุ่ยก็รับไม่ได้!
หรืออาจกล่าวได้ว่า ตอนนี้เซวียนหยวนรุ่ยรู้สึกเสียใจ
อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้เสียใจตอนที่ขาทอดทิ้งซูหว่านและเนรเทศนางไปยังตำหนักเย็น เขาเสียใจเพียงเรื่องที่ทิ้งนางไปในคืนนั้นโดยไม่พยายามรักษานางเอาไว้
เมื่อได้พูดและทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วตามสถานการณ์ในขณะนั้น ซูหว่านยังมีความรู้สึกลึกๆ ให้เขา ตราบใดที่ซูหว่านยังพำนักอยู่ที่จวนอ๋องเย่ว์ ตระกูลซูก็ยังสวามิภักดิ์ต่อพระองค์
วันที่ท่านแม่ทัพซูจะกลับเมืองหลวงใกล้เข้ามาทุกที กองกำลังหลายฝ่ายเตรียมตัวเคลื่อนพล เซวียนหยวนรุ่ยจึงจำเป็นต้องออกหมายเรียก
พ่อบ้านนำหมายเรียกมาส่งให้ซูรุ่ยทันที
เมื่อเห็นลายมือบนเทียบเชิญที่ตัวใหญ่และประณีต ซูรุ่ยได้แต่หัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าเซวียนหยวนรุ่ยนี่หน้าด้านจริงๆ”
เมื่อเห็นซูรุ่ยอารมณ์เสีย พ่อบ้านซึ่งยืนอยู่ข้างเขาก็เลียบๆ เคียงๆ ถามว่า “นายน้อย จะปฏิเสธคนของจวนอ๋องเย่ว์หรือ”
“ไม่ ไม่ปฏิเสธหรอก”
ซูรุ่ยหรี่ตาลง เขาจะไม่อดกลั้นอีกต่อไปและทันใดนั้นห้องทั้งห้องก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัด “ชักจะมีคนที่น่ารังเกียจมากเกินไปแล้ว ต้องกำจัดให้หมด ทำความดีเสียหน่อย”
แสงเทียนสีเหลืองสลัวส่องมายังใบหน้าของซูรุ่ย ขณะนี้ดวงตาของเขาฉายแววอำมหิตเต็มที่ ทำให้พ่อบ้านที่แม้จะคุ้นเคยกับอารมณ์ที่อึมครึมของเขายังตัวสั่นด้วยความกลัว เขารู้ว่าตอนนี้นายน้อยกระหายที่จะทำสงครามที่สุด เขาเกรงว่าจะมีคนที่ต้องเจ็บปวด….