แต่ว่าถ้าคนนั้นเป็นซูรุ่ยจริงๆ ซูหว่านทำได้แค่ถอนหายใจเพราะเขายังอ่อนแอในด้านการเงินมาก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหุ้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วกลัวว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่นจะทำให้เซียวจิ่งมั่วรับรู้ทันทีและมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเลย
ซูหว่านคิดไปคิดมาก็ตัดสินใจส่งข้อความไปยังนายหน้าซื้อขายหุ้นว่า ให้เขาไม่ต้องซื้อหุ้นของเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์แล้ว
หลังจากส่งข้อความเสร็จ ซูหว่านก็กลับไปทำงาน จนกระทั่งสวี่เจี๋ยผู้ช่วยคนใหม่ได้เคาะประตูเข้ามา ซูหว่านถึงจะลูบไหล่ที่ปวดเมื่อย และมองไปที่ผู้ชายที่สุภาพอ่อนโยน
“ประธานซูได้เวลามื้อเที่ยงแล้วเที่ยงนี้คุณจะกินอะไร”
สวี่เจี๋ยเป็นผู้สมัครที่ย้ายโดยตรงจากสำนักเลขาธิการ โดยฝ่ายบุคคลเขาเป็นเลขามาหลายปีแล้ว งานทุกชิ้นทุกอย่างเป็นระเบียบมากและน่าเชื่อถือกว่าเสิ่นเหว่ยมาก
“ไปโรงอาหารบริษัทแล้วซื้อข้าวกล่อง”
ซูหว่านตอบกลับสวี่เจี๋ยตามจิตใต้สำนึก สวี่เจี๋ยที่ยืนอยู่หน้าประตูก็พยักหน้าและหันตัวเดินออกไป จู่ๆ ซูหว่านก็เห็นปฏิทินตั้งโต๊ะบนโต๊ะทำงานของเธอวันนี้…
“เดี๋ยว!”
ซูหว่านก็เรียกสวี่เจี๋ยอีกครั้ง “พวกเราออกไปกินข้าวกันเถอะวันนี้ฉันเลี้ยงเอง นับว่าเป็นการฉลองให้กับผู้ช่วยคนใหม่”
สวี่เจี๋ยดันแว่นตาบนสันจมูกขึ้นไป และยังคงมองไปที่ซูหว่านด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ขอบคุณประธานซูมาก”
“เกรงใจอะไรกัน!”
ซูหว่านหยิบกระเป๋าติดตัว แล้วพาสวี่เจี๋ยไปที่ลานจอดรถเอารถ มื้อเที่ยงครั้งนี้ที่เธอเลือกคือใจกลางเมืองเซียงเฉิง ทั้งสองได้กินอาหารกลางวันอย่างหรูหรา พอออกมาจากร้านอาหารซูหว่านก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับออฟฟิศ แต่กลับพาสวี่เจี๋ยไปเดินห้างสรรพสินค้า
และเมื่อเห็นซูหว่านยืนหยุดที่ร้านขายเสื้อผ้าผู้ชาย สวี่เจี๋ยก็มองด้วยสายตาประหลาดใจ
EVFA แบรนด์นี้ในเซียงเฉิงหายากและได้ร่วมทำงานกับเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์มาโดยตลอด เสื้อผ้าผู้ชายของ EVFA ก็จะอยู่ภายใต้ของเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์
“ยินดีต้องรับ”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปก็มีพนักงานทักทายด้วยรอยยิ้ม“ขอโทษค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ”
“ฉันอยากซื้อเนกไทให้แฟนของฉัน”
ซูหว่านก็ยิ้มให้กับพนักงาน สวี่เจี๋ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เดินถอยหลังไปครึ่งก้าวด้วยจิตใต้สำนึก เพื่อรักษาระยะห่างกับซูหว่าน
หลังจากที่รู้การประกาศเมื่อวานว่าจะต้องมาเป็นผู้ช่วยของซูหว่าน สวี่เจี๋ยก็ตั้งใจขึ้นไปชั้นสี่เพื่อหาเสิ่นเหว่ย ที่ทำแบบนี้เพื่ออยากรู้เจ้านายใหม่ของตัวเองมีอารมณ์และงานอดิเรกอะไร
สุดท้ายเสิ่นเหว่ยก็เหล่ตามองสวี่เจี๋ยและพูดอย่างใจเย็นว่า “พี่หว่านเป็นคนที่เข้าหาได้ง่าย แต่ที่เข้าหายากคือผู้ชายของเธอ”
พูดไปพูดมาเสิ่นเหว่ยก็จับคางของสวี่เจี๋ยไว้ และจับไว้จนกว่าเขาจะทนไม่ไหว แม้ว่ามันจะดูสงบแต่สวี่เจี๋ยก็วางตัวด้วยสงครามเย็น ก็ยิ่งใส่ใจไปยังผู้ชายของซูหว่านมากขึ้น รอให้ซูหว่านมาถึงตู้เนกไทก็สังเกตว่าสวี่เจี๋ยอยู่ห่างเธอมาก
“คุณทำอะไรอยู่ตรงนั้นมาลองให้ฉันดูหน่อย”
ซูหว่านก็หันกลับไปเรียกสวี่เจี๋ย
สวี่เจี๋ยก็เดินเข้าไปด้วยก้าวเล็กๆ เหมือนผู้หญิง และมองซูหว่านด้วยใบหน้าขมขื่น “ประธานซูอันนี้คุณจะซื้อให้ผู้ชายของคุณ ให้ผมลองเกรงว่าจะไม่ดีครับ”
ว่ากันว่าเสิ่นเหว่ยเคยเป็นแฟนของซูหว่านครั้งเดียวก็โดนกระทืบจนแทบจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ตอนนี้สวี่เจี๋ยเขาเลยกังวลถึงความปลอดภัยในชีวิตเขาเป็นอย่างมาก
“มีอะไรไม่เหมาะสมเหรอ คุณก็ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย ที่นี่มีเพียงคุณกับฉันจะอายอะไรละ”
ซูหว่านคิดไม่ถึงว่าผู้ช่วยคนใหม่ของเธอจะเป็นคนขี้อาย
แน่นอนว่าถ้าหากเธอรู้ว่าสวี่เจี๋ยกับเสิ่นเหว่ยบอกอะไรกับเขา เธออาจจะไม่คิดแบบนี้
“คุณซู”
เมื่อสวี่เจี๋ยกำลังลังเลระหว่างงานและระหว่างความปลอดภัยของชีวิตเขา ว่าอันไหนสำคัญกว่ากันจู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาจากข้างหลัง
เสียงนี้มันทำให้สวี่เจี๋ยรู้สึกเหมือนเสียงจากสวรรค์
เขาจึงรีบหันตัวไป ตอนเขาเห็นผู้หญิงตรงหน้าเขา เขาถึงกับอึ้งไปพักหนึ่ง…
คนนี้เหมือนประธานซูมากคงไม่ใช่น้องสาวของเธอที่หายไปหรอกนะ
“ลั่วชูชู!”
ในเวลานี้ที่ซูหว่านก็เห็นลั่วชูชู เธอยิ้มทักทายเธอทันที “บังเอิญจังเลย! พวกเราเจอกันอีกแล้ว”
“อืม, ใช่!”
ลั่วชูชูมองไปที่ซูหว่านแล้วก็มองไปสวี่เจี๋ยที่ยืนอยู่ข้างซูหว่าน “คุณมาซื้อของกับเพื่อนเหรอ”
เมื่อได้ยินคำถามของลั่วชูชู ซูหว่านก็ชะงักไปสักพัก สวี่เจี๋ยที่ยืนอยู่ข้างก็รีบอธิบายในทันที
“ฉันเป็นผู้ช่วยของประธานซู ฉันมาซื้อเนกไทเป็นเพื่อนเธอให้แฟนของเธอ”
ที่แท้การมีผู้ช่วยที่เข้าใจคน มันเป็นชีวิตที่ดีงามมากจริงๆ
“คุณซู คุณมีแฟนแล้วเหรอคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของสวี่เจี๋ย ลั่วชูชูก็ทำตาโตและถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าเชื่อ เสียงของเธอตื่นเต้นเล็กน้อยเนื่องจากเสียงดังเกินไป และยังดึงดูดความสนใจของพนักงานในร้านอีกด้วย
เห็นผู้คนต่างก็มองมาที่ตัวเองลั่วชูชูรู้สึกอายเล็กน้อย เธอก้มหน้าลงด้วยจิตใต้สำนึก และจับปลายเสื้ออย่างเคยชิน
“จริงๆ แล้วไม่ใช่แฟนฉันหรอก”
ซูหว่านไม่เคยเห็นลั่วชูชูอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอมองต่ำลง และแสดงใบหน้าอ่อนโยน
“ฉันชอบเขามากแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาชอบฉันไหม”
พอพูดถึงตรงนี้ ซูหว่านพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข
“เหรอ จริงเหรอ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่านสีหน้าของลั่วชูชูก็ดูหม่นหมองลง “คนนั้นโชคดีเสียจริงฉัน…ฉันรู้จักเขาไหม”
เมื่อเห็นลั่วชูชูดูกระอักกระอ่วน ซูหว่านก็รู้เลยว่าเธอเป็นคนอ่อนไหว และคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
ซูหว่านก็พูดออกไป และได้แต่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “คนนั้นเธอก็รู้จักแต่ตอนนี้ฉันยังบอกเธอไม่ได้ ต่อไปนี้เขาก็คือพรีเซนเตอร์คนใหม่ของบริษัทพวกเราแล้ว เธอจะรู้ในเร็วๆ นี้ วันนี้ฉันมาเลือกเนกไทที่เหมาะสมกับเขารอถึงวันถ่ายรูปก็จะได้ใช้เอง”
พูดไปพูดมาซูหว่านก็ไม่ได้สนใจลั่วชูชู แต่กลับให้พนักงานนำเนกไทรุ่นใหม่มาให้หมด
ที่จริงแล้วซูหว่านเอาเนกไทของบริษัทตนเองก็ได้ ไม่ต้องออกมาที่ห้างด้วยตนเองก็ได้ และผลิตภัณฑ์ล่าสุดส่วนใหญ่ของ EVFA ประจำฤดูกาลยังไม่ได้เปิดตัว แต่สาเหตุที่มาที่นี่ในวันนี้ก็เพราะว่าซูหว่านบังเอิญไปเห็นปฏิทิน และรู้ว่าวันนี้จะได้พบกับลั่วชูชูที่นี่
วันนี้เป็นวันครบรอบสองปีของการพบกันของเซียวจิ่งมั่วและลั่วชูชู ลั่วชูชูเอาเงินที่เก็บสะสมไว้มาหลายเดือนเตรียมซื้อเนกไท EVFA ให้กับเซียวจิ่งมั่ว
พอได้ฟังเรื่องนี้ซูหว่านเลยคิดว่าตัวเองควรจะทำอะไรบางอย่างเพื่อให้เราทำภารกิจนี้ให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด
ว่าแล้วหลังจากที่ได้ยินคำพูดของซูหว่าน ลั่วชูชูก็ไม่ได้อยากซื้อเนกไทแล้ว จากนั้นจึงเดินออกไปด้วยความสิ้นหวัง
เมื่อเห็นลั่วชูชูออกไปแล้ว ซูหว่านหยิบเนกไทรุ่นใหม่สองเส้นให้สวี่เจี๋ยและเปรียบเทียบบนตัวสวี่เจี๋ยตามอำเภอใจ “สองเส้นนี้!”
สวี่เจี๋ย “…”
“ง่ายแบบนี้มันจะดีเหรอ”
เนกไทสองเส้นวางอยู่ในทั้งสองกล่องอย่างประณีต เมื่อซูหว่านกลับถึงออฟฟิศก็ฉีกกระดาษโน้ตสองแผ่น และเขียนสองประโยคแยกกันและนำกระดาษโน้ตใส่ในกล่องเนกไท
หลังจากเสร็จแล้ว ซูหว่านเงยหน้าขึ้นและยิ้มมองไปที่สวี่เจี๋ยที่ยืนอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“อนุมัติ ภารกิจนี้มอบให้คุณละกัน”
ซูหว่านผลักกล่องไปให้สวี่เจี๋ย “นำกล่องสีน้ำเงินขอบทองนี้ไปส่งที่เครือบริษัทเฮ่าเย่ว์ และจะต้องส่งให้ถึงมือประธานเซียวก่อนเลิกงานวันนี้ ส่วนกล่องสีม่วงขอบทองส่งให้กลุ่มสถาบันการเงินเหม่ยเก๋อ ให้…เอ่อ ฟังจื่อมู่เถอะ!”
“รับทราบ”
สวี่เจี๋ยหยิบกล่องของขวัญสองกล่องและพยักหน้าอย่างจริงจัง
วันนี้คุณชายใหญ่ฟังได้เซ็นสัญญากับบริษัท ในขณะนี้เรื่องนี้ถูกเก็บเป็นความลับ แต่สัญญานี้จะจัดการโดยสวี่เจี๋ยซึ่งเขารู้เรื่องนี้ดีกว่าใครๆ ดังนั้นวันนี้ในห้างสรรพสินค้าสวี่เจี๋ยรู้แล้วว่าซูหว่านชอบก็คือคุณชายใหญ่ฟัง
นึกถึงบาดแผลของเสิ่นเหว่ย สวี่เจี๋ยคิดว่าหัวหน้าของตัวเองก็จะใกล้จะเป็นสะใภ้ใหญ่ตระกูลฟังแล้ว
แต่ว่าประธานเซียวเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์กับประธานซูมีความสัมพันธ์ส่วนตัวแบบไหนกัน
สวี่เจี๋ยงงเล็กน้อยกับคำสั่งของซูหว่าน แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ช่วยอย่างเขาควรกังวล สวี่เจี๋ยถือทัศนคติในการทำสิ่งต่างๆ อย่างจริงจังและรีบขับรถไปที่เครือบริษัทเฮ่าเย่ว์ เพราะว่าทางบริษัทมีความสัมพันธ์เพื่อร่วมงานที่ดี เขาเจอกับเซียวจิ่งมั่วอย่างราบรื่นและยังมอบของขวัญของซูหว่านให้เป็นการส่วนตัว
“นี่คือของขวัญที่ซูหว่านมอบให้คุณเธอกำชับให้ฉันมอบให้คุณเองกับมือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของสวี่เจี๋ย เซียวจิ่งมั่วตกอยู่ในความมึนงง และสวี่เจี๋ยที่ได้ทำธุระเสร็จสิ้นเขาก็ได้ทำความเคารพกับเซียวจิ่งมั่วแล้วเดินออกไป และต้องรู้ว่าบริษัทของฟังจื่อมู่อยู่ในเขตอีกด้านของเมืองเซียงเฉิงต้องใช้เวลาในการขับรถไปที่นั่น
สวี่เจี๋ยไม่อยากไปตามถนนสายเก่าของเสิ่นเหว่ย แต่พอนึกถึงในวันที่คุณฟังทำเรื่องโหดเ**้ยมที่ห้าง และคิดอีกว่าสิ่งที่เขาทำกับเสิ่นเหว่ย สวี่เจี๋ยรีบก้าวออกจากเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์เพราะเขาเหม่อลอยและร้อนรนใจมาก สวี่เจี๋ยก็ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนที่เขาเดินออกจากประตูของเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์ตอนนั้นได้สวนทางกับลั่วชูชู….