บทที่ 40 สั่งสอนผู้ชายหยาบคาย
“แม่งเอ๊ย! ปล่อยกู กูจะอัดมึงให้เละ!”
ชายหนวดร้องเอะอะในไม่กี่วินาทีแรก เมื่อเฉินห้าวตระหนักว่าเขาใช้กำลังน้อยเกินไปจึงบีบอย่างแรง เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาเหมือนหมูถูกเชือดทันที
“เจ็บๆๆๆ พี่ชายปล่อยเถอะ อย่าบีบอีกเลย กระดูกผมหักหมดแล้ว!”
ชายหนวดเริ่มร้องขอความเมตตา เขาเจ็บปวดจนแทบจะร้องไห้ กำลังของเฉินห้าวไม่เหมือนคนทั่วไป
“บอกมาว่าแกกำลังสะกดรอยตามเซี่ยจิ้งใช่ไหม?” เฉินห้าวตะคอกถามอีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็จับแขนของเขาด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ปล่อยให้ชายหนวดเพลิดเพลินไปกับความสนุกสนานของดรรชนีวชิระเทวราชบรรเลงสองเท่า
“ใช่ๆๆ ผมกำลังสะกดตามเธออยู่!”
ชายหนวดเป็นคนขี้ขลาด แค่เฉินห้าวใช้ฝีมือเพียงเล็กน้อย เขาก็ยอมสารภาพทั้งหมด
เฉินห้าวคว้าโทรศัพท์จากมือของเขา ปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือของเขาแล้วเปิดดูอัลบั้มรูป ปรากฏว่าส่วนใหญ่เป็นภาพที่ถูกแอบถ่ายของเซี่ยจิ้งโดยพุ่งเป้าไปที่ของสงวนของเธอเป็นพิเศษ เขาเป็นนักสะกดรอยตามที่มีหลักฐานอยู่คามือ
ในตอนนี้เซี่ยจิ้งก็วิ่งเข้ามา เมื่อเห็นชายหนวดก็รู้สึกโกรธจัด เอากระเป๋าฟาดเขาไปสองครั้งแล้วพูดด้วยความโกรธ “ทำไมต้องตามฉันมาตลอด ฉันจะตีแกให้ตาย!”
ชายหนวดรู้ตัวว่าทำผิดจึงหดคอไม่พูดอะไร
“พอแล้ว หลักฐานอยู่ในโทรศัพท์มือถือ คุณโทรแจ้งตำรวจได้เลย” เฉินห้าวยื่นโทรศัพท์ของชายหนวดให้เซี่ยจิ้ง
“อย่า อย่าแจ้งความ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน ถ้าคุณแจ้งความ งานของผมและครอบครัวต้องจบเห่แน่” ชายหนวดกล่าวพลันหน้าม่อยคอตก
“รู้ว่าชีวิตจะจบเห่ทำไมถึงยังสะกดรอยตามคนอื่น แกไปอยู่ที่ไหนมา?”
เฉินห้าวตบชายหนวดด้วยความโกรธไปสองครั้ง ความเจ็บปวดทำให้เขาอ้าปากค้าง คนทั่วไปไม่สามารถทนความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเฉินห้าวได้
เซี่ยจิ้งโยนโทรศัพท์ลงบนพื้นแล้วทุบมันเป็นชิ้นๆ ก่อนจะพูดกับชายหนวดว่า “ฉันไม่เรียกตำรวจก็ได้ ตบตัวเองสิบครั้ง ตบเบาๆ ถือเป็นโมฆะ”
“ผมตบ ผมตบ!”
พอเฉินห้าวปล่อยเขา ชายหนวดก็ตบตัวเองอย่างเต็มที่ราวกับเกลียดชังฝังใจ กลัวเซี่ยจิ้งจะไม่พอใจโทรแจ้งตำรวจ
พอเห็นเซี่ยจิ้งไม่อยากจะพัวพันยุ่งยากใจ เฉินห้าวก็เกิดความคิดดีๆ เขาพลิกหาบัตรประชาชนในกระเป๋าสตางค์ของชายคนนั้น คราวนี้รู้ชื่อและที่อยู่ของเขาแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะสร้างปัญหาอีก มิฉะนั้นจะถูกจับทันที
หลังจากเฉินห้าวบันทึกข้อความไว้แล้วก็ส่งของคืนให้ชายหนวด
ในตอนนี้เซี่ยจิ้งชี้ไปที่เฉินห้าวพลางพูดว่า “เห็นแล้วหรือยัง คนนี้คือแฟนของฉัน ถ้าแกกล้าสะกดรอยตามฉันอีก ฉันจะให้เขาอัดแกให้เละเลย!
ชายหนวดพยักหน้าซ้ำๆ “ไม่ต้องห่วงนะคนสวย ผมไม่กล้าทำอีกแล้ว!”
เฉินห้าวมองเซี่ยจิ้งอย่างคาดไม่ถึง สาวน้อยคนนี้ตั้งสถานะให้ตนมั่วซั่วได้ยังไง
ชายหนวดอ้อนวอนอีกครั้งหนึ่ง “พี่ชายพี่สาว ผมผิดไปแล้ว พวกคุณคิดเสียว่าผมเป็นแค่เศษสวะ ปล่อยผมไปเถอะ!”
เฉินห้าวนับถือคนขี้ขลาดคนนี้จริงๆ หน้าไม่อายที่สุด
เซี่ยจิ้งพูดกับเฉินห้าว “ปล่อยเขาไปเถอะ ฉันคิดว่าเขาคงไม่กล้าแล้ว”
เฉินห้าวจึงปล่อยมือ ชายหนวดลูบคลำหัวไหล่แล้วแยกเขี้ยววิ่งหนีไป
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยจิ้ง พลางกล่าวว่า “ขอบคุณมากค่ะ สหายเฉินห้าว ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ!”
เฉินห้าวดูเวลา เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นและถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว อย่างไรต้องกินข้าวอยู่ดี แถมยังได้ร่วมโต๊ะกับสาวสวยสะดุดตาพราวเสน่ห์อย่างเธอ เขาจึงตอบตกลง
เซี่ยจิ้งไม่ได้ขับรถมา เฉินห้าวบอกให้เธอนั่งรถเขา จากนั้นทั้งสองก็ไปที่ลานจอดรถ
หารู้ไม่ว่าทันทีที่มาถึงลานจอดรถสายตาของเฉินห้าวก็แข็งกร้าวทันที เพราะเขารู้สึกได้ถึงภัยอันตราย ทันใดนั้นชายวัยรุ่นอันธพาลสิบกว่าคนก็ปรากฏขึ้นรอบตัวพร้อมกับท่อเหล็กและท่อนไม้ในมือ เข้ามาล้อมรอบอย่างมุ่งร้าย และหัวหน้าก็คือเจิ้งตงที่เคยเจอกันมาเมื่อวานนี้
วันนี้ศีรษะของเจิ้งตงพันผ้าพันแผลไว้ ใบหน้าก็มีรอยฟกช้ำ ดูจากสภาพเหมือนเมื่อวานจะเล่นรถบัมพ์จนเลยเถิดไปหน่อย
“ไอ้หนู วันนี้มึงถึงฆาตแน่!” เจิ้งตงกัดฟันพูด
เมื่อวานนี้เขาถูก Military Hummer ของเฉินห้าวเอาชนะ ไม่เพียงแต่เสียค่าซ่อมจำนวนหนึ่ง ลูกน้องหลายคนยังได้รับบาดเจ็บ น้ำเสียงเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป วันนี้เขาตามหารถ Hummer ของเฉินห้าวไปทุกที่และพบมันในลานจอดรถใกล้ยิม พวกเขาจึงมาซุ่มเพื่อดักแก้แค้นเรื่องเมื่อวานนี้
“ศัตรูของคุณเหรอ? ฉันจะแจ้งตำรวจ!”
เซี่ยจิ้งมีความรับผิดชอบมาก เธอไม่ได้กรีดร้องวิ่งหนีเมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ แต่รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจะโทรไปที่เบอร์ 110
“นังบ้า อย่ามายุ่ง ไม่งั้นเดี๋ยวกูจะจัดการมึงด้วย!” เขาข่มขู่อย่างน่ากลัว
“ตอนนี้รัฐบาลกำลังต่อสู้กับแก๊งอาชญากรและกำจัดความชั่วร้าย พวกแกรอวันที่จะติดคุกหัวโตได้เลย!” เซี่ยจิ้งตอบโต้โดยไม่แสดงอาการอ่อนข้อ เธอไม่กลัวความแตกต่างอย่างมากในเรื่องความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝ่ายเลย
เฉินห้าวมองเซี่ยจิ้งอย่างคาดไม่ถึง เขามีเปลี่ยนภาพความประทับใจที่มีต่อตัวเธอไปโดยสิ้นเชิง เมื่อพบกันครั้งแรกเขาเคยจินตนาการทื่อๆ ว่าเธอเป็น “แจกันดอกไม้” แต่ตอนนี้เขากลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าหาญขนาดนี้ คุ้มค่าที่จะคบค้าสมาคมด้วย อย่างน้อยก็สามารถแบ่งปันทุกข์สุขร่วมกันได้
โทรศัพท์แจ้งความของเซี่ยจิ้งถูกกดตัดสาย ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเฉินห้าวเอง
“คุณทำอะไรน่ะ?” เซี่ยจิ้งถามด้วยความตกใจ “ถ้ายังไม่โทรแจ้งตำรวจคุณอาจจะโดนอัดน่วมได้นะ”
เป็นจริงเช่นนั้น พวกเขาสองคนถูกล้อมรอบไปด้วยพวกอันธพาลสิบกว่าคน ถ้าไม่โทรแจ้งตำรวจก็ไม่อยากจะคิดถึงผลลัพธ์เลย
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะซัดสองคนข้างหลังนั่นให้ร่วง คุณฉวยโอกาสนี้หนีออกไป และคอยดูว่าผมจะเอาชนะพวกมันยังไง” เฉินห้าวพูดอย่างมั่นใจ
“คุณแน่ใจหรือว่าจะเอาชนะพวกมันได้มากขนาดนี้?” เซี่ยจิ้งชี้ไปยังพวกอันธพาลที่อยู่รอบตัวเธอพลางถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ตอนแรกอาจารย์หยิปมันก็ต้องเอาชนะปรมาจารย์ต่างชาติ 10 คน แม้ว่าผมจะเก่งไม่เท่าปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะเอาชนะพวกอันธพาลสิบคนได้”
เฉินห้าวหักข้อนิ้วมือดัง ‘เป๊าะๆ’ เขาพร้อมรับมือการโจมตีแล้ว