ข่าวภายในเหล่านี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ผู้คนในธนาคารแห่งประเทศจีนได้รับรู้ถึงเรื่องนี้แล้วก็กระจายไปยังธนาคารอื่นๆ ทุกคนได้ยินข่าวหรงข่ายกรุ๊ปกำลังจะจบลงในเวลาเดียวกัน และการยืมเงินให้เขาก็เท่ากับการเอาตัวเข้าเสี่ยง
ส่งผลให้ธนาคารที่ได้รับการขอสินเชื่อจากหรงข่ายกรุ๊ปมีทัศนคติที่คลุมเครือขึ้นมา พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธโดยตรง แต่อ้างว่าต้องใช้เวลาในการอนุมัติ และต้องตรวจสอบระยะเวลาหนึ่งถึงจะปล่อยกู้ให้เขาได้
แต่ว่าหรงข่ายกรุ๊ปไม่สามารถรอได้อีกต่อไป หากล่าช้ากว่านี้ราคาหุ้นของบริษัทจะไร้มูลค่า และผลการดำเนินงานหลายปีจะล้มละลายภายในวันเดียว
ในเมื่อธนาคารไม่กู้เงินให้เขา เฉียนหรงข่ายจึงตั้งเป้าหมายไปที่พันธมิตรทางธุรกิจของเขา ยืมเงินจากพวกเขาหลายล้านหรือหลายสิบล้าน และรับประกันอัตราดอกเบี้ยสูงด้วย และรับปากว่าหลังจากที่วิกฤตทางการเงินของบริษัทหายไปก็จะคืนเงินให้พวกเขาในทันที
แต่ว่านักธุรกิจที่ร่ำรวยในย่านธุรกิจในจังหวัด ได้รับคำแนะนำจากประธานหอการค้าชุยหย่องปิงแล้วว่า พวกเขาไม่ต้องให้เฉียนหรงข่ายยืมเงิน ดังนั้นเหล่าบรรดาเพื่อนที่หน้าไหว้หลังหลอกของเฉียนหรงข่ายทั้งหลาย ไม่ใช่เพราะหายตัวไปก็เป็นเพราะสัญญาณโทรศัพท์ไม่ดี และไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ไม่สามารถติดต่อกับพวกเขาได้เลย
เหตุผลที่ชุยหย่องปิงประกาศข่าวดังกล่าวออกไป เป็นเพราะเฉินห้าวได้สื่อสารกับเขาล่วงหน้าแล้ว ชุยหย่องปิงเกรงกลัวเฉินห้าวในระดับหนึ่งเขาจึงช่วยเฉินห้าวเผยแพร่ข่าวเชิงลบเกี่ยวกับเฉียนหรงข่ายโดยไม่ลังเลใจเลย
“ไอ้พวกขยะ ปกติก็เรียกกันว่าพี่น้อง แต่ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้กลับไม่มีประโยชน์สักคน!”
เขาพยายามมาหลายวันแต่ก็ไม่มีใครยอมยืมเงินให้เขาเลย เฉียนหรงข่ายตะโกนอย่างโกรธจัดในสำนักงาน และปาแก้วน้ำเสียไปหลายใบ แต่ก็ไม่เป็นผล จนสุดท้ายเขาก็ทำได้แค่ฝากความหวังสุดท้ายไว้กับการขายทรัพย์สินของเขา
รถยนต์หรูและคฤหาสน์ที่เขาสะสมมาหลายปีถูกจัดขายด้วยราคาต่ำ ซึ่งและยังระบุว่าต้องการรับเงินสดโดยเร็วที่สุดด้วย เหลือเพียงบ้านพาณิชย์ขนาดเล็กให้กับภรรยาและลูกๆ ของเขา และอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในชื่อของกิ๊กทุกคนถูกเอากลับมาเพื่อขายออกในทันที
หลังจากผ่านไปอีกสองวันในที่สุดเฉียนหรงข่ายก็ระดมทุนได้500ล้านหยวนและพร้อมที่จะโอนเข้าในบัญชีของบริษัทในคราวเดียว เพื่อจัดการกับความยากลำบากในครั้งนี้
“พี่ห้าวคนที่แซ่เฉียนนั้นไปขายบ้านขายรถของเขาได้มา500ล้านหยวน และเตรียมการเสี่ยงวัดดวงเป็นครั้งสุดท้ายด้วยการทุ่มสุดตัวแล้ว”
ฉิงจื๋อเทาซึ่งเป็นผู้ดังฟังโทรศัพท์มือถือของเฉียนหรงข่ายมาโดยตลอด ได้แจ้งข่าวสำคัญนี้ให้เฉินห้าวทราบ
เฉินห้าวฟังแล้วก็มีรอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของเขา และการโจมตีครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้น ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเพราะความโอหังของเฉียนหรงข่าย ที่บังอาจไปยั่วยุคนที่แข็งแกร่งอย่างเฉินห้าว!
ในขณะนี้เฉินห้าวอยู่ที่ตึกบริษัทโจวซื่อ ตัดสินใจใช้บัตรความจนเท่ากันที่เขาเตรียมไว้เมื่อนานมาแล้วอย่างไม่ลังเลใจเลย เขาโอนเงินฝากทั้งหมดของตัวเองออกจากบัญชีก่อน จากนั้นก็ตั้งเป้าหมายของบัตรไว้ที่ตัวของเฉียนหรงข่าย
“บัตรความจนเท่ากันได้เริ่มการทำงานแล้ว และเฉียนหรงข่ายคือบุคคลเป้าหมาย ผู้ใช้และบัญชีกองทุนเป้าหมายเป็น0บาท”
มีคำแจ้งเตือนดังกล่าวดังขึ้นจากแอพ ในที่สุดเฉินห้าวก็ทำขั้นตอนสุดท้ายของแผนการนี้สำเร็จ โดยการใช้บัตรความจนเท่ากันกวาดล้างบัญชีส่วนตัวของเฉียนหรงข่ายซึ่งส่งผลให้เขาได้รับชัยชนะในครั้งนี้ไป
“ผู้ให้คำปรึกษาหวงครับ ตอนนี้เฉียนหรงข่ายไม่มีเงินแล้ว ที่เหลือก็คงต้องมอบให้คุณไปจัดการต่อ” เฉินห้าวกล่าว
“ได้ครับ ฉันจะปล่อยข่าวออกไปว่าเฉียนหรงข่ายจัดขายทรัพย์สินทั้งหมดของเขาเพื่อแอบหนีออกไป ถึงตอนนั้นความโกรธเคืองของเจ้าหนี้เหล่านั้นก็มากพอสำหรับเขาแล้ว”
ผู้ให้คำปรึกษาหวงยิ้มเบาๆ ก่อนที่จะออกคำสั่งให้ลูกน้องของเขากระจายข่าวนี้ออกไป จากนั้นก็เร่งแผนการทำลายล้างหรงข่ายกรุ๊ปให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
เฉียนหรงข่ายซึ่งตอนนี้อยู่ที่บริษัทที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของจังหวัดนั้น กำลังจะโอนเงิน500ล้านไปยังบัญชีบริษัทด้วยความหวังสุดท้าย แต่กลับได้รับแจ้งว่ายอดเงินไม่เพียงพอ หลังจากตรวจสอบยอดเงินแล้วเขาก็พบว่า เงินในบัญชีที่เป็นเลขเก้าตัวในตอนแรก ได้กลายเป็นเลข0ไปแล้วในตอนนี้ และความเจริญรุ่งเรืองของเขาได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว
เฉียนหรงข่ายทนแรงกระนี้ไม่ไหวจนเป็นลมล้มสลบไปในทันที
“คุณเป็นอะไรไปครับเจ้านาย”
พนักงานในบริษัทรีบยกเฉียนหรงข่ายไปโรงพยาบาลด้วยความตกใจ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็จบลงแล้ว หรงข่ายกรุ๊ปไม่สามารถกู้คืนได้เนื่องจากการล่มสลายของห่วงโซ่ทุน และบริษัทย่อยทั้งหมดก็ถูกปิดและจะประกาศชำระบัญชีในเร็วๆ นี้
…
“ประธานเฉินคุณทำให้ผมรู้สึกนับถือจริงๆ เลย ผมอยู่ในวงการธุรกิจมาหลายปีแล้วเพิ่งได้เห็นผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณเป็นครั้งแรก คุณกำจัดหรงข่ายกรุ๊ปทิ้งอย่างง่ายดายแทบจะไม่ได้ใช้ความพยายามใดๆ เลย พูดได้ว่าเป็นการพลิกฟ้าคว้าฝนเลยแหละ! ”
ในงานเลี้ยงฉลองภายในผู้ให้คำปรึกษาหวงยกแก้วไวน์ขึ้นเพื่อแสดงความชื่นชมเฉินห้าว
การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้อาจเป็นแบบอย่างในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้แต่ดูจากประวัติศาสตร์ของธุรกิจดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายนัก ขนาดองค์กรที่ดูเหมือนว่าจะมีทรัพยากรทางการเงินมากมายยังล้มละลายลงในช่วงเวลาสั้นๆ ได้เลย บ่งบอกให้รู้ว่าเฉินห้าวนั้นแข็งแกร่งมาก เพราะเขาไม่เคยคำนวณผิดเลยสักครั้ง
“เปล่าเลยครับ เป็นเพราะการทำงานร่วมกันของทุกท่านต่างหาก ถึงได้มีความสำเร็จในครั้งนี้”
เฉินห้าวชนแก้วและดื่มแชมเปญกับทุกคนในงาน
“ประธานเฉินพูดถูก ทุกคนมีส่วนร่วมในครั้งนี้ และอั่งเปาของพวกคุณจะรวมอยู่ในเงินเดือนของเดือนนี้ และหวังว่าทุกคนจะตั้งใจทำงานต่อไป” โจวซีถงประกาศด้วยรอยยิ้ม
พนักงานแผนกการลงทุนที่อยู่ในงานเลี้ยงต่างก็พากันดีใจ เนื่องจากว่าการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้บริษัทของพวกเขาได้ลงมือเร็วกว่าบริษัทอื่นๆ พวกเขาจึงรู้เรื่องราวภายในและได้รับผลกำไรมหาศาลจากการเข้าซื้อในครั้งนี้ด้วย ในเวลาเพียงไม่กี่วันพวกเขาก็ทำเงินได้มากกว่า70ล้านหยวนแล้ว ซึ่งสูงกว่าผลประกอบการประจำปีของหลายบริษัทด้วยซ้ำไป ถือว่าเป็นโชคลาภของพวกเขาจริงๆ
“แล้วตอนนี้ไอ้เฉียนหรงข่ายนั้นอยู่ที่ไหนเหรอ?” เฉินห้าวถาม
“เขาคิดจะหนีหนี้แต่กลับถูกจับที่สนามบินซะก่อน คราวนี้เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจหลายอย่าง คาดว่าเขาคงต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำหลายปีเลยแหละ และเมื่อเขาออกมาเขาก็จะกลายเป็นคนอนาถา และคงไม่สามารถทำอะไรได้อีก” ผู้ให้คำปรึกษาหวงกล่าว
“ดีมากนี่ถือเป็นบทเรียนในชีวิตของเขาได้เลย ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่รู้จากคำว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแน่” เฉินห้าวพูดอย่างเย็นชา
“จริงด้วย คนแบบนี้สมควรแล้วที่จะโดนประธานเฉินสั่งสอน” พนักงานรอบๆ ยิ้มอย่างรู้เท่าทัน
จากที่อยู่ด้วยกันมาหลายวัน ทุกคนจึงรู้ว่าสาเหตุคือการยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเฉียนหรงข่ายที่มีต่อเฉินห้าว กล่าวได้ว่าการที่เขาถูกทำร้ายนั้นเป็นเพราะตัวเขาเอง ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาดันไปมีเรื่องกับผู้มีอิทธิพลอย่างเฉินห้าว ดังนั้นการที่เขามีจุดจบแบบนี้ก็เพราะความหาเรื่องใส่ตัวของเขาเอง