หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1281

ตอนที่ 1281

บทที่ 1281 จิตสังหาร
ตู้ม!

ฝ่ามือและกำปั้นปะทะกันพลังทำลายล้างก็ทำให้มิติรอบด้านทั้งสองพังครืนลง ราวกับว่ากลายเป็นหลุมดำกลืนกินแสงสว่างทั้งหมด

รอยยิ้มร้ายกาจแขวนบนริมฝีปากกู้ซือหวง เขาเหมือนจะเห็นฉากพิการของมู่เฉินในเวลาต่อมาแล้ว

ปัง!

เสียงแสบแก้วหูสะท้อนก้องไปมา แต่เมื่อดังออกมาใบหน้าของกู้ซือหวงก็เปลี่ยนไปรุนแรง ความตะลึงพรึงเพริดพล่านในนัยน์ตา

นั่นเป็นเพราะทันทีที่เกิดการปะทะกัน เขาก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังที่มาจากกำปั้นของมู่เฉินนั้นเกินกว่าขอบเขตระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย!

นี่ไม่ใช่สิ่งที่ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายควรมี!

ตึง!

คลื่นกระแทกที่มองเห็นด้วยตาเปล่ากวาดออก สรรพสิ่งในรัศมีหนึ่งพันลี้ก็ถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง แม้แต่รอยแตกก็ถูกทิ้งไว้ในมิติโดยรอบ

โคลนสาดกระเซ็น ร่างมู่เฉินก็สั่นสะท้านก่อนจะพัดกลับไปจากผลกระทบ เขาก้าวถอยหลังไปร้อยกว่าแต่ละก้าวทิ้งรอยเท้าลึกไปบนพื้น

ส่วนกู้ซือหวงก้าวถอยหลังไปยี่สิบกว่าก้าว แม้ว่าอาจดูเหมือนว่าได้เปรียบ แต่ใบหน้าของเขากลับมืดครึ้ม

สายตาจ้องมู่เฉินเขม็งด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว เขาไม่เคยคิดเลยว่าในการประจันหน้ากันตรงๆ มู่เฉินจะต้านการโจมตีของเขาได้

มู่เฉินรับการโจมตีของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้ด้วยขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายรึ?

ในเวลานี้กู้ซือหวงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ฝ่ามือของเขาไม่ต้องพูดถึงตี้จื้อจุนขั้นปลายเลย แม้แต่จอมยุทธ์เกือบจะบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มแบบหลงเซี่ยงก็อาจได้รับบาดเจ็บหนักหากประมาท

ทว่ามู่เฉินยังสามารถกระโดดไปมาหลังจากรับฝ่ามือจากเขา โดยไม่แสดงอาการบาดเจ็บใด

ขณะที่กู้ซือหวงรู้สึกตกใจ มู่เฉินก็ลูบกำปั้นด้วยความตกตะลึงเช่นกัน จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มทรงอำนาจแท้จริง แม้ว่าหมัดเขาเมื่อสักครู่อาจจะดูธรรมดา แต่ก็มีการผสมผสานระหว่างมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบวกกับคลื่นหลิงที่ขยายผ่านเจดีย์ผลึกแก้วใส อาจกล่าวได้ว่าแม้กระทั่งหลงเซี่ยงก็ยังไม่สามารถรับหมัดนี้จากเขา

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เสียเปรียบเล็กน้อยเมื่อปะทะกับกู้ซือหวง ดังนั้นนี่บอกได้ว่าระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มทรงพลังเพียงใด

ทว่าการเผชิญหน้ากับศัตรูในระดับนี้ ไม่เพียงแต่มู่เฉินจะไม่แสดงความกลัว แต่ดวงตากลับเปล่งประกายแทน เส้นทางสู่ยอดยุทธ์จำเป็นต้องท้าทายขีดจำกัดของตนเองอย่างต่อเนื่อง กู้ซือหวงจะได้รับเกียรติเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มคนแรกที่เขาจะเปิดศึกด้วย

มู่เฉินเอียงศีรษะพลางโบกมือเบาๆ ให้ลั่วหลีและหลงเซี่ยง เพื่อให้พวกเขาประสานกำลังจัดการกับจอมยุทธ์อีกคน

ลั่วหลีและหลงเซี่ยงพยักหน้า ก่อนที่จะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า สายตาจับจ้องไปที่เหลียงเสียหยู

“คึๆ จอมยุทธ์ขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มกับขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น พวกแกกล้าที่จะท้าทายข้าด้วยการรวมตัวกันเนี่ยนะ รนหาที่ตายแล้ว” เหลียงเสียหยูแสยะยิ้ม

“ตาเฒ่ากู้ ข้าจะไปช่วยเจ้าหลังจากจัดการพวกมันเรียบร้อย!”

เหลียงเสียหยูหัวเราะก่อนที่จะพุ่งไปในทิศทางของลั่วหลีและหลงเซี่ยง

“หึ มันก็แค่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ราวกับลูกไก่ในกำมือข้าที่จะจัดการ” กู้ซือหวงเค้นเสียงขึ้นจมูก ชัดว่ารู้สึกถูกลูบคม

ขณะที่พูดสายตาเย็นชาของเขาก็จับจ้องไปที่มู่เฉินราวกับอสรพิษร้าย คลื่นหลิงไร้ขอบเขตผันแปรจากร่างกาย ประหนึ่งขอบเขตที่ดูใหญ่โตไม่มีที่สิ้นสุด

สามารถบอกได้ว่ากู้ซือหวงถอนอาการดูถูกเหยียดหยามและเริ่มใช้พลังเต็มที่

รับรู้ถึงความกดดันที่น่ากลัวจากกู้ซือหวง สายตาของมู่เฉินก็กะพริบวูบไหว วินาทีต่อมาเขาก็สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด ก่อนที่มือจะวาดกระบวนท่าตราประทับเร็วปานสายฟ้า

ฮึ่ม!

แสงไม่มีวันจบสิ้นพล่านขึ้นจากด้านหลังมู่เฉิน รัศมีสีม่วงทองแปรสภาพเป็นร่างเวทสวรรค์ นี่คือร่างเทพสุริยะนิรันดร์!

พร้อมกับการเพิ่มขึ้นของการเพาะบ่มขุมพลัง ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็เพิ่มขนาดขึ้นพันจั้ง ทว่าก็ยังเล็กมากเมื่อเทียบกับร่างเวทสวรรค์อื่นๆ ที่มีขนาดหลายหมื่นหรือหลายแสนจั้ง

ทว่าเมื่อมองไปที่ร่างเวทสวรรค์ขนาดเล็กบางนี้ กู้ซือหวงก็ไม่ได้เยาะเย้ย กลับมองอย่างเคร่งเครียดลงหลายส่วน เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อมู่เฉินเรียกร่างสีม่วงทองขึ้นมา แม้แต่เขาก็รู้สึกถึงอันตรายเบาบางเล็ดลอดมาจากมัน

“ร่างเวทสวรรค์นี้คืออะไร?”

กู้ซือหวงขมวดคิ้ว ร่างเวทสวรรค์นี้ต้องเป็นของหายากมาก ดังนั้นแม้แต่เขาก็ยังจำไม่ได้ แต่เขาสามารถยืนยันได้ว่าในแง่ของการจัดอันดับร่างสีม่วงทองนี้อยู่ในยี่สิบอันดับแรกแน่นอน!

ร่างเวทสวรรค์ระดับนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่เขาที่เป็นสมาชิกเผ่าฝูถูโบราณก็ไม่สามารถครอบครองได้

“หึ ไม่ว่าแกจะครอบครองร่างเวทสวรรค์อะไร พลังของแกก็ยังมีอย่างจำกัด!” กู้ซือหวงเค้นเสียงเย็นชา ก่อนที่จะก้าวออกไป ทันใดนั้นแสงหลิงก็มารวมตัวกัน อึดใจหลังจากนั้นก็สร้างร่างเวทสวรรค์ขนาดแสนจั้งขึ้นมา

ร่างเวทสวรรค์นี้เปล่งแสงสีเงินดูหยาบกระด้างและที่น่าตกใจก็คือหัวของมันเป็นหัวสิงโต

รัศมีชั่วร้ายปลดปล่อยจากร่างเวทสวรรค์นี้ ทำให้อุณหภูมิในบริเวณนี้ลดฮวบลงทันที

เมื่อมองไปที่ร่างหัวสิงโต สายตาของมู่เฉินก็วูบไหว “อันดับสี่สิบเอ็ดในทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง ร่างราชสีห์เทวโลก?”

ร่างเทห์สวรรค์นี้ชัดว่าไม่ใช่ธรรมดา

เมื่อปรากฏขึ้นใบหน้าของกู้ซือหวงก็ถึงกับเคร่งขรึม รัศมีอันตรายที่ปล่อยออกมาก็ถึงขีดจำกัดเลยทีเดียว

“มู่เฉิน แกจงภาคภูมิใจที่บีบข้าให้นำร่างเวทสวรรค์ออกมาทั้งที่มีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้น”

กู้ซือหวงพุ่งตัวขึ้นไปบนไหล่ของร่างเวทสวรรค์ ก่อนที่จะก้มมองมาที่มู่เฉิน เสียงที่ไม่แยแสสะท้อนออกมา

ในอดีตเว้นแต่ว่าต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ที่มีขุมพลังเดียวกัน ไม่อย่างนั้นกู้ซือหวงก็จะไม่นำร่างเวทสวรรค์ออกมา แต่วันนี้เขากลับนำมาใช้จัดการกับมู่เฉิน เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกไม่สบายใจกับอีกฝ่าย

ทว่ามู่เฉินไม่ได้สนใจคำพูดนั่น เขากระทืบเท้าพร้อมกับฝ่ามือประสานกันเร็วรี่ แสงสีม่วงทองเข้มลึกก็ปรากฏบนร่างเทพสุริยะนิรันดร์อย่างรวดเร็ว

รหัสเทพอมตะ!

เมื่อรหัสเทพเริ่มควบแน่น แต่ละลวดลายก็ราวกับมังกรสีม่วงขดตัวรอบร่างมู่เฉิน ในไม่กี่อึดใจจำนวนที่ได้มาก็ถึงระดับห้าสิบลวดลายอย่างน่าทึ่ง!

ย้อนกลับไปตอนที่มู่เฉินสู้กับหลิงจั้นจื่อ เขาเร้ารหัสเทพได้ยี่สิบสามลวดลายก็ถึงขีดจำกัด ทว่าเมื่อเขาบรรลุขุมพลังอีกขั้น รหัสเทพอมตะก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

ขณะที่รหัสเทพห้าสิบลวดลายล้อมรอบมู่เฉินก็กำจายความผันผวนที่น่าสะพรึงออกมา ทำให้มิติโดยรอบสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นจากแรงกดดัน

เผชิญหน้ากับศัตรูขุมพลังดังกล่าว เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินไม่มีความตั้งใจที่จะอุ่นเครื่อง เขาโจมตีโดยไม่ลังเลทันที

“ไป!”

มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อ รหัสเทพอมตะห้าสิบลวดลายก็บินออกไป ก่อตัวเป็นหมุดสีทองที่มีความคมชัดไม่มีใครเทียบยิงไปทางกู้ซือหวง

มองไปที่หมุดที่กำลังพุ่งมาในทิศทางของตน ดวงตากู้ซือหวงก็หดลง จากนั้นเค้นเสียงเย็น เขากระทืบเท้าลงบนพื้น ร่างเวทสวรรค์เปิดปากคำราม

“เสียงคำรามราชสีห์เทวโลก!”

สิงโตดึกดำบรรพ์แผดเสียงดังกึกก้อง คลื่นกระแทกแรงกล้าและพลังพินาศอันตรายกวาดออก

การโจมตีด้วยคลื่นเสียงนี้มีความครอบงำอย่างมาก ซึ่งสามารถเพิกเฉยต่อการป้องกันส่วนใหญ่ได้ ถ้าเป็นพวกจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นยืนอยู่เบื้องหน้ากู้ซือหวง การคำรามนี้อาจทำให้คู่ต่อสู้ตัวฉีกขาดออกจากกันเลยทีเดียว

ปัง ปัง!

หมุดถูกขัดขวางไว้ก่อนที่จะกระเด็นกลับโดยคลื่นเสียงกดขี่ แต่โชคดีเนื่องจากความลึกซึ้งของรหัสเทพจึงไม่แตกสลาย

เสียงคำรามยังคงพุ่งมาใส่มู่เฉิน

“สมกับเป็นระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มแท้จริง”

มู่เฉินถอนหายใจ กู้ซือหวงเชี่ยวชาญในการโจมตีด้วยคลื่นเสียง การโจมตีดังกล่าวเป็นเรื่องยากที่จะป้องกัน ถ้าคลื่นเสียงเข้ามาในจิตใจละก็ จะทำให้คลื่นหลิงของเขาผันผวน ซึ่งมู่เฉินจะถือว่าแพ้ในการต่อสู้นี่เลย

แต่น่าเสียดายที่การโจมตีแบบนี้ไม่สามารถปราบคนแบบมู่เฉินได้ง่ายๆ เนื่องจากลักษณะการเปลี่ยนแปลงของรหัสเทพ ทำให้มู่เฉินไม่กลัวการโจมตีที่แปลกประหลาดใดๆ

มือของมู่เฉินประสานกัน ในเวลาต่อมารหัสเทพห้าสิบลวดลายที่กระเด็นกลับก็เปล่งแสงอันน่าตื่นตาพลางรวมกันอย่างรวดเร็ว

“รหัสเทพอมตะ แปรเปลี่ยน ระฆังเทพทองคำ!”

ฮึ่ม!

ระฆังสีม่วงทองขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นก่อนที่จะแกว่งไปมา คลื่นวงแหวนโบราณดังก้องกังวานไปทั่วปะทะกับเสียงสิงโตคำราม

ปัง ปัง ปัง!

ชั้นมิติพังทลายอย่างต่อเนื่อง จุดที่ปะทะกันมิติถึงกับแตกสลาย

เมื่อเห็นว่าคลื่นเสียงของตนถูกสลายไป ใบหน้าของกู้ซือหวงก็มืดครึ้ม เขาไม่คิดเลยว่าลวดลายสีม่วงทองจะเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการของมู่เฉิน นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างก็จะนำการโจมตีที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงในระดับเดียวกับทักษะเทพ!

นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเขาที่จะได้สัมผัสกับวิธีการที่ลึกซึ้งเช่นนี้

ใบหน้าของกู้ซือหวงมืดมนลง ไอสังหารพล่านในดวงตา ยิ่งมู่เฉินแสดงตัวตนโดดเด่นมากเท่าไรก็ยิ่งไม่สามารถปล่อยให้มีชีวิตได้ เพราะมารดาของมู่เฉินมีสถานะสูงส่งในเผ่าฝูถู มิหนำซ้ำยังมีผู้สนับสนุนอยู่บางคน เพียงแต่ว่าทุกคนเลือกเงียบพร้อมกับกับจองจำของนาง

หากมีวันหนึ่งมู่เฉินสามารถไปยังเผ่าฝูถูได้ เขาจะเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งสำหรับประมุขน้อยต่อไป

นี่คือสิ่งที่กู้ซือหวงไม่ต้องการเห็น!

“ไอ้เด็กเหลือขอตัวนี้ต้องถูกจัดการในวันนี้ แม้ว่าข้าจะไม่สามารถฆ่ามันได้ ข้าก็ต้องทำลายเจดีย์พุทธะของมันให้ได้!”

ด้วยความคิดนี้ไอสังหารในหัวใจของกู้ซือหวงก็เพิ่มสูงขึ้นถึงขีดสุด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท