บทที่ 399 ประณาม
ในปราสาทใต้ดิน ลูเซียนกำลังวิ่งไปด้วยความเร็วตามโถงทางเดินราวกับเป็นเงา ส่วนโซเฟีย หลังจากร่าย ‘เวทความเร็ว’ ใส่ตัวนางเอง ก็วิ่งตามลูเซียนมาติดๆ อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ไม่อยากวิ่งด้วยความเร็วเต็มกำลัง เนื่องจากต้องหยุดและตรวจสอบเส้นทางเป็นระยะๆ
“ระวัง ประตูข้างหน้าอันตราย มีวงเวทซ่อนอยู่” โซเฟียพูดขึ้นหลังจากศึกษารูปแบบเวทมนตร์รอบๆ และเปรียบเทียบกับวงเวทในแผนที่
ลูเซียนซึ่งรับรู้ถึงอันตรายด้านหลังประตูมานานก่อนที่จะมีคำเตือน ก็แสร้งทำเป็นสับสนและพูดออกมาขณะขมวดคิ้ว “เราควรทำอย่างไรต่อ? การทำลายวงเวทอาจทำให้เสียเวลา”
โซเฟียนึกขำกับคำพูดของลูเซียน แล้วดูเหมือนว่านางไม่เหลือความกลัวอยู่เลย “เราไม่ต้องทำลายมันหรอก วิ่งอ้อมไปดีกว่า นี่ไม่ใช่การทดสอบจากสภาเวทมนตร์ นอกจากข้าแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นรู้เรื่องเวทมนตร์ คนที่เข้าแข่งที่เหลือก็คงจะอ้อมไปหรือไม่ก็รอจนกว่าวงเวทจะหมดฤทธิ์”
“แล้วแบบไหนใช้เวลานานกว่ากัน? จะรอหรือจะอ้อมไปดีพะย่ะค่ะ?” ลูเซียนถาม เขารู้สึกเหมือนเป็นศาสตราจารย์ที่พยายามให้เบาะแสกับนักศึกษาอย่างดีที่สุด
โซเฟียตอบโดยไม่ลังเล “เราจะอ้อมไป ใช้ทางนี้ไปอีกห้อง มันเชื่อมกับผนังทางเดินอีกทางหนึ่ง”
ขณะที่นางพูด นางก็ชี้ไปยังห้องหนึ่งที่มีประตูไม้โรสวู้ด ในฐานะผู้ใช้เวทมนตร์ สีหน้าของนางเฉิดฉายด้วยความภาคภูมิใจ
ในปราสาทใต้ดิน ความรู้สึกใช้นำทางไม่ได้ ลูเซียนก็ยังไม่อาจแผ่พลังวิญญาณออกไป เนื่องจากโซเฟียตามหลังเขาติดๆ
ประตูไม้โรสวู้ดหนักกว่าที่ลูเซียนคาดไว้ ราวกับว่าทำจากโลหะล้ำค่าที่สุด ไม่ได้ทำจากไม้ เมื่อประตูเปิดออกช้าๆ กลิ่นเหม็นก็พุ่งออกมาคละคลุ้ง
“ระวังตัว!” โซเฟียรีบเตือนเขา
ขณะเดียวกัน โบลัคก็กระโดดหลบไปด้านข้าง ประหนึ่งว่าเขาเตรียมพร้อมอย่างดี
โซเฟียรีบยกไม้เท้าเวทมนตร์สีหยกขึ้นแล้วกระแสลมรุนแรงก็พัดไปยังพื้นที่ว่างในนั้น
“ก๊าซพิษ?” ลูเซียนถามขึ้น แม้เขาจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
โซเฟียพยักหน้าด้วยสีหน้าจริง “น่าจะเพิ่งมีใครผ่านมาและเปิดพลังวงเวท ระวังตัวด้วย”
ลูเซียนพยักหน้าและกำดาบสีฟ้าของเขาแน่น เขาเดินเข้าไปในห้องด้วยความเร็วของอัศวิน เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
ภายในห้อง ตู้เสื้อผ้า เก้าอี้ยาว และโต๊ะต่างถูกทำลายเสียหายหนัก เศษซากต่างๆ กระจัดกระจายไปทั่วพื้น เห็นได้ชัดว่าเพิ่งมีการต่อสู้อย่างดุเดือดขึ้นที่นี่
บนพื้นอีกฝั่งหนึ่ง มีร่างของขุนนางหนุ่มสองคน ใบหน้าของทั้งสองกลายเป็นสีดำ แล้วมือของพวกเขาก็เกิดการหดค้างของกล้ามเนื้อ ไม่ต่างจากตีนไก่ และตรงมุมปากของพวกเขา มีร่องรอยการอาเจียน
“สองคนนี้ถูกพิษ… จนตายหรือ?” ลูเซียนจำได้ว่าทั้งสองเป็นขุนนางที่เข้ามาช่วยอาร์เธน และหนึ่งในสองคนนี้ก็ปลุกพลังโลหิตได้แล้วด้วยซ้ำ
โซเฟียร้องอุทานมาจากด้านหลังเมื่อนางเห็นศพทั้งสอง และสีหน้าของนางก็ดูหดหู่อีกครั้ง “สองคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเดนิซ แต่ต้องมาตายที่นี่ ไม่ว่าการแข่งขันครั้งนี้จะจบลงอย่างไร ตระกูลของท่านเจอปัญหาหนักแน่ ตระกูลขุนนางอื่นๆ จะรวมตัวกัน ตระกูลกอร์สจะสูญเสียอย่างหนักกว่าตระกูลอื่นจะหายแค้น”
“พวกชั่วที่วางแผน! ผู้ทรยศต่อตระกูลของเรา!” ลูเซียนสบถเหมือนกับที่โบลัคน่าจะทำ แล้วเขาก็ค่อยๆ เข้าไปดูศพและตรวจสอบบาดแผลอย่างรอบคอบ
ลูเซียนต้องประหลาดใจ เขาเห็นรอยบุ๋มขนาดใหญ่บนหน้าอกของศพหนึ่ง มนุษย์ธรรมดาไม่น่าจะสามารถมีพลังโจมตีรุนแรงขนาดนี้!
ทันทีที่ลูเซียนคิดขึ้นมาได้ เขาก็รีบม้วนตัวหลบไปด้านข้าง วินาทีต่อมา ประตูไม้โรสวู้ดก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ สายลมรุนแรงก็พัดเข้ามา
“โกเลมเหล็ก!” โซเฟียร้องเตือนลูเซียน
ลูเซียนยันศอกดันพื้นและกลิ้งไปรอบๆ เขาเห็นโกเลมเหล็กตัวใหญ่สูงประมาณสี่เมตร จุดสีแดงสองจุดซึ่งเป็นดวงตาของโกเลมเปล่งแสงอย่างเยือกเย็น โกเลมยกค้อนขนาดใหญ่ขึ้นสูง ซึ่งฟาดลงเล่นงานลูเซียน
ลูเซียนรู้ว่าเขายังไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ในตอนนี้ เขาจึงกระโจนหลบอย่างรวดเร็วและใช้ ‘ดาบน้ำแข็ง’ ฟันเข้าที่ด้านข้างของค้อนยักษ์
ตู้ม!
ท่ามกลางเสียงโลหะปะทะกันรุนแรง ค้อนยักษ์ดังกล่าวก็กระเด็นไป ด้วยพละกำลังมหาศาล มือของลูเซียนรู้สึกชาไปหมด และมือทั้งสองข้างก็สั่นเทา
โกเลมเหล็กมีพลังสูงยิ่งกว่าอัศวินหลวงมากนัก แม้ว่าลูเซียนจะสวม ‘ถุงมือยักษ์กินคน’ เขาก็ยังรับมือกับพลังของโกเลมอย่างยากเย็น
อย่างไรก็ตาม โกเลมเหล็กไม่ได้รู้สึกรู้สา หลังจากแกว่งค้อนในอากาศเป็นครึ่งวงกลม ค้อนก็ฟาดลงเล่นงานลูเซียนอีกครั้ง!
มือทั้งสองข้างของลูเซียนมีแสงสีเงินเปล่งรัศมีปกคลุม เขาดึงดาบกลับมาและตั้งรับการโจมตีอันหนักหน่วง
ทันใดนั้น กระแสลมก็พัดรุนแรง กระแสลมกลายเป็นคมดาบจำนวนนับไม่ถ้วนเล็งเป้าที่ตัวโกเลม อย่างไรก็ตาม คมดาบมากมายทำได้เพียงสร้างรอยขีดข่วนเล็กน้อยบนตัวมันเท่านั้น
เมื่อขาดประสบการณ์ในสนามรบจริง โซเฟียก็เลือกใช้เวทมนตร์ผิดบทผิดเวลาเวลาตั้งแต่แรกเริ่ม!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! โกเลมไม่ระแคะระคายผิว มันยังคงแกว่งค้อนโจมตีต่อเนื่อง ในการเผชิญหน้ากับพลังมหาศาลเช่นนี้ ลูเซียนตกเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างโงหัวไม่ขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ในขณะนี้
ลูเซียนยังจำได้ว่านาตาชาและจอห์นเคยสอนเขาให้ต่อสู้เหมือนอัศวิน อย่างไรก็ตาม ห้องนี้ไม่มีพื้นที่มากพอให้เขาเคลื่อนที่อย่างอิสระ ทีละก้าวๆ ลูเซียนทำได้เพียงล่าถอยเพื่อลดแรงปะทะบนดาบของเขา
พลังของโกเลมตัวนี้เทียบเท่าได้ประมาณอัศวินหลวงระดับห้า ลูเซียนเริ่มรู้สึกเหนื่อย อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ตื่นตระหนก แม้มือจะสั่นเทา เขายังคงกำดาบแน่น
แสงสีฟ้าเริ่มเปล่งประกายออกมา โกเลมและค้อนของมันค่อยๆ ถูกชั้นน้ำแข็งเย็นเฉียบเข้าปกคลุม แม้ตัวโกเลมจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่มันก็เริ่มเคลื่อนไหวช้าลงๆ
ลูเซียนอาศัยจังหวะนี้ สืบเท้าไปข้างหน้าและหลบการโจมตีของค้อนยักษ์ ลูเซียนฟันดาบลงที่เข่าข้างหนึ่งของโกเลมด้วยพลังทั้งหมดที่มี
เปรี้ยง! นี่เป็นการโจมตีใส่โกเลมครั้งแรกของลูเซียน ชั้นน้ำแข็งไต่ขึ้นเกาะบริเวณเข่าของโกเลม แม้ชั้นน้ำแข็งบางๆ จะแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันทีที่ โกเลมเหล็กขยับตัว แต่มันก็ทำให้เจ้าปีศาจร้ายช้าลงได้วินาทีหนึ่ง ลูเซียนโจมตีที่เข่าอีกข้างของโกเลมอย่างเด็ดเดี่ยว
กระแสลมพัดรุนแรงอีกครั้งซึ่งกลายเป็นเชือกจำนวนมาก คอ เข่า ข้อศอก และข้อมือต่างถูกเชือกมัดตรึงไว้ และมันก็ยิ่งขยับตัวได้ช้าลงไปอีก
การต่อสู้ของลูเซียนทำให้โซเฟียฮึกเหิมขึ้นมา ตอนนั้นเองนางคิดออกว่าจะทำอย่างไรเพื่อช่วยเขา
ถึงเวลาลูเซียนโจมตีกลับอย่างเต็มรูปแบบ ประหนึ่งห่าฝนในพายุลูกใหญ่ ดาบของลูเซียนฟาดฟันลงบนตัวของโกเลมเหล็กต่อเนื่องไม่หยุด
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
รอยยิ้มแห่งความมั่นใจปรากฏบนหน้าของลูเซียน เขารู้สึกได้ว่าเลือดในกายร้อนด้วยการต่อสู้นี้!
ดวงตาเรืองแสงสีแดงของโกเลมเป็นประกาย ขากรรไกรเหล็กของมันเปิดอ้า และจากภายในปาก มีก๊าซพิษสีเหลืองปนเขียวพุ่งออกมา
ขณะที่ลูเซียนกำลังจะกระโดดหลบ ก๊าซพิษก็ถูกพัดกลับไปจากกระแสลมแรง
‘เวทสลายควัน’ โซเฟียเลือกใช้เวทมนตร์ได้ถูกต้องอีกครั้ง!
เท้าของเขาปักหลักยันอยู่กับพื้น ลูเซียนก็พุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของเขาก็ทำให้ค้อนยักษ์พลาดเป้าอีกครั้ง และด้วยการโจมตีสำเร็จอีกครั้ง โกเลมเหล็กก็เคลื่อนที่ช้าลงมากเหมือนกับว่ามันกำลังขึ้นสนิม
อย่างไรก็ตาม ดาบน้ำแข็งระดับสี่ของลูเซียนทำได้เพียงสร้างบาดแผลตื้นๆ บนตัวโกเลมเท่านั้น แม้จะมีบาดแผลมากมาย ข้อเข่าของมันก็ยังสามารถขยับได้ ลูเซียนเฉียดฉิวจะถูกฟาดด้วยค้อนยักษ์แสนอันตรายอยู่สองสามครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเอง ลูเซียนก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงมหาศาลจากฝั่งตรงข้าม ซึ่งฉุดรั้งแม้กระทั่งดาบของเขา ขณะเดียวกัน เจ้าโกเลมก็ไม่อาจเครื่องที่มาข้างหน้าได้แม้แต่เพียงนิ้วเดียว!
หลังจากประมาณสิบวินาที ก็มีเสียงเบาๆ ของโลหะกระแทกกระทั้นอยู่ภายในตัวของโกเลม แสงไฟในดวงตาสีแดงทั้งสองข้างเริ่มสลัว หลังจากนั้น เจ้าปีศาจเหล็กก็ร่วงลงกองกับพื้นประหนึ่งหน้าผาขนาดย่อมๆ พังทลาย
ดูเหมือนโซเฟียจะคิดออกในที่สุดว่าเวทมนตร์สร้างสนามแม่เหล็กรุนแรงเหมาะที่สุดในการกำราบปีศาจเหล็กแบบนี้ นางถึงร้านเวทมนตร์ระดับห้า ‘เวทช็อกสนามแม่เหล็ก’
ลูเซียนดีใจที่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในปราสาทของอาจารย์ของเขา ‘เจ้าแห่งวายุ’ เนื่องจากโกเลมเหล็กขั้นสูงส่วนใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยสภาเวทมนตร์จะยังสามารถต่อสู้ในสนามแม่เหล็กที่รุนแรงได้อีกสองสามนาที และในช่วงสองสามนาทีดังกล่าว โกเลมเหล็กยังสามารถสังหารนักเวทชั้นกลางและอัศวินหลวงส่วนใหญ่ได้อีก
ลูเซียนหอบหายใจรุนแรงและรู้สึกหมดพลัง แต่เขาก็รู้สึกดีมากหลังจากได้ออกแรงเต็มที่ เนื่องจากตั้งแต่ขึ้นเป็นนักเวท เขาแทบไม่เคยต้องต่อสู้ด้วยร่างกายมาก่อน และมีอยู่สองสามครั้งที่เขาเกือบจะต้องใช้เวทมนตร์
จากการต่อสู้ครั้งนี้ ลูเซียนก็ตระหนักถึงความสำคัญของการออกกำลังกายอีกครั้ง
ตามปกติแล้ว สมองของเขาจะเต็มไปด้วยความคิดแปลกประหลาดมากมาย
เมื่อเห็นว่าโบลัคหายใจเหนื่อยหอบ โซเฟียก็เข้ามาหาเขาด้วยสิหน้าแดงระเรื่อ “ต้องขอโทษด้วย… ข้าลนลานเกินไป ความรู้ที่ศึกษามา… ไม่อยู่ในหัวเลยจนตอนหลังนี่แหละ ท่านเป็นอะไรไหม?”
“กระหม่อมไม่เป็นอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่ฝ่าบาทเจอปีศาจ ทำได้ดีมากพะยะค่ะ” ลูเซียนตอบ เขารู้สึกว่าพลังฟื้นคืนมาเร็วมาก เมื่อเลือดสูบฉีดรวดเร็วไปทั่วร่าง ตอนนั้นเอง เขาก็สงสัยว่าพลังกระแสลมจะเทียบเท่ากับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในโลกนี้หรือไม่ นั่นเป็นเพราะเขารู้มาว่าเจ้าหญิงโซเฟียมีพลังโลหิตที่เรียกว่า ‘เทพธิดาแห่งสายลม’ แต่พลังของนางยังทำให้นางสามารถร่ายเวทที่สร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้ารุนแรงได้อีกด้วย
ตามที่ลูเซียนรู้มา สภาเวทมนตร์ได้จำกัดความธาตุทั้งสี่เสียใหม่ จอมเวทเห็นชอบกับถ้อยแถลงที่ว่าธาตุลมเป็นตัวแทนของแรงแม่เหล็กไฟฟ้า และธาตุดินถูกสร้างมาจากแรงโน้มถ่วง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อสรุปว่าธาตุไฟและธาตุน้ำเกี่ยวข้องกับแรงพื้นฐานอื่นๆ อย่างไร
“นี่เป็นการต่อสู้ที่โหดร้ายมาก โชคดีที่ข้ามีเจ้าเป็นอัศวินของข้า” โซเฟียพูดอย่างอ่อนโยน
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งพะยะค่ะ” ลูเซียนแสร้งทำเป็นตื่นเต้น
โซเฟียพยักหน้า “เราพักกันสักหน่อยเถอะแล้วค่อยไปต่อ”
ขณะที่นางกำลังร่ายเวทมนตร์เพื่อตรวจสอบโถงทางเดินข้างหน้า ลูเซียนก็ก้มหน้าลงและส่ายศีรษะเบาๆ เขาเชื่อว่าโซเฟียกำลังทดสอบเขาระหว่างการต่อสู้
หากนางไม่ได้กลัวจนเกินเหตุ หรือไม่มีใครสอนให้นางหัดตั้งสมาธิ ก็ไม่มีทางที่ช่วงเวลาระหว่างการร่ายเวทมนตร์สองครั้งจะนานขนาดนี้! ภายในหนึ่งนาที โซเฟียเพิ่งใช้เวทมนตร์ไปสี่ครั้ง แม้ว่าจะพิจารณาถึงเวลาที่นางต้องใช้ครุ่นคิด มันก็ยังช้าไปมากอยู่ดี!
หลังจากเดินหยุดพักสักพักใหญ่ ลูเซียนและโซเฟียก็ออกเดินทางอีกครั้ง
เพื่อหลีกเลี่ยงห้องที่เต็มไปด้วยวงเวทอันตรายทั้งหมด ทั้งคู่ก็มาถึงห้องโถงอีกห้องหนึ่งที่เชื่อมมาจากห้องโถงแรกที่ทั้งสองอยู่ก่อนหน้านี้
ในห้องโถงนี้ มีขุนนางมากกว่าสิบคนรวมตัวกันอยู่!
เรล์ฟและแคลร์ยืนอยู่คนละมุมของห้องโถง และทั้งสองก็มีขุนนางหนุ่มสาวอยู่ข้างตัวฝ่ายละสองสามคน มุมตรงข้ามของห้องโถง อาร์เธนและผู้ช่วยของเขาก็พร้อมเข้าประจัญบาน
ตรงกลางห้องโถง มีศพสองสามร่างกองอยู่กับพื้น เลือดและเศษเนื้อกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
หน้าตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว พวกเขากลัวว่าจะต้องตายจริงๆ ลงต่อหน้าพวกเดียวกันเอง
ดูจากจำนวนแล้ว ลูเซียนเดาว่า ขุนนางส่วนใหญ่ยังหาเส้นทางที่ถูกไม่เจอ หรือไม่พวกเขาก็อาจจะกลัวจนขึ้นสมอง และหาสถานที่ปลอดภัยซ่อนตัวเหมือนดูด้า สำหรับพวกที่อยู่ในห้องนี้ ต่างได้พิสูจน์ความสามารถของตนแล้ว หากพวกเขามีชีวิตรอดตอนออกจากที่นี่ พวกเขาก็สามารถขึ้นเป็นกลุ่มผู้นำของรุ่นได้
“เจ้า! เจ้าเปลี่ยนวงเวท! โบลัค!” เมื่อเห็นลูเซียนและโซเฟีย อาร์เธนก็ตะโกนออกมาเสียงดัง ขณะถือดาบในมือขวาและโล่ในมือซ้าย เสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เจ้าอยากให้พวกเราทุกคนตายที่นี่!”
“ในกลุ่มพวกเรา มีเจ้าหญิงคนเดียวที่ใช้เวทมนตร์ และพระองค์สามารถเปลี่ยนวงเวทได้ และพระองค์ถือหางเจ้า!” ขุนนางหนุ่มอีกคนตะโกนออกมา
“แคลร์ เรล์ฟ! เราควรช่วยกันฆ่าโบลัคเสียก่อน!” ขุนนางอีกคนก็ตะโกนออกมา
เหล่าขุนนางหนุ่มสาวทุกคนกำลังรู้สึกโกรธจัด