Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 651 แผนการที่เปิดกว้าง

บทที่ 651 แผนการที่เปิดกว้าง

อาสนวิหารทองคำ เมืองอัลโต้ ราชรัฐไวโอเล็ต

ใกล้ค่ำแล้ว ฟิลิเบลก็เริ่มนำกอสเซ็ตต์ และนักบวชที่เหลือสวดมนต์วันอาทิตย์ เมื่อสวดเสร็จแล้วฟิลิเบลก็ลุกขึ้นยืน และเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นโดยไม่พูดอะไร ต่างจากเมื่อก่อนที่เขาจะเทศนาหรือชี้แนะนักบวชต่อ

“เกิดอะไรขึ้น?” ชายหนุ่มภายใต้เสื้อคลุมสีแดงถามอย่างสับสน

กอสเซ็ตต์ส่ายศีรษะ “ไม่รู้สิ ท่านทำตัวแปลกๆ มาหนึ่งเดือนแล้ว ”

“หนึ่งเดือน? นี้เกี่ยวกับเสียงแห่งอาร์คานาหรือเปล่า? พวกเขากล่าวว่าท่านผู้ทรงศีลคือ ไวเค็น นักเวทแห่งหายนะ…” ชายหนุ่มมีท่าทีค่อนหวาดหวั่น

นักบวชระดับต่ำ และระดับกลางนั้นไม่แยแสกับข่าวลือที่พูดถึงซ้ำแล้วซ้ำอีก เนื่องจากไม่มีหลักฐานสนับสนุนที่ชัดเจนทำให้เรื่องเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่เข้าทีสำหรับพวกเขา แต่สำหรับนักบวชระดับสูงที่รู้ประวัติ และความลับที่ซ่อนอยู่ของศาสนจักร พวกเขาพบว่ารายละเอียดส่วนหนึ่งในข่าวลือนี้สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ ซึ่งอาจจะเป็นความจริง

แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ทุกรูปแบบในประวัติศาสตร์ และไม่ใช่เรื่องยากที่จะสร้างเรื่องราวให้ดูสมเหตุสมผล ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจัง แต่ถึงอย่างนั้นชายในเสื้อคลุมสีแดงก็ยังรู้สึกค่อนข้างกังวล

กอสเซ็ตต์เงยหน้าขึ้นมอง และพูดอย่างจริงจังว่า “ใช่…ข้าจำได้ว่าสิ่งนี้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ท่านเข้าร่วมการประชุมฉุกเฉินที่ท่านผู้ทรงศีลจัดขึ้น…”

“ข้ายังมองไม่เห็นว่ามันเกี่ยวข้องกันที่ตรงไหน…” ชายในเสื้อคลุมสีแดงพูดพร้อมกับใบหน้าที่ดูเศร้าหมอง ดูเหมือนว่ามีความเชื่อมโยงที่ไม่ดีบางอย่างเริ่มเกิดขึ้นในใจของเขา

กอสเซ็ตต์ฝืนยิ้ม “ข้าก็คิดเช่นนั้น ข้าหมายถึง … ผู้ศรัทธาทุกคนจะรู้สึกไม่สบายใจที่ได้ยินการหมิ่นเช่นนี้”

ภายในห้องนั่งเล่นของฟิลิเบล

เทวทูตโชติช่วง ฟิลิเบลกำลังนั่งคิดในขณะที่จ้องเทียนที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่หลังโต๊ะทำงานของเขา เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง หนวดเคราของเขาก็สว่างขึ้นด้วยแสงเทียน

ทันใดนั้นเทียนที่จุดอยู่ก็ส่งเสียงดังขึ้น จากนั้นก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง สะท้อนแสงสีแดงไปยังใบหน้าของฟิลิเบล

“ฟิลิเบล ท่านพร้อมหรือยัง?” เทียนเริ่ม “พูด” ด้วยเสียงแหบแห้ง “สิ่งนี้สามารถช่วยให้ท่านฟื้นฟูศรัทธาที่สูญเสียไป และส่งเสริมให้ท่านเข้าใกล้พระเจ้าแห่งสัจธรรมมากขึ้นอีกขั้น เราไม่ได้ต้องการให้ท่านทำอะไรมาก เพียงแค่ให้ข้อมูลสำคัญกับเราเมื่อช่วงเวลาสำคัญมาถึง ”

ฟิลิเบลหน้าครึ่มลง เขาเหล่ตาเล็กน้อยและพูดกับเทียนว่า “ไม่มีทางที่เจ้าจะขึ้นไปยังหุบเขาวิมานได้ เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นพระเจ้าที่ดีที่สุดเพียงเพราะบันทึกของราชันย์แห่งสุริยางั้นหรือ? ข้าไม่เชื่อเจ้า และข้าจะไม่ทำอย่างที่พวกหัวรุนแรงทางเหนือเคยทำ! นี่คือการทรยศต่อพรของพระเจ้าอย่างไม่น่าให้อภัย!

เทียนหัวเราะคิกคักเคล้าไปกับแสงเทียนที่ริบหรี่ “ฟิลิเบล ท่านเรียกตำแหน่งของเขาแต่ไม่ใช่ชื่อเขา ท่านไม่สามารถโกหกต่อหน้าข้าได้ ไม่ว่าพระองค์จะมีอดีตแบบไหน และไม่ว่าจะมาจากไหนก็ตามหลัง หลังจากที่ท่านขึ้นไปยังหุบเขาวิมานได้ ท่านก็กลายเป็นพระเจ้าแห่งสัจธรรม การดำรงอยู่สูงสุดที่อยู่เหนือผู้อื่นทั้งหมดคือ ‘พระเจ้า’ ตามที่พวกท่านนักบวชเรียก ตอนนี้พระองค์อยู่ในระหว่างการหลับไหลชั่วคราว และยิ่งมีผู้ศรัทธามากเท่าไหร่ ท่านก็จะตื่นเร็วขึ้นเท่านั้น ฟิลิเบล ท่านจะทรยศต่อพระเจ้าแห่งสัจธรรมอย่างเบเนดิกต์ที่ 3 หรือไม่?”

“แอตแลนต์ ข้ารู้ว่าเจ้าเล่นกับจิตใจของผู้คน แต่มันใช้ไม่ได้กับข้า เจ้าจะไปตอนนี้หรือจะให้ข้าเปิดวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ที่นี่” หลังจากเงียบไปสักพัก ฟิลิเบลก็กล่าวด้วยความอดกลั้น

เทียนยืนกรานว่า “ฟิลิเบล ข้ารู้สึกได้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อใดที่ท่านต้องการ เราจะรอท่านเข้าร่วมเสมอ แล้วท่านจะได้เห็น เหล่านักบวชรวมถึงริชาร์ดในคริสตจักรแห่งโฮล์มจะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ เพราะการการค้นพบของเราในทวารานาจักรนั้นเหนือจินตนาการของท่าน ตอนนี้เราไปไกลเกินกว่าพวกที่อยู่ในภาคเหนือด้วยซ้ำ ตอนนี้พวกนั้นยังไม่เข้าใกล้หุบเขาวิมานเลยด้วยซ้ำ”

จากนั้นเทียนก็กระพริบและเสียงก็หายไป

ฟิลิเบลเปิดวงแหวนป้องกันศักดิ์สิทธิ์ในอาสนวิหารทองคำอย่างเงียบ ๆ และใบหน้าของเขาดูมืดมน หลังจากที่วงแหวนศักดิ์สิทธิ์ถูกเปิดใช้งานทั้งหมด และเขาที่ร่ายอาณาจักรแห่งพรศักดิ์สิทธิ์เสร็จสิ้น ในที่สุด ฟิลิเบลก็คลี่ยิ้มอย่างลึกลับ รูม่านตาของเขามีแสงบริสุทธิ์ส่องเข้ามา

“อนาคตที่สดใสของเรามาจากความเจริญรุ่งเรืองของศาสนจักร พระองค์ได้มอบข้อเสนอที่ใจกว้าง และเราไม่ได้โง่พอที่จะแยกออกจากอัลโต้ ท่านประเมินพระองค์ต่ำเกินไป…”

ภายในคฤหาสน์นอกอัลโต้

แอตแลนต์หลับตาลง เบื้องหน้าเขามีเชิงเทียนสีเงินวางอยู่ ในตอนนี้เองที่แสงเทียนบิดเบี้ยวและสะท้อนภาพที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้บนผนัง

“นั้นใคร?!” จู่ๆ แอตแลนต์ก็ลืมตาขึ้น และจ้องมองไปที่ร่างบนผนังด้วยความตื่นตัว

แสงเทียนสั่นไหวบิดเบี้ยว และเสียงแก่ ๆ ก็ดังออกมา“ ไม่สำคัญว่าข้าเป็นใคร สิ่งที่สำคัญคือข้อมูลที่ข้านำมาให้เจ้า”

“อะไร?” แอตแลนต์ค่อนข้างระมัดระวัง เขาพยายามที่จะเข้าใจถึงความตั้งใจของ “ผู้มาเยือน” ที่ไม่คาดคิด

เปลวไฟกล่าวว่า “ข้ามีเยอะเชียวล่ะ ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่า การจะเป็นมนุษย์กึ่งเทพนั้นทำได้อย่างไร วิธีขึ้นไปสู่ระดับตำนาน วิธีรวมพลังแห่งอารมณ์ วิธีการแปลงร่าง รวมถึงวงเวทที่เฉพาะเจาะจงคืออะไร และเคล็ดลับในการสร้างอุปกรณ์พิเศษจากพระเจ้า…”

“เจ้าคือเบเนดิกต์ที่ 3 …ไม่ เจ้าคือเป็นไวเค็น…” แอตแลนต์พูดเสียงดังขึ้น โชคดีที่แอตแลนต์ไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ ในห้องนี้มีเพียงร่างโคลนโกเลมของเขาเท่านั้น

เปลวไฟหัวเราะ “ข้าพูดไปแล้วว่ามันไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือการที่เจ้าต้องการก้าวขึ้นสู่ระดับตำนาน และกลายเป็นมนุษย์กึ่งเทพ!”

แอตแลนต์เย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่เง่าเหรอ? คิดหรือว่าข้าจะใช้วิธีที่ศัตรูให้มา?”

เปลวไฟกระตุก “ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าไม่ไว้วางใจ แต่ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่รังเกียจที่จะอ่านเนื้อหาทั้งหมดในนี้ เจ้าสามารถตรวจสอบด้วยวิธีของตนเองได้ตลอดเวลา และข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำอะไรให้”

“เจ้าหมายความว่ายังไงที่เจ้าไม่ต้องการอะไรจากข้า” แอตแลนต์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เปลวไฟรู้สึกขบขันเล็กน้อยกับปฏิกิริยาของแอตแลนต์ “เจ้ามีอะไรหรือแอตแลนต์? ข้าแค่แสดงความเมตตาต่อเจ้า ดักลาส เฟอร์นันโด และลูเซียน อีวานส์ต่างก็ได้พบกับความลับส่วนใหญ่ที่จะกลายเป็นมนุษย์กึ่งเทพแล้ว แต่พวกเขาไม่เคยคิดที่จะแบ่งปันกับเจ้า แต่ข้าแตกต่าง ข้าจะบอกเจ้าทั้งหมด”

“ความขัดแย้งภายในนั้นคือสิ่งที่เจ้าต้องการ…” ในที่สุดแอตแลนต์ก็รู้ว่าไวเค็นต้องการจะทำอะไร แต่เขาก็ไม่ขัด ที่นี่มีเพียงร่างโคลนของโกเลมเท่านั้น ดังนั้นการสมรู้ร่วมคิดใด ๆ จะไม่ทำร้ายเขา

สายเปลวเพลงอันวิจิตรเชื่อมมาถึงศีรษะของแอตแลนต์ และเริ่มส่งความรู้ให้เขา

หลังจากนั้นไม่นานเมื่อแอตแลนต์ได้อ่านเนื้อหาจากสายเปลวเพลิงที่ปรากฏขึ้นเสร็จเรียบร้อย เทียนก็ดับลงเช่นกัน หลังจากก็ปล่อยให้แอตแลนต์หัวเราะคิกคักเบา ๆ ตามที่กล่าวไว้ เทียนไม่เคยเรียกร้องอะไรจากแอตแลนต์!

“ราชาแห่งความหายนะเป็นคนใจกว้างมาก…” ในที่สุดแอตแลนต์ก็ถอนหายใจยาว เบเนดิกต์ที่ 3 ได้แบ่งปันความลับของการเป็นมนุษย์กึ่งเทพกับเขาโดยตรงโดยที่ไม่ต่องจ่ายอะไร! นี้ควรจะเป็นเหยื่อชั้นเยี่ยมที่สามารถกระตุ้นสงครามระดับตำนานได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ความลับนั้นได้ถูกทิ้งมาที่นเขาเหมือนมันฝรั่งในสนาม!

แม้ว่าแอตแลนต์จะล่วงรู้ความลับแล้วก็ตาม แต่โอกาสที่เขาจะกลายเป็นมนุษย์กึ่งเทพได้นั้นก็ยังมีน้อยมากเนื่องจากความยากลำบาก และอันตรายมากมายที่รอเขาอยู่เบื้องหน้า แต่อย่างน้อย ตอนนี้เขาก็รู้วิธีที่จะก้าวขึ้นสู่ระดับมนุษย์กึ่งเทพแล้ว!

แอตแลนต์คิดคร่าวๆว่า เบเนดิกต์ที่ 3 ต้องการจะทำอะไร จากนั้นก็หลับตาลงอ่านความลับซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าเขาจะตระหนักดีถึงความจริงว่ามันหมายถึงอะไร แต่ความลับนั้นน่าดึงดูดเกินกว่าที่เขาจะปฏิเสธ

เช่นเดียวกับที่อีวานส์เคยกล่าวไว้ว่า นี่เป็นแผนการที่เปิดกว้าง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีสัญญาหรือฉันต้องการใด ๆ

เดือนแห่งฤดูหนาว ทฤษฎีกลศาสตร์คลื่นได้ถูกเพิ่มเข้าไปในหลักสูตรพื้นฐานของการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย แม้ว่าไฮดี้จะไม่เต็มใจก็ตาม

เออร์เนสโตจากสำนักงานคณบดีเดินเข้ามา และประกาศสองเรื่อง หนึ่งคือสถาบันกำลังจะพานักเรียนทุกคนไปเรียนภาคปฏิบัติทางภาคเหนือเพื่อพัฒนาทักษะการผจญภัย และความสามารถที่ครอบคลุม และอีกเรื่องคือ อาร์คานาฉบับล่าสุดมีวางจำหน่ายแล้ว

สีหน้าของเขาค่อนข้างร่าเริง เพราะเขาเพิ่งกำจัดก้อนหินในความคิดของเขาได้ไม่นานมานี้

“ค่อนข้างหนาไม่ใช่เหรอ” โอโนเรกล่าวกับเพื่อนร่วมงานของเขา เมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาหมกมุ่นอยู่กับการศึกษากลศาสตร์คลื่น และด้วยเหตุนี้เขาจึงเชื่อว่าเขาได้รับความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย

โอโนเรมาจากกองวารสาร นั่นจึงทำให้เขารู้ทำไมวารสารอาร์คานาของเดือนนี้จึงเพิ่มปริมาณมากขึ้น เพราะท่านอีวานส์ได้ตีพิมพ์บทความที่ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างกลศาสตร์คลื่น และกลศาสตร์เมทริกซ์โดยใช้คณิตศาสตร์สมบูรณ์ การทดลองได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นการนำเสนอสองทฤษฎีที่แตกต่างกัน เนื่องจากเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ที่เขาใช้ในบทความนี้ค่อนข้างหายากในการศึกษาก่อนหน้านี้ ท่านลูเซียน อีวานส์จึงอธิบายเพิ่มเติมว่า วิธีการนี้มาจากการใช้เรขาคณิตหอคอยในสถานการณ์สามมิติไปสู่มิติที่มากขึ้นและแม้แต่มิติที่ไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อสร้างความแตกต่างจากเรขาคณิตอวกาศอีวานส์ เขาจึงเรียกว่าเรขาคณิตอวกาศอีวานส์ เลฟสกี้

ในความเป็นจริง ถ้าไม่ได้เป็นเพราะความพยายามของลฟสกี้ และจอมเวทหอคอยคนอื่น ๆ ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นเพราะธรรมชาติได้รับการยอมรับในเรขาคณิตอีวานส์แล้ว ไม่อย่างนั้นจำนวนบทความของลูเซียนก็คงจะเยอะกว่านี้มาก เนื่องจากการศึกษาขั้นตอนก่อนหน้านี้ ลูเซียนสามารถใช้การอ้างอิงจำนวนมากแทนที่จะอธิบายทุกอย่าง

แต่ถึงกระนั้นก็เรียกได้ว่าอวกาศฮิลเบิร์ตบนพื้นโลกยังคงเป็นกระดาษแผ่นนี้ที่สร้างสถานะได้อย่างเป็นทางการ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปได้ยืนยันคุณค่าของเรขาคณิตอีวานส์ซึ่งก่อนหน้านี้ถือว่า “ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง” แล้ว และความคิดของลูเซียนก็ได้ปลดปล่อยจอมเวทหอคอยจากข้อจำกัด หรือจากจินตนาการและความรู้ของตนเอง ดังนั้นการพัฒนาคณิตศาสตร์จึงเป็นไปอย่างรวดเร็วและจอมเวทหลายคนก็มีส่วนช่วยอย่างมาก พวกเขาหยุดแสวงหาความสำคัญในทางปฏิบัติของแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถทำได้ และพวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะรบกวน แต่พวกเขาก็ใฝ่หาคณิตศาสตร์เพื่อประโยชน์ของตัวเอง

ในขณะเดียวกันความก้าวหน้าทางคณิตศาสตร์ยังช่วยให้พวกเขาเข้าใจทฤษฎีอาร์คานาที่ล้ำสมัยมากขึ้น ความก้าวหน้าทางเวทมนตร์ของพวกเขาเร็วกว่าที่พวกเขาคาดไว้มาก ทำให้ตอนนี้เลฟสกี้เข้าใกล้ระดับสูงมากที่สุดแล้ว!

“บทความของท่านอีวานส์ทำให้ข้าเวียนหัว” คลาร์กขยี้ตา

โอโนเรแสยะยิ้ม “ใช่ข้ารู้ แต่ในที่สุดบทความนี้ก็ได้ยืนยันกลศาสตร์คลื่นแล้ว เราไม่มีอะไรต้องกังวลในตอนนี้”

ตอนนี้เขาอยู่ในอารมณ์ที่ร่าเริงมาก

ความร่าเริงนี้ถูกจอมเวทส่วนใหญ่ที่ได้อ่านบทความนี้ร่วมแบ่งปัน แม้แต่ผู้ที่ชอบกลศาสตร์เมทริกซ์ และคุณลักษณะของความไม่ต่อเนื่องก็ต้องยอมรับความสำเร็จของกลศาสตร์คลื่น

……………………………………………………

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท