Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 817 หลังชนหลัง

บทที่ 817 หลังชนหลัง

จักรวาลอันไร้ขอบเขตภายในนรกนั้นมืดมิดและลึกล้ำสุดหยั่ง โดยที่มีดวงดาวมากมายเปล่งประกายชวนฝัน มันดูเหมือนดาวจรัสฟ้าแห่งเทวลิขิต แต่กลับมีบางอย่างแตกต่างออกไปอย่างไม่อาจอธิบายได้

จักรวาลนั้นค่อยๆ ปรากฏขึ้นทั่วทุกมุมนรก แต่มันกลับไม่ปะทะเสียดสีกับบึงมรณะ นรกเงียบงัน มหานครเพลิงผลาญ หรือหุบเขาอนันต์ และบรรดาปีศาจก็หาได้รับผลกระทบอันใดไม่ มันดูเหมือนกับภาพโฮโลแกรมขนาดใหญ่ยักษ์

บรรยากาศหนาแน่นหนักหน่วงสุดหยั่งถึงที่ทำให้ทุกสิ่งดูเล็กลง ปรากฏขึ้นพร้อมกับจักรวาล ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าตนเองกำลังเฝ้ามองดวงดาวยามค่ำคืน กระทั่งปีศาจที่ชั่วร้ายและโหดเหี้ยมที่สุดยังรู้สึกว่าจิตใจของพวกมันว่างเปล่าและจักรวาลนั้นวิเศษเกินไปสำหรับพวกมัน ชีวิตแสนวุ่นวายของพวกมันช่างน่าขัน และสิ่งเดียวที่ควรค่าแก่การเคารพบูชาและยอมรับก็คือจักรวาลอันกว้างใหญ่

ชั่วขณะหนึ่ง แผนการร้าย การทรยศหักหลัง การฆ่าฟัน เปลวไฟ และโลหิตที่มีอยู่เต็มนรกภูมิพลันหยุดนิ่ง แทนที่ด้วยความเงียบงัน นรกโบราณที่สร้างขึ้นจากแสงสว่างหลากสีสันก็ดูเหมือนจะติดอยู่ในห้วงเวลาและอวกาศที่ช้าลง ซึ่งในนั้น ความเจ็บปวด ความเกลียดชัง และความรู้สึกด้านลบอื่นๆ ทั้งหมดกลับเบาบางลงมาก

ปีศาจแห่งบรรพกาลทั้งเจ็ดตนยืนนิ่งอยู่กับที่และจ้องมองลูเซียนด้วยอาการเหม่อลอย จิตใจของพวกมันอึดอัดท่วมท้นเกินกว่าจะโจมตีหรือหยุดลูเซียนจากการทำสิ่งแปลกประหลาด

ทางด้านลูเซียน เขาไม่คิดจะโจมตีใส่ปีศาจแห่งบรรพกาลทั้งเจ็ดเลยสักนิด เพราะบัดนี้ เขาอยู่ในสถานะพิเศษที่คล้ายคลึงกับไวเค็นในโลกหลัก ตัวเขาส่งผลต่อมิตินี้และยังไม่สามารถสัมผัสและโจมตีใส่ได้ เพราะเขาอยู่คนละห้วงอวกาศและเวลา

ดวงตาของลูเซียนหรี่ปรือลงกึ่งหนึ่ง แต่แล้วจู่ๆ เขาก็กางแขนออก ทำท่าเหมือนกำลังจะโอบกอดจักรวาล ในตอนนั้นเอง เงาสายหนึ่งก็พลันคืบคลานออกมาจากทางด้านหลังของดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของเขา

วินาทีที่เงานั้นคลานออกมา ใบหน้าของลูเซียนก็บังเกิดความเปลี่ยนอแปลงเล็กน้อย ความหล่อเหลานั้นยังคงเดิม แต่กลับแผ่ความสามัญแปลกประหลาดออกมา เขากลายเป็นใครสักคนที่พวกปีศาจแห่งบรรพกาลมองก็รู้ว่าเป็นลูเซียน เมื่อดูจากบรรยากาศและคุณลักษณะอื่นๆ!

แต่ลูเซียนกลับไม่คิดว่ามันแปลกเลยสักนิด เพราะมันก็ยังเป็นเขา มันก็คือซย่าเฟิง ตัวเขาในชาติก่อน!

เป็นซย่าเฟิง ผู้ที่ใบหน้าผสมผสานเกี่ยวพันกับใบหน้าของลูเซยีนบนเตาหลอมวิญญาณ!

เงาที่คลานออกมาจากแผ่นหลังของลูเซียนเมื่อครู่นี้ พิงหลังชนกับหลังของเขา มันค่อยๆ ชัดเจนขึ้นจนกลายเป็นลูเซียนอีกคนที่มมีลักษณะและคุณสมบัติอันโดดเด่นที่พวกปีศาจแห่งบรรพกาลไม่มีทางมองผิดไปได้ ทว่า ลูเซียนผู้นี้กลับมิได้มีกลิ่นไอของความอ่อนโยนทว่าดื้อรั้น

‘นี่มันอะไรกัน’

‘เหตุใดลูเซียนจึงแยกออกเป็นสองคนกันเล่า’

เหล่าปีศาจแห่งบรรพกาลจดจ้องอีกฝ่ายด้วยความมึนงง ไม่รู้เลยว่าบัดนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ทันใดนั้น ความว่างเปล่าก็ปริแยกออกเป็นช่องว่าง ก่อนที่แรงดึงดูดรุนแรงจนน่าหวั่นเกรงก็บังเกิดขึ้น ฉุดกระชากเอานรกโบราณทั้งหมดเข้าไปยังโลกที่ทั้งมืดมิดและแสงไสว

“ไวเค็นกำลังอัญเชิญนรกโบราณและพยายามหลอมรวมพวกเรา!” ปีศาจความยโสคำรามลั่นด้วยความตื่นตะลึงและโกรธเกรี้ยว ความเปลี่ยนแปลงและสิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่า กำลังเกิดขึ้นบนสองฟากฝั่งอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกมันควรจะสนใจด้านใดก่อนดีเล่า

แต่แรก นรกโบราณกับปีศาจแห่งบรรพกาลนั้นก็เป็นเหมือนเหรียญสองด้าน หากนรกโบราณถูกกลืนกินและหลอมรวม มันก็จะไม่มีปีศาจแห่งบรรพกาลอีกต่อไป หรืออีกนัยหนึ่ง ปีศาจแห่งบรรพกาลที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจะปรากฏขึ้น แต่มันจะมีไวเค็นเพียงด้านเดียวเท่านั้น!

ในขณะที่นรกดบราณเคลื่อนตรงไปทางโลกที่ดูทั้งชั่วร้ายและสูงส่งอย่างช้าๆ ทว่ามั่นคงนั้น ลูเซียนกลับมิมีปฏิกิริยาอันใดและยังคงทำท่าเช่นเดิม ลูเซียนอีกคนกางแขนออก ทำท่าโอบกอดแบบเดียวกัน

เปรี๊ยะ!

วินาทีที่ดวงวิญญาณทั้งสองของลูเซียนเอนกายพิงแผ่นหลังกันและกันด้วยมือที่อ้ากว้าง ร่างกายลูเซียนที่อยู่นอกประตูแห่งตัณหาก็พลันแตกสลายและกระจัดกระจายเข้ามายังโลกแห่งจิตใจและวิญญาณ แทรกเข้ามาในตัวลูเซียนทั้งสอง

ฮู่!

ท่ามกลางเสียงคำรามอันเงียบกริบ ดวงวิญญาณของลูเซียนทั้งสองกลับเริ่มชัดเจนจนแทบแตะต้องได้ แผ่นหลังของพวกเขาเชื่อมต่อกันด้วยสายสัมพันธ์พิเศษบางอย่าง

ตูม!

เมื่อเสียงระเบิดของจริงดังขึ้น วิญญาณของลูเซียนที่มีเค้าหน้าของซย่าเฟิงก็พลันลืมตา เงาสะท้อนของจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่ปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่งในนรกพลันขยายเข้า มันหาใช่สายธารแห่งดวงดาวเจิดจรัสอีกต่อไป และยังมองเห็นลูกไฟขนาดใหญ่ยักษ์ พร้อมทั้งดาวเคราะห์ขนาดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ในหมู่ดาวเคราะห์เหล่านั้น ดาวเคราะห์สีน้ำเงินดูจะงดงามเป็นพิเศษ!

ตูม!

ดวงวิญญาณที่มีเค้าโครงหน้าของลูเซียนลืมตาขึ้นพร้อมกันนั้นเอง ทว่า สิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของเขากลับเป็นจักรวาลหลากสีสันที่เกิดจากธาตุต่างๆ จากนั้น ดวงดาวจากมิติจักรวาลอะตอมก็แผ่ขยายและชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ มุมมองยังพุ่งสูงขึ้นและสูงขึ้นไปไม่หยุดยั้ง เผยให้เห็นดาวเคราะห์ที่มีม่านหมอกโอบล้อมเอาไว้

จากนั้น ทิวทัศน์ที่แสนแตกต่างของจักรวาลทั้งสองก็หดลงอย่างรวดเร็ว พวกมันแยกจากกันเป็นเอกเทศ โดยมีลูเซียนทั้งสองคนอยู่ตรงใจกลางเป็นเขตแดน!

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

ภาพนั้นยังไม่ทันจะสมบูรณ์ นรกโบราณก็แตกร้าวเสียงดังก้องกัมปนาท บ่งบอกว่ามันใกล้จะสูญสลายเต็มที ราวกับว่ามันไม่อาจทนแบกรับแรงกดดันล่องหนนี้ได้อีกต่อไปแล้ว

ปีศาจความยโส ปีศาจความเคียดแค้น และปีศาจแห่งบรรพกาลตนอื่นๆ มองหน้ากันด้วยความตื่นตะลึงและตระหนักขึ้นมาได้พร้อมๆ กัน

‘ลูเซียน อีวานส์ กำลังพยายามจะทะลวงขั้นขึ้นสู่ระดับมนุษย์ครึ่งเทพ!’

‘แต่วิธีการของเขาแตกต่างจากธานอส ไวเค็น และดักลาส!’

‘เป็นเพราะโลกแห่งปัญญาของพวกเขาแตกต่างกันใช่หรือไม่’

ภายในนครลอยฟ้าและเรนทาโต นักเวทและชาวเมืองส่วนใหญ่ต่างเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความสิ้นหวัง กระทั่งการร่วมมือกันต่อสู้ของสามมนุษย์ครึ่งเทพและชั้นตำนานระดับสูงสุดอีกหลายคน ก็ยังไม่อาจหยุดยั้งไวเค็นจากการเลื่อนระดับได้ แล้วยามนี้ผู้ใดกันจะหยุดเขาได้

ในสถานการณ์ทั่วไป นักเวทบางคนและสามัญชนคงบอกกับตัวเองว่าการเลื่อนระดับขั้นของไวเค็นนั้นมิใช่จุดจบของโลกใบนี้ เป็นไปได้มากว่าไวเค็นอาจกลายเป็นคนมีเมตตากรุณาหลังจากกลายเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ก็เป็นได้ ทว่า ความคลุ้มคลั่งของพวกที่ถูกครอบงำกับหยาดโลหิตและความโกลากลที่พวกมันสร้างขึ้นนั้นยังเป็นเหมือนแผลสดใหม่ จึงมิมีผู้ใดคาดหวังว่าไวเค็น ผู้ที่ถูกขนานนามว่าเจ้าแห่งหายนะ จะเปลี่ยนนิสัยได้ในทันทีทันใด

เมื่อเห็นว่าไวเค็นค่อยๆ หลอมรวมกับนรกโบราณและหุบเขาวิมาน และเห็นว่าการโจมตีของดักลาส พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน และเจ้าแห่งนรกหาได้ส่งผลอันใดนอกเหนือไปจากทำลายปราการป้องกันของไวเค็นและระเบิดเขาให้หลุดจากสถานะพิเศษยากจะจับต้องได้ เหล่านักเวท ขุนนาง และสามัญชนจึงยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นเรื่ยๆ

ภายใต้แรงกดดันจากความหายนะ ผู้มีพลังชั้นสูงหลายๆ คนลองบินขึ้นไปยังเขตแดนวิเศษนั้น เตรียมพร้อมเสนอตัวเข้าช่วย การตายในสมรภูมินั้นยังดีกว่ารอให้มีใครมาฆ่า!

ทว่า การหลอมรวมของไวเค็นนั้นมิได้เชื่องช้าอย่างที่เห็น ก่อนที่พวกเขาจะไปถึง การหลอมรวมก็มาช่วงสุดท้ายแล้ว

ภายในสถาบันอะตอม ไฮดี้กล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะหยันตนเอง “ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าคำสาปแช่งนี่ได้ผลสักนิดหรือไม่…”

เพราะปราการป้องกันของอัลลิน มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่านักเวทจะทำการโจมตี

แอนนิคปลอบใจนาง “มันไม่ได้หมายความว่าการทะลวงขั้นจะสำเร็จนี่ อย่างน้อยที่สุด รูปแบบการมีอยู่ของไวเค็นก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแบบจับต้องได้เลย”

แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงยามนี้เท่านั้น

แม้ว่าจะไม่มีนักเรียนคนใดเข้าใจการต่อสู้ของเหล่าผู้มากประสบการณ์ แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าไวเค็นยังคงไม่ถูกทำลายลงและยังถึงกับหัวเราะร่า พวกเขาก็เข้าใจสถานการณ์ได้ หัวใจของพวกเขายิ่งมายิ่งหนักอึ้ง

จู่ๆ อาลีก็หรี่ตาลงและพูดโพล่งออกมา “ดูเหมือนจะมีจักรวาลอยู่ในนรกโบราณล่ะ!”

‘นรกโบราณ’ คือคำศัพท์ที่พวกเขาเพิ่งได้ยินจากวิทยุ

‘มีจักรวาลอยู่ในนรกโบราณงั้นหรือ’ นักเรียนคนอื่นๆ ต่างหันไปมอง ใจนึกครางแครงในคำพูดของอาลี

ทว่า ดวงตาของพวกเขากลับบอกว่า ภายในนรกโบราณที่กำลังถูกดึงเข้ามายังโลกหลักทีละนิดๆ มีจักรวาลอยู่จริงๆ ไม่สิ สองจักรวาลที่แยกเป็นเอกเทศ หนึ่งในนั้นมีลูกไฟยักษ์กับดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ส่วนอีกแห่งนั้นเผยภาพที่เหมือนกับสิ่งที่อาลีได้เห็นจากห้องสังเกตการณ์จักรวาล แต่มีดาวเคราะห์ที่มีม่านหมอกปกคลุมเพิ่มเข้ามา!

‘นั่นคือดาวเคราะห์ที่เราอยู่เช่นนั้นหรือ’ ดักลาส ในฐานะที่เป็นมนุษย์ครึ่งเทพจากสำนักโหราศาสตร์ รู้สึกว่าดาวเคราะห์ที่มีม่านหมอกปกคลุมอยู่นั้นช่างคุ้นตานัก ส่วนอีกดวงหนึ่งกลับแปลกตายิ่งนัก!

แต่ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็แข็งค้าง ‘นั่นคือจักรวาลของจริง!’

“ท่านอีวานส์!”

“เป็นท่านอีวานส์ที่อยู่กลางจักรวาลพวกนั้น! ท่านอีวานส์สองคน!”

เสียงอุทานมากมายดังขึ้นใกล้ๆ อาลี ทั้งในเรนทาโต อัลลิน และทุกหนทุกแห่งที่มองเห็นความผิดปกติบนท้องฟ้าได้ ความสงสัยและความตื่นตะลึงแผ่ไปทั่วทุกหัวระแหง

“นั่นอาจารย์ของเรา!” ไฮดีพลันร่าเริงขึ้นมา

แม้ว่านางจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดอาจารย์ตนจึงไปโผล่อยู่ในนรกโบราณในเวลาสำคัญเช่นนี้ได้ แต่มันก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่มีบางสิ่งหรือบางคนมาขัดขวางการเลื่อนระดับขั้นของไวเค็น

สปรินต์กล่าวเสียงแผ่ว “การหลอมรวมดูจะช้าลงแล้ว!”

ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค พวกเขาก็เห็นว่าลูเซียนทั้งสองคนเอนหงายหลัง แผ่นหลังของทั้งสองค่อยๆ หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว พร้อมกับที่เขตแดนซ้อนทับปรากฏขึ้น

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

เสียงแตกร้าวดังสะเทือนเลือนลั่นมาจากนรกโบราณขณะที่มิติสั่นไหวรุนแรง ความรู้สึกด้านลบ วิญญาณเร่ร่อน และปีศาจแห่งบรรพกาลทั้งหมดนั้นเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่

แม้ว่าจักรวาลทั้งสองที่กำลังหลอมรวมกันจะมิได้มีภาพและเสียงแสนอลังการชวนฝัน แต่การเคลื่อนเข้ามาอย่างเชื่องช้า มุ่งมั่น ทว่าไร้ซุ่มเสียงกลับทำให้ทุกคนตื่นตะลึงจากก้นบึ้งของหัวใจ!

“การหลอมรวมช้าลงแล้ว!”

“ท่านอีวานส์ทำให้การหลอมรวมของไวเค็นช้าลง!”

“นี่ท่านกำลังพยายามเลื่อนขั้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพเช่นนั้นหรือ”

เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจ ความสุข และความปลื้มปีติดังกึกก้องนครอัลลิน เรนทาโต และอีกหลายๆ แห่ง ความหวังอันเปี่ยมล้นบังเกิดแทนที่ความสิ้นหวัง!

ไฮดี้กล่าวด้วยความตื่นเต้น “หากอาจารย์ของเราทะลวงขั้นขึ้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพได้สำเร็จ ปีศาจแห่งบรรพกาลที่ไวเค็นตั้งใจจะหลอมรวมด้วยคงจะสูญสลายไปเลย!”

“ฮ่าๆ เป็นโชคของเราที่อาจารย์เราไปทำการทะลวงขั้นที่นรกโบราณในเวลาเช่นนี้!”

ความกดดันและความสิ้นหวังหายไปโดยสิ้น นอกจากกลุ่มคนที่ยังต่อสู้อยู่นั้น นักเวท อัศวิน และคนทั่วไปทุกคนต่างมองไปบนท้องฟ้าด้วยความวิตกกังวล พลางสวดภาวนาให้ท่านอีวานส์ทะลวงขั้นได้สำเร็จ

เจ้าแห่งนรกอึ้งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมา “ไวเค็น วันนี้เจ้าช่างโชคร้ายนัก ลูเซียนกำลังจะทะลวงขั้นในเวลาเช่นนี้ และในสถานที่เช่นนี้!”

ไวเค็นหยุดหัวเราะอย่างเสียสติ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “มันก็แค่อุบัติเหตุเล็กๆ และมันจะไม่เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์สุดท้าย” เขาดูท่าทางมั่นใจมาก

มัลติมุสยิ้มหยัน “ไม่ว่าจะอย่างไร ลูเซียนก็ทำให้การเลื่อนระดับของเจ้าช้าลง ซึ่งนั่นได้มอบเวลาและโอกาสให้กับข้า!”

ฉับพลันนั้น เขาก็กระชากแขนซ้ายของตนเองออก แล้วร่างที่แท้จริงที่ซ่อนตัวลึกอยู่ในนรกก็ทำลายแขนซ้ายของเขาเช่นกัน

แขนซ้ายข้างนั้นระเบิดกระจุยกระจายอย่างเงียบเชียบ ดูราวกับน้ำพุโลหิต จากนั้นมันจึงกลายเป็น ‘ประตู’ ที่ดูชั่วร้ายและโกลาหลยิ่ง

………………………………………

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Status: Ongoing

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท