บทที่ 281
การทดสอบยีน
“เจียงโหลวเซี่ย? เจียงโหลวเซี่ยไหนที่ลูก…” หลินเจ่อคังไม่สามารถทอยหัวหรือก้อยออกมาได้ ตัวตนที่แท้จริงของเจียงซิ่วและสิ่งที่ไม่เข้าใจ เขาเป็นเจียงโหลเซี่ย และทั้งหมดที่เกิด… ทีละเล็กละน้อย การแสดงออกของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ขณะที่ความรู้สึกประหลาดใจปรากฏที่หน้าของเขา “เมื่อกี้ลูกพูดว่าอะไรนะ…”
แม้ว่าข้าราชการจะอยู่ห่างจากโลกของการต่อสู้มากนัก ในขณะที่ตระกูลหลินกำลังจ้องมองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ที่รู้จักกันในชื่อเจียงหนาน พวกเขาจึงจำเป็นต้องศึกษาบุคคลสำคัญที่อยู่ที่นั้น และในโลกใต้ดินของเจียงหนาน คุณเจียงเข้าปกครองด้วยหมัดเหล็กที่มี และชื่อของเขาก็คือเจียงโหลวเซี่ยด้วยเช่นกัน
หลินมี่กล่าว “เจียงซิ่วคือคุณเจียงในเจียงหนาน…”
บูมม!
หลินเจ่อคังรู้สึกว่าจิตใจของเขาระเบิดออก คุณเจียงในเจียงหนานสามารถส่งระลอกคลื่นไปทั่วเจียงหนานได้ด้วยการกระทืบท้าวเพียงครั้งเดียวของเขา และเคลื่อนเศรษฐกิจในจังหวัดได้อย่างง่ายดาย – ตัวเขาเป็นการดำรงอยู่ที่พิเศษ
“ลูกไม่ได้เข้าใจผิด ใช่ไหม?”
หลินมี่ส่ายหัว เธอคิดถึงความเป็นไปได้เช่นนั้น แต่ก็… เธอได้เห็นเขาที่ดูคล้ายกับเทพและได้เห็นการสังหารหมู่ตระกูลจี จากนั้นก็การเข้าตัดหัวจอมดาบรุ่นเยาว์ ไม่มีทางที่เธอจะแก้แค้นให้กับน้องชายของเธอได้
“เยี่ยมมาก!”
หลินเจ่อคังกล่าวอย่างมีความสุข
“เยี่ยม?” ดวงตาของหลินมี่เบิกกว้างขึ้น ขณะที่เธอสงสัยว่าพ่อของเธอไฟฟ้าลัดวงจรรึเปล่า
“แน่นอน ลูกลืมแล้วรึไงว่าเขาเป็นลูกชายของป้าลูก นั้นก็คือลูกชายของพี่สาวพ่อนิถูกไหม? ลูกไม่รู้สถานการณ์ของตระกูลหลินในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาใช่ไหม? ลุงสองของลูกพยายามคว้าตำแหน่งผู้ว่าราชการของมณฑลเจียงหนานอยู่ พวกเราคิดว่าต้องพึ่งพาความสัมพันธ์ระหว่างเจียงหยี่และนายกเทศมนตรีกู่ แต่ดูเหมือนว่ากุญแจที่แท้จริงนั้นจะอยู่ที่เจียงซิ่ว” หลินเจ่อคังก่าวอย่างตื่นเต้น “เรื่องนี้ถูกแก้ปัญหาแล้ว”
หลินมี่ทำได้แค่ฝืนยิ้มและรู้สึกหมดหนทางมาก
“อะไร? ลูกยังคิดเรื่องของน้องชายอยู่? แม้ว่าเจียงซิ่วจะวางท่ามากเกินไป แต่ถ้าเขาเป็นคุณเจียงจริงๆ นี่ก็ไม่นับเป็นอะไรเลย ด้วยตำแหน่งของเขาในเจียงหนาน หากเขาต้องการก็เพียงแค่ใช้อิทธิพลของตัวเองต่อหน้านายกเทศมนตรีกู่ อัตราที่ลุงคนสองจะชนะการเลือกตั้งก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 80-90% ขาหักไม่นับเป็นอะไรหรอกเมื่อเทียบกับ…”
หลินมี่กล่าวอย่างจนปัญญา “พ่อ พ่อไม่รู้หรอว่าเจียงซิ่วเป็นคนแบบไหน?”
“เรามีโอกาสมากมายที่จะทำความเข้าใจเขาในภายหลัง” กล่าวได้ดังนั้น เขาก็ตบไหล่ของหลินมี่ ดูเหมือนว่าเขาจะพอใจกับข้อมูลที่เธอนำมาให้เขา
หลินมี่ทำได้แต่เพียงส่ายหัวเท่านั้น
ข้อมูลนี้ถูกส่งไปยังตระกูลหลินทันที เมื่อเร็วๆ นี้ พวกเขาพูดคุยกันเกี่ยวกับหลินเยี่ยหลิง ซึ่งเป็นชื่อที่ถูกห้ามไม่ให้พูดถึงมาก่อน และตอนนี้ พวกเขาเริ่มถกกันเรื่องเจียงโหลวเซี่ยอย่างดุเดือด
…
ในวันนั้น หลังจากกลับบ้าน เจียงซิ่วเห็นเฉิงหลิงซูซื้อคอมพิวเตอร์ของตัวเองมาวางไว้ในห้องอ่านหนังสือ ซึ่งมันก็ไม่ได้ถูกใช้อะไรมากมาย หนังสือกองอยู่หลายเล่มและเธอก็ทำงานอย่างขะมักเขม้น
เงิน 100 ล้านหยวนฝากไว้ในบัญชีของเธอแล้ว เธอมีแผนการที่จะเข้าสู่ตลาดการเงินตั้งแต่วันแรกของการเรียนที่มหาวิทยาลัยและเธอก็เตรียมพร้อมมาตลอด
ตอนนี้เธอมีเงิน เธอก็สามารถเริ่มลงทุนได้
นี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น เธอวางแผนที่จะเช่าสำนักงานในภายหลังและมีส่วนร่วมในการซื้อขายจากนั้นก็เปิดบริษัทการเงิน
เธอสามารถเดินบนถนนเพื่อบรรลุความฝันของเธอได้แล้ว
อย่างไรก็ตามในมุมมืด รอยยิ้มอันน่ากลัวได้เกิดขึ้นบนใบหน้าที่คลุมเครือ (อย่างชั่ว) ในความเป็นจริง เธอกำลังเดินอยู่บนถนนแห่งความสิ้นหวังเพราะไม่ว่าเธอจะลงทุนอะไร เธอก็จะสูญเสียเงิน 100 ล้านทั้งหมดไป
เมือเขาเห็นใบหน้าของเฉิงหลิงซูที่ดูปรารถนาและโหยหา ความปรารถนาที่อยากจะทำลายเธอในหัวใจของเขาก็กลายเป็นรุนแรงมากขึ้น เขาหวังให้ 3 ปีนี้ผ่านไปเร็วๆ
หลังจากเปิดไฟ เจียงซิ่วมาที่ริมสระน้ำ แสงสว่างปรากฏท่ามกลางความมืดมิดที่บ้านตรงข้าม เขาเดาว่าหวังซินตงต้องไปที่หัวเป่ยเพื่อตัดสินผลการต่อสู้ครั้งนี้
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความถึงหนานก๋งโควเอ๋อ – คืนนี้เธอว่างไหม?
ไม่กี่นาทีที่ผ่านไป แต่ก็ไม่มีคำตอบ เจียงซิ่วเดาว่าหนานก๋งโควเอ๋อคงจะไม่ตอบข้อความของเขาอีกแล้ว ผู้หญิงบางครั้งก็แปลกจริงๆ พวกเธอชอบพูดอีกอย่าง แต่ก็เก็บความรู้สึกต่างๆ ไว้ในใจ อย่างตรงไปตรงมา เทพซิ่วของเรารู้สึกเหมือนว่าเขาได้รับการเยี่ยวยาจริง เพราะนอกจากเธอแล้วเขาก็ไม่ได้ทำสิ่งนั้นกับใคร แต่ตรงกันข้ามกับความคิดของเขา หนานก๋งโควเอ๋อตอบกลับข้อความของเขาหลังจากผ่านไป 30 นาที – 21.00
เจียงซิ่วครุ่นคิดอยู่สักครู่แล้วส่งไป – โรงแรมแกรนด์อิมพีเรียล?
กลุ่มไหมทองมีโรงแรมระดับห้าดาวที่ยิ่งใหญ่ในเมืองหลวงจักรพรรดิ มันตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดีและเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในเมืองหลวง อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ต้องการให้ใครรับรู้ว่าเขานัดพบกับหนานก๋งโควเอ๋อ ไม่แม้แต่หวังซินตง
หลังจากส่งข้อความนี้ไป จนกว่าหนานก๋งโควเอ๋อจะตอบก็ใช้เวลาอีกหลายสิบนาที บางทีอาจเป็นเพราะสาวน้อยนางนี้กำลังติดธุระอยู่ – อย่าให้ใครเห็นนะ
เจียงซิ่ว – ฉันจะระวังให้ดี!
หนานก๋งโควเอ๋อ – อืมม!
หลังจากที่ได้กระทำไปแล้วเขาจะเพิกเฉยอยู่ได้อย่างไร? นี่คล้ายกับการเผาร่างด้วยเปลวไฟแห่งการล่วงประเวณี เจียงซิ่วมาถึงโรงแรมแกรนอิมพิเรียลล่วงหน้า 20 นาทีมาจองโรงแรมไว้ก่อนที่จะส่งข้อความไปหาหนานก๋งโควเอ๋อ
ประตูห้องถูกเคาะเวลา 21.00 พอดี เจียงซิ่วไปเปิดประตูและเห็นหนานก๋งโควเอ๋อที่ปลอมตัวมาอย่างเต็มที่ หลังจากยืนยันว่าเป็นเธอแน่นอน เขาก็ปิดประตู
เมืองหลวงค่อนข้างหนาวในช่วงเดือนธันวาคม แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนี้ เธอสวมหมวกสีขาว หน้ากากสีดำและผ้าพันคอ เมื่อรวมเข้าด้วยกัน การปลอมตัวของเธอนั้นก็เข้มงวดยิ่งกว่าตอนที่ดาราออกมาข้างนอกเสียอีก
หลังจากเข้าไปในห้อง เธอเริ่มที่จะถอดถอนการปลอมตัวของเธอออก ใบหน้าที่สวยงามของเธอเขินเล็กน้อย เมื่อเธอเห็นเจียงซิ่วจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มที่รู้กัน แต่ไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่ส่งรอยเท้าไป “นายกำลังมองหาอะไรหือ? ฉันจะขุดตาของนายออกมาถ้ายัง… อือ… อือ”
เจียงซิ่วกระแทกเธอกลับไปที่กำแพง หลังจากเริ่มรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยในตอนแรก หนานก๋งโควเอ๋อก็โอบกอดเจียงซิ่วด้วยแขนของเธอ และดวงตาก็เริ่มกลายเป็นพร่ามัวเช่นกัน
หลังจากมาถึงระหว่างกลางของช่วงขับขันแล้ว เจียงซิ่วถามเธอ “เธอไม่อยากอาบน้ำหรอ?”
“ฉันอาบน้ำก่อนที่จะมา ฉันพักที่นี่ได้แค่ชั่วโมงเดียว”
ตอนนี้เป็นเวลา 21.00 น. หลังจากหนึ่งชั่วโมงก็จะเป็นเวลา 22.00 น. และเธอยังคงต้องนั่งรถกลับบ้าน ตระกูลหนานกงควบคุมลูกหลานอย่างเคร่งครัด ดังนั้นเธอจะถูกดุหากเธอกลับบ้านดึก
นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาจะต้องรีบเร่ง
รถแล่นผ่านไปตามทาง ไฟของรถยนต์ดูสุกใสและหลายคนกำลังเดินทางกลับบ้านในขณะนี้ คืนนั้นมีลมหนาวพัดผ่านหน้าต่าง เสียงห้ำหั่นดังก้องจากภายใน ดำเนินไปท่ามกลายเวลากลางคืนที่งดงามที่สุดในโลกนี้
ชายและหญิงพงบปากเพื่อรับลมหายใจ ผมของหนานก๋งโควเอ๋อกระจัดกระจายอยู่บนหมอนสีขาวและใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยเหงื่อ มันเรืองแสงออกมาภายใต้แสงไฟ ใบหน้าของเธอแดงเข้ม ขณะที่เธอเปิดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “หยุดเล่นได้แล้ว โอเคไหม… ฟังฉันก่อน.. หลังจากนี้ของผมนายสองเส้นได้ไหม?”
“เพื่ออะไร?” เจียงซิ่วรู้สึกงงงวย
“สำหรับการทดสอบยีน จากการศึกษาของกลุ่มพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับโลก นี่มันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงยีนของมนุษย์หลายคน พวกเขาจะถูกเรียกว่าผู้ใช้ความศักดิ์สิทธิ์ ความแตกต่างระหว่างความสามารถผู้ใช้ความศักดิ์สิทธิ์และผู้ที่ไม่ใช่ผู้ใช้ความศักดิ์สิทธิ์นั้นดูอัศจรรย์เกินไป มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขา”
“เธอรู้วิธีระบุตัวตนแล้วหรือยัง?” เจียงซิ่วถามเธอ
“อืมม ความน่าจะเป็นของการปลุกตื่นผู้ใช้ความศักดิ์สิทธิ์ไม่สูงมาก แต่จะมีในทุกๆ 10,000 คน ฉันโชคดีทีเดียวที่แสดงออกถึงการปลุกตื่น ฉันอยากทดสอบนายด้วยกัน”
เมื่อตอที่เจียงซิ่วตรวจสอบหนานก๋งโควเอ๋อ เขาสังเกตเห็นว่าเธอมีร่างกายที่เหมาะสมสำหรับการบ่มเพาะ ดูเหมือนว่าผู้ใช้ความศัดิ์สิทธิ์ที่ถูกปลุกตื่นเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีร่างกายที่เหมาะสมสำหรับการบ่มเพาะ “นั้นไม่จำเป็น…”
“โอ้ย!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ หนานก๋งโควเอ๋อก็เอาผมเขาไปสองสามเส้นแล้ว
“ฉันต้องทำ นี่เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับนายนะ นายต้องปราถนาชีวิตที่ดีที่สุดอยู่ตลอดเข้าใจไหม?” หนานก๋งโควเอ๋อกล่าวต่อ “อย่าพูดถึงสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ในตอนนี้เลย นายยังต้องใช้เงินจำนวนมากสำหรับการจองห้องพักแบบนี้ครั้งเดียวอยู่เลย”
มีค่าใช้จ่ายมากกว่า 1,000 หยวนเพื่อจองห้องพักในโรงแรมห้าดาวหนึ่งคืน
เจียงซิ่วกล่าว “เธอจะจ่ายให้หรอ?”
ดวงตาของหนานก๋งโควเอ๋อเบิกกว้าง “นายนี่มันไร้ยางอายจริงๆ นายคงไม่ได้วางแผนจะอยู่กับฉันในอนาคต ใช่ไหม? หยุดฝันเลยนะ นอกจากนี้ เมื่อไหร่ที่นายจะคืนเงินที่ยืมฉันไปครั้งที่แล้ว?”
เจียงซิ่วลงจากเตียงแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ “เธอพูดถึงเรื่องเงินระหว่าง มันทำให้ฉันเศร้าจริงๆ”
นายจะเบี้ยวสัญญาของตัวเอง?
หนานก๋งโควเอ๋อไล่ตามเขาเข้าไปในห้องน้ำ แต่เธอก็กลายเป็นลูกแกะที่ส่งตัวเข้าปากของหมาป่าแทน จริงๆ แล้วเธอต้องมาถึงบ้านเวลา 23.00 พอดี แต่เมื่อถึงมันก็เที่ยงคืนแล้ว เธอต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของเธอ ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ระเบิดออก
หนานก๋งโควเอ๋อจับใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ หลังจากนึกขึ้นมาได้ว่าเธอทำสิ่งที่ดูบ้ามาก ในใจของเธอพึงพอใจที่สุด แต่เธอก็เตือนตัวเองอย่างต่อเนื่องว่านี่เป็นครั้งแรกและจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะทำเช่นนี้
หลังจากกลิ้นไปมาบนเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอก็หยิบผมของเจียงซิ่วออกมา “ฉันขอให้นายเจอผลลัพธ์ไม่ดี นายมันชั่ว”
เจียงซิ่วเองก็อยากรู้เรื่องนี้เช่นกัน ว่าเขาจะได้ผลลัพธ์อะไรจากยีนของเขา เขาเดาว่าอย่างน้อยควรจะเป็นระดับเทพเซียน เจียงซิ่วมีความมั่นใจอย่างแน่วแน่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนที่โลกจะเริ่มเปลี่ยนแปลง ประสบการณ์ของเขาในชีวิตที่ผ่านมาก็เพียงพอที่จะอธิบายว่าร่างกายของเขาเหมาะสมสำหรับการบ่มเพาะมาก ซึ่งมันก็สามารถทำให้เขาครองบัลลังก์ของผู้นำนิกายย่างก้าวสวรรค์มาได้ นอกเหนือจากความกระตือรือร้นและกรอบความคิดที่เหมาะสม พรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดเป็นสิ่งที่คนเราขาดไม่ได้มากที่สุด
มีเพียงตัวแปรเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเขาเป็นเทพเจ้าอยู่แล้ว คำถามคือเทคโนโลยีของพวกเขาจะสามารถตรวจจับยีนของเทพเจ้าได้หรือไม่