Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง – ตอนที่ 302

ตอนที่ 302

บทที่ 302
การเปลี่ยนเรื่องราว

แม้แต่หัวใจอันกล้าหาญของเจียงซิ่วก็ยังสั่นไหว นี่ไม่ใช่ว่าโดนหลอกแล้วหรอ จากนั้นเขาก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ มันต้องถูกเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน ชื่อเสียงของหนานกงโค้วเออร์อาจถูกทำลายย่อยยับ ดูสิ จากใบหน้าแสนจิ้มลิ้มอมชมพูที่มีเสน่ห์ของเธอ บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ดูซีดเซียว และไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากปาก ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และแน่นอนว่าเขาสามารถที่จะไม่แคร์เฉิงหลิงซูได้ แต่ถ้าเฉิงหลิงหลานรู้เข้าล่ะก็ ความประทับใจคงจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

“ฉันควรทำยังไงดี?” สาวน้อยโค้วเออร์เปล่งเสียงที่ถามออกมาอย่างแผ่วเบา

เจียงซิ่วทำท่าทางสั่งห้ามไม่ให้พูดอะไร ก็คือสัญญาณที่บอกไม่ให้หนานกงโค้งส่งเสียงออกมา แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะแสร้งทำเป็นไม่มีใครอยู่ที่นี่ ม่านบังแดดที่ดึงลงมาจะเปิดไฟอัตโนมัติ ด้านนอกจะเห็นพวกเขาได้อย่างชัดเจน

ก๊อกๆๆ!

เสียงเคาะที่รัวเร็วจากหน้าต่างอีกบาน มีเงาใกล้หน้าต่างเพื่อมองเข้าไปข้างในรถ สาวน้อยโค้วเออร์รีบหยิบเสื้อผ้าของเธอเพื่อปกปิดใบหน้าทันที และเอื้อมมือไปปิดที่บังแดดลง

“ฮ่าๆๆ……”

ข้างนอกได้ยินเสียงกลุ่มคนแผดเสียงหัวเราะออกมา

เสียงหัวเราะนี้ ทำให้ความวิตกกังกลของเจียงซิ่วและหนานกงโค้วเออร์ผ่อนคลายลงทันที และอีกอย่างคงไม่ใช่โดนคนถูกหลอกมาหรอก คงเป็นคนที่เดินผ่านไปมาแล้วเห็นรถมันสั่นๆ จึงทำให้ผู้คนตกตะลึงโดยเจตนา

กล้ามากที่มาล้อเล่นกับคนอย่างเทพซิ่ว ใบหน้าของเจียงซิ่วนั้นซีดเผือด สาวน้อยโค้วเออร์อารมณ์เสียขึ้นมาโดยง่ายๆ: “ไอ้บ้าเอ้ย ไสหัวไปหาป้าแกที่บ้านโน้นไป๊” พฤติกรรมที่ดูโหดร้ายพวกนั้น คาดว่าคงทำให้สาวน้อยโค้วเออร์ของพวกเราตกใจไม่น้อย

“ฮ่าๆๆ……”

เสียงหัวเราะค่อยๆเบาจางหายไป

หนานกงโค้วเออร์ขุ่นเคืองจนหยิกเข้าไปที่เนื้อตรงซี่โครงของเจียงซิ่วอย่างแรง: “นายมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ให้คนพวกนั้นมาแกล้งกันแบบนี้ได้ไง ฉันจะหยิกไอ้บ้าอย่างนายให้ตายเลย”

เจียงซิ่วพูดว่า: “โอเคๆ พอแล้ว เจ็บจนตัวชาจะตายแล้ว! ”

“คิกๆๆ……” มุมริมฝีปากของหนานกงโค้วเออร์กระตุกเป็นแนวเส้นโค้งยิ้มบางๆ ออกมา หัวเราะคิกคักพร้อมกับพูดว่า: “นายไปจะแล้วจริงๆ หรอ นายสู้กับพวกเขามาก่อนใช่ไหม? สู้แพ้ล่ะอย่าร้องไห้ฟูมฟายมาหาฉันล่ะ”

เจียงซิ่วพูดว่า: “เธอคิดว่าฉันเคยสู้มาก่อนรึป่าวล่ะ”

โค้วเออร์ยื่นมือไปดันที่หน้าอกของเจียงซิ่วเพื่อไม่ให้เขาลุกขึ้นมา: “โอเค ก็ได้ อ่าา……” ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องดังขึ้น รถโคลงเคลงจนเคลื่อนที่ไปมาอีกครั้ง

ริมถนนที่มืดมิด ภายในรถได้ยินเสียงคำกล่าวอย่างแผ่วเบาของหญิงสาว

“นายเป็นผู้ชายที่อ่อนโยน”

“ฉันเป็นผู้ชายที่แสนหยาบคาย”

“ขี้โม้!”

บนท้องฟ้าของเมืองหลวงได้มีเกล็ดหิมะที่เหมือนปุยฝ้ายล่องลอยไปมาในอากาศ เริ่มจากตกลงมาบนใบไม้ทั้งสองข้าง บนรถ และบนพื้นโลก เหมือนกับโลกใบนี้ได้กลายเป็นโลกแห่งความฝัน ฉาบไปด้วยความแวววาว ยิ่งมืดยิ่งดำดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ ตามข้างทางแสงไฟเริ่มสลัว เพลิดเพลินไปกับความสุขของครอบครัวในบ้านที่แสนอบอุ่น

หลังจากนั้นไม่นาน……

“ดึกดื่นป่านนี้ทำไมนายยังออกมาเดินเล่นอยู่ข้างนอกล่ะ?”

“วันนี้ฉันไปบ้านของคุณตา ทั้งเหล่าพี่ชายน้องสาวของฉันต่างมารวมตัวกัน หลังจากนั้นฉันก็ได้ยินเรื่องราวนาย จึงอยากมาถามนายด้วยตัวเอง” เหมือนกับว่าสถานการณ์ทางการเงินของครอบครัวคุณตาของหนานกงโค้วเออร์จะแย่กว่าบ้านหนานกงที่เป็นนามสกุลจิน รากฐานอยู่ที่หนานจิงซึ่งไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน แม้แต่เทพอย่างเจียงซิ่วยังไม่รู้แน่ชัด

“งั้นพรุ่งนี้จะออกมาไหม?”

หนานกงโค้วเออร์มองเขาด้วยแววตาที่อ่อนหวานและมีเสน่ห์: “นายเป็นคนจัดการดูแลครอบครัวมีเวลาเยอะแยะถมไป ฉันจะไปเที่ยวเล่นกับนายในวันปีใหม่ ในไม่กี่วันถัดต่อจากนี้ ฉันจะยุ่งมาก ออกไปสังสรรค์กับญาติพี่น้องและสนุกสนานเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ ในปีต่อๆไป ครอบครัวของเราจะมุ่งเน้นไปที่สิ่งมีชีวิตทางพันธุกรรม”

ทำให้เจียงซิ่วนึกถึงเรื่องผมของเขาจากครั้งที่แล้ว: “ใช่แล้วล่ะ ผลการทดสอบผมของฉันเป็นยังไงบ้าง?”

“ร่างกายแข็งแรงสุขภาพดี เต็มไปด้วยประสบการณ์อันโชกโชน”

เจียงซิ่วกล่าวด้วยความหมายอันลึกซึ้ง: “นี่เธอยังไม่ชัดเจนอีกหรอ?”

“คนขี้โกง!”

หนานกงโค้วเออร์พูดด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ออกไปว่า: “รีบกลับไปเลยนะ ฉันต้องไปแล้ว ไว้ค่อย…… โอ้แม่เจ้า ใกล้จะตี3แล้ว ไปเร็วๆๆ สายเกินไปที่จะอธิบายให้ฟังแล้ว”

จากนั้นเสียงบรื้นๆ ก็ดังขึ้นมาจากรถ จากนั้นไม่นาน เจียงซิ่วแต่งตัวเนี๊ยบเท่ห์ลงมาจากรถ ลมหนาวพัดพาหิมะเข้ามาปะทะกับใบหน้า หนานกงโค้วเออร์ปัดถูบานกระจกหน้าต่างรถพร้อมกับส่งรอยยิ้มอันแสนอ่อนหวานไปให้เจียงซิ่ว: “สวัสดีปีใหม่”

เจียงซิ่ว: “อืมม เธอก็เช่นกัน……”

หลังจากพูดจบแล้ว เขากำลังจะหันหลังเดินจากไป หนานกงโค้วเออร์เปล่งเสียงเรียกออกมาว่า: “นี่ ถ้าสองวันนี้มีเวลาว่างล่ะก็ ฉันจะไปหานายนะ”

“ได้!”

กำลังขับรถในหนทางที่ไกลออกไป ถ้าตอนนี้พวกเขาอายุไม่ถึงยี่สิบปี เจียงซิ่วจำได้ว่าครั้งนึงในชีวิตเขาได้พบกับหนานกงโค้วเออร์ ตอนนั้นเธออายุยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปีแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงาน มันควรจะมีชีวิตที่ยุ่งเหยิงไปสี่หรือห้าปี แต่ใครจะไปรู้ว่าสี่ห้าปีหลังจากนั้นโลกใบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปแบบไหนบ้าง

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาเห็นเพียงหลินเยว่หลิงที่กำลังดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น “เฮ้ ทำไมแกกลับเข้ามาจากข้างนอกล่ะ?”

เจียงซิ่วจึงพูดออกไปอย่างส่งเดชว่า: “ออกไปหาไรกินข้างนอกมาน่ะ”

“อ้ออ!”

เห็นแม่เขา เขาก็นึกถึงหนานกงโค้วเออร์ เขาจึงพูดคุยกับเธอ แต่เดิมนั้นดูเหมือนบ้านตระกูลหลินกับบ้านตระกูลจัวจะมีสัญญาการแต่งงานฉบับสมบูรณ์อยู่ เขามีความประทับใจที่ดีต่อจัวหยูเฉิน มันเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเธอที่จะทำตามแต่โดยดี และบ้านตระกูลหลินก็ไม่สามารถที่จะมาสั่งการเธอได้ แต่สิ่งนี้เพิ่มความยากลำบากให้กับหลินเย่หลิงในการกลับไปยังครอบครัวตระกูลหลินอย่างมาก

“นอนไม่หลับหรอ?”

หลินเย่หลิงพยักหน้าพร้อมกับถามว่า: “ข้างนอกหิมะตกแล้วใช่ไหม?” เธอมองเห็นเกล็ดหิมะสีขาวที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าของเจียงซิ่ว

“อืม!”

เจียงซิ่วถอดเสื้อโค้ทของเขาออกวางไว้ข้างกายหลิงเย่หลิงแล้วพูดว่า: “แม่ ตระกูลหลินไม่สมควรได้รับลูกสาวที่ยอดเยี่ยมอย่างแม่กลับไปหรอก พวกเค้าไม่เห็นคุณค่า แม่ยังมีฉันและพ่ออยู่นะ”

ใบหน้าของหลินเย่หลิงดูฝืนยิ้มออกมา: “แม่รู้ว่าลูกฉลาดมีเหตุผล”

เจียงซิ่วพูดว่า: “พวกเขาจะต้องก้มหัวขอโทษสำนึกผิด”

ครอบครัววงศ์ตระกูลสามารถขับไล่ลูกสาวออกจากบ้านเพื่อหวังผลประโยชน์ โดยไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย และแน่นอนว่าเพื่อหวังผลประโยชน์อีกเช่นกันก็สามารถนำลูกสาวกลับมาได้เหมือนกับเรียกบรรพบุรุษให้กลับบ้าน

คนที่เห็นแก่ตัว เจียงซิ่วมีวิธีที่จะจัดการกับเขาเป็นหมื่นวิธี

พรุ่งนี้ ที่นั่นได้สั่นสะเทือนทั้งบ้านแน่

หลินเย่หลิงส่ายหัวไปมา ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ดูท่าจะไม่มีแนวโน้มดีขึ้นเลย เธอยังปรารถนาและยินดีปรีดาที่จะกลับไปหลังจากที่ตกอยู่ในสภาพยากลำบากมานาน แต่เธอก็รับรู้ลักษณะนิสัยของครอบครัวของเธอดี “ในความเป็นจริงแม่ได้แต่งงานกับครอบครัวตระกูลเจียงไปแล้ว แม้ว่าจะกลับไป ก็ไปเพียงแค่ในนาม เมื่อกลับไปฉลองปีใหม่หรือเทศกาลต่างๆ ความรู้สึกมันถูกทำลายไปหมดแล้ว มีเพียงความรู้สึกในจิตใจที่ว่างเปล่า”

“ลูกอยากให้แม่มีความสุข งั้นก็รีบมีลูกให้แม่เร็วๆ ดีที่สุดคือมีหลายๆคนเลย”

เจียงซิ่วถึงกับเหงื่อตก ในใจก็พูดว่า ฉันจะไปหาใครมาให้กำเนิดลูกได้?

“ฟังดูแล้วเหมือนจะไม่มีเลย”

เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ทำให้เจียงซิ่วคิดอยากจะหนีออกไป คุณแม่คนนี้อายุมากแล้วจริงๆ พอคิดถึงเรื่องนี้ก็พูดออกมาโดยทันที แต่หลินเย่หลิงกลับขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า: “กลิ่นที่อยู่บนตัวลูกทำไมมันหอมแปลกๆ”

“อะไรนะ?”

เจียงซิ่วได้ฟังดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป เขาเสียวสันหลังจนขนลุกขึ้นมาทันที มันคือกลิ่นตัวของหนานกงโค้วเออร์ หญิงสาวมีกลิ่นตัวที่หอมตามธรรมชาติอยู่บนร่างกาย

“ไม่มีกลิ่นอะไรเลย!”

หลินเย่หลิงเข้ามาสูดดมกลิ่นกายใกล้ๆตัวเขา ลักษณะคล้ายกับสุนัขตำรวจที่คฤหาสน์ตะวันตก ในสายตามีดูมีพลังงานบางอย่างในการสำรวจ พร้อมกับท่าทางที่เปลี่ยนไป: “ลูกพึ่งออกไปไหนมา?”

“ออกไปหาไรกินข้างนอกมาไง!”

เจียงซิ่วดึงเสื้อผ้าของเขาขึ้นมาดมเป็นกลิ่นของหนานกงโค้วเออร์หมดเลย เขาพูดออกมาอย่างไร้ยางอายว่า: “กลิ่นของซูซูไง”

หลินเย่หลิงจ้องมองมาพร้อมกับพูดว่า: “ลูกสะใภ้ของแม่คนนี้กลิ่นไม่คุ้นเคยเลย”

แม่! เทพซิ่วแทบจะคุกเข่าลง

“มันมีกลิ่นหอมที่ไหนกัน โอ้ใช่แล้ว แม่ ฉันได้ยินเรื่องที่ว่าบ้านตระกูลหลินนั้นให้ลูกเตรียมการในงานมงคลสมรส?” เจียงซิ่วแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเรื่องราว

หลินเย่หลิงคล้อยตามอย่างที่คาดไว้ แสดงสีหน้าที่ดูตกใจ: “มีเรื่องเกิดขึ้นแบบนี้จริงๆ เป็นผู้หญิงจากครอบครัวบ้านจัว แถมยังแก่กว่าลูกไปสองสามปี ลูกรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”

เจียงซิ่วส่ายหัวอย่างช้าๆไปมาพร้อมกับพูดว่า: “แวดวงคนชั้นสูงเผยแพร่กระจายข่าวไปทั่วนครหลวง”

ใบหน้าของหลินเย่หลิงมีความวิตกกังวลมากขึ้น มันยากเกินพอที่จะกลับไปครอบครัวบ้านหลิน ตอนนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย และซูซูลูกสะใภ้คนนี้ เธอพอใจเป็นอย่างมาก

“แม่ ฉันจะขึ้นไปนอนแล้วนะ ส่วนแม่ก็อย่านอนดึกมากล่ะ” พอพูดจบเจียงซิ่วก็ขึ้นไปชั้นบน กับภาพของสุภาพบุรุษที่มีลักษณะดูนิสัยหน้าใหญ่ใจโต พอเข้ามาถึงในห้องสิ่งแรกที่รีบไปทำก็คืออาบน้ำ

ในวันที่สองของปี วันนี้บ้านของเจียงซิ่วต้องต้อนรับแขก แม้ว่าเมื่อวานงานที่บ้านตระกูลหลินไม่ค่อยรื่นเริงสนุกสนาน แต่หลินเย่หลิงก็ยังคงต้องทำการบ้าน เตรียมพร้อมที่จะรับแขกจากบ้านตระกูลหลินที่มาเยี่ยมเยียน

แน่นอนว่ายังมีแขกของตระกูลเจียงบางส่วนที่กำลังเดินทางมาด้วยเช่นกัน หนึ่งในนั้นเป็นบุคคลสำคัญนั่นก็คือ กู้เต๋อจื่อ

ในเช้าตรู่ หลินเย่หลิงตื่นขึ้นมาเตรียมความพร้อม แม้แต่เฉิงหลิงซูยังไม่กล้าที่จะเกียจคร้าน เธอกลายเป็นลูกมือที่ดีของสามี แต่ถึงอย่างนั้นแขกที่มามีจำนวนไม่มาก พวกเขาจึงเตรียมโดยไม่ได้นับจำนวนที่แน่นอน เพียงแค่มาสนุกสนานกันก็เพียงพอแล้วล่ะ

เจียงซิ่วถูกจับจองไว้ในฐานะคนที่มีร่างกายบึกบึน ไปตลาดสดเพื่อไปแบกถือของ นี่เป็นความเข้าใจอันสุดซึ้งของเจียงซิ่ว บุคคลสำคัญคนต่อไป การเดินทางมาของจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่จะมีสาวกและคนรับใช้คอยรับใช้เสมอ ในความเป็นจริงหายากมากที่จะได้เห็นภาพเหล่านี้ เขาจึงติดต่อโทรหาหวังซินทงทันที เพราะเธอยังอยู่ที่เจียงหนาน ไม่นานหลังจากนั้นก็จัดการหลายๆคนได้รับการช่วยเหลือและเจียงซิ่วก็สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้

หลังจากหิมะหยุดตกไปสภาพอากาศของเมืองหลวงดูอุ่นขึ้น เป็นฤดูใบไม้ผลิแทน รู้สึกสบายเหลือเกิน งานเลี้ยงถูกจัดไว้ข้างสระน้ำในสวนหลังบ้าน คำเชิญงานแต่งงานและโคมไฟสามารถมองเห็นได้ทุกที่ เต็มไปด้วยบรรยากาศอันสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิ

เจียงหยี่สูบบุหรี่พร้อมกับพูดว่า: “คนในตระกูลหลินอาจจะไม่มา”

“แม่ของแกอาจจะกลัวว่าชีวิตนี้จะมีแต่ความวุ่นวาย”

Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง

Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง

Status: Ongoing

เจียงซิ่วเคยถูกเคลื่อนย้ายไปยังทวีปการต่อสู้นิรันดร์ เขามีชีวิตที่ยาวนานอยู่่ที่นั้น และได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ ทว่าเขาก็พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในสถานที่แปลกๆ และยังค้นพบอีกว่าเขาได้กลับมาโลกที่ได้จากมา เกิดบ้าอะไรขึ้น? แล้วเขาจะทำอะไรต่อจากนี้? ติดตามเจียงซิ่วในขณะที่เขาเกี่ยวข้องกับชะตากรรมและเหตุการณ์บ้าบอที่ถูกเก็บไว้ให้เขาโดยเฉพาะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท