Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง – ตอนที่ 319

ตอนที่ 319

บทที่ 319

ไร้ยางอาย

ในทวีปการต่อสู้นิรันดร์ก็มีสัตว์ร้ายเหมือนกัน แต่สติปัญญาของพวกมันสูงกว่าที่นี่มากโข ในโลกนี้ สติปัญญาของแมวเทียบเท่าเด็กอายุหนึ่งขวบ สุนัขก็เหมือนกับเด็กอายุสามขวบ ที่ทวีปการต่อสู้นิรันดร์สติปัญญาของแมวสามารถพัฒนาได้ถึงเด็กอายุแปดขวบ ยิ่งเป็นสุนัขยิ่งสูงกว่านั้น แต่เมื่อความฉลาดของสัตว์ร้ายในโลกนี้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบเท่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ความเป็นไปได้นี้อยู่ที่การฝึกฝน

เมื่อมองไปยังสิงโตตัวนั้นที่มีสายตารอบคอบปรากฏอยู่นั้น ในใจของเจียงซิ่วนึกถึงเสียของปีศาจงูขึ้นมา มนุษย์ใช้ทางลัดนี้ในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลาของมันก็ไม่มีสิ่งไหนในโลกที่จะอยู่ได้ตลอดไป มนุษย์ไม่สามารถที่จะอยู่ค้ำฟ้าได้ตลอดไป

บนโลกนี้มนุษย์เป็นวิญญาณที่สมบูรณ์แบบกว่าทุกสิ่ง แต่สำหรับที่ทวีปการต่อสู้นิรันดร์นั้นไม่เหมือนกัน สติปัญญาของมนุษย์ที่นั่นยังไม่ได้แม้แต่ตำแหน่งอะไรเสียหนึ่งอย่าง ไม่ต้องพูดถึงขีดจำกัดทางสายเลือดเลย นั่นเป็นอะไรที่ปานกลางๆ และธรรมดามาก ดังนั้นการปกครองของที่นั่นที่ไม่ใช่มนุษย์ปกครองนั้นก็มีอยู่มากเช่นกัน พูดอีกนัยนึงก็คือเป็นไปได้ว่าจะไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่เพื่อปกครองโลกนี้

โลกนี้เคยถูกทำลายไปแล้วถึงสองครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ถึงเหตุผลนั้น แต่ก็ไม่ได้กำจัดออกไปเสียหมด กลายเป็นการเพิ่มความแตกต่างมากกว่าเดิม

“ดวงตาของสิงโตตัวนี้ดุร้ายมาก น่ากลัวจริงๆ นะเนี่ย”

ใบหน้าของจัวอี้เฉินแสดงออกถึงความกลัวและความตกใจอย่างมาก แต่เสียงของเธอไม่มีแม้แต่ความกลัวแม้แต่น้อยแต่กลับเต็มไปด้วยความหยอกล้อ เธอรู้อยู่แล้วว่าเจียงซิ่วน่ะไม่กล้าหรอก ถ้าสิงโตยังนอนหลับอยู่แล้วย่องไปลูบแบบนั้นน่ะได้แน่ๆ แต่นี่มันตื่นแล้ว ถ้ายื่นมือเข้าไปก็ เตรียมโดนกัดได้เลย

“หึหึ…..”

เจียงซิ่วหัวเราะออกมาเบาๆสองครั้ง

ลองไม่พูดดีกว่าว่าสิงโตตัวนี้น่ะมันเริ่มฉลาดขึ้นแล้ว นั่นคือการฝึกเพื่อที่จะเป็นปีศาจ เจียงซิ่วก็ไม่กลัว แขนของเขาถึงจะถึงสิงโตมันก็กัดไม่ได้หรอก

อย่างไรก็ตามเขาไม่มีแนวโน้มที่จะโดนทำร้ายเลยสักนิด

เมื่อได้ยินเจียงซิ่วมันส่งเสียงดุร้ายออกมา แต่ก็พูดว่าสัตว์ร้ายไม่ได้หรอก เพราะลำดับของมันต่ำมาก เมื่อก่อนเหมือนกับมันมาจากที่ไกลๆ อย่างไรอย่างนั้น

สิ่งที่เขากำลังพูดอยู่คือลำดับหนึ่งของภาษาเทพ

ดวงตาของสิงโตแสดงความตื่นตระหนก หลังจากนั้นมันก็ค่อยๆ นั่งยองลงบนพื้น ก่อนคำรามเสียงต่ำออกมา แต่ขนของมันที่ฟูตั้งอยู่นั้นค่อยๆ หล่นลงมาตามตัวเองมันและเห็นได้ชัดว่ามันไม่กล้าที่จะทำอีก

เมื่อเห็นเช่นนั้น สายตาสวยของจัวอี้เฉินก็เบิกโพลง “นายเข้าใจภาษาสัตว์หรอ”

“นี่น่ะไม่ใช่ภาษาสัตว์ มันคือภาษาเทพ ถึงแม้ว่าเขาจะฟังไม่ออกแต่ก็รับรู้ได้ถึงพลังที่อยู่ในภาษานั้น พอที่จะทำให้มันรู้สึกกลัว” เจียงซิ่วตอบ

“ภาษาเทพ?”

จัวอี้เฉินค่อนข้างจะชอบดนตรีเป็นอย่างมาก ดนตรีถึงแม้จะไม่ใช่ภาษาที่ใช้พูดกันในชีวิตประจำวันแต่มันสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกได้เหมือนกัน เสียงต่ำและเสียงสูง สามารถได้รับผลกระทบจากอารมณ์ได้ คนที่ไม่ได้เข้าใจภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่ก็ไม่ได่ห้ามเธอให้ฟังเพลงภาษาอังกฤษ นี่ทำให้เข้าใจมากกว่าเดิมเสียอีก แต่ว่าเจียงซิ่วใช้คำนี้ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจมาก

“ใช่ ภาษาเทพ เป็นภาษาที่เทพเขาใช้กัน จริงๆ แล้วพลังของมันก็ไม่ได้น้อยไปกว่ามนต์ของอาจารย์หรอก” เจียงซิ่วใช้เวลานี้ขึ้นมาข้างบนนี้ มีวิชาบางอย่างที่ใช้ภาษาเทพเขียนไว้ ถ้าไม่เรียนก็ไม่สามารถเข้าใจได้

วันนี้นับว่าเป็นวันเปิดโลกของจัวอี้เฉินเลยก็ว่าได้ ในใจก็คิดว่ารู้สึกแปลกที่ทุกคนพูดว่าเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ ไม่ใช่เรื่องคุยโม้โอ้อวดจริงๆ ด้วย และนั่นทำให้เจียงซิ่วดูลึกลับเขาไปอีก

อย่างไรก็ตามต่อไปนี้ จัวอี้เฉินรู้สัมผัสได้ถึงโชคร้ายที่กำลังคืบคลานเข้ามาหาเธอ สิงโตทำตัวดีมากต่อหน้าเขา เจียงซิ่วจะไปกลัวที่จะลูบมันได้ยังไงกัน ไม่ใช่ว่าการพนันครั้งนี้เธอจะแพ้แล้วหรือ

ใบหน้าสวยแดงขึ้นอีกครั้ง ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้ว ว่าการให้ความอบอุ่นน่ะมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เธอคิดว่าตนจะชนะถึงกล้าที่จะพนันออกไป แต่ตอนนี้เกมพลิกแล้ว

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันก็เป็นแต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่ใช่ผู้ชายร่างกายแข็งแรงเสียหน่อย

หน้าไม่อายจริงๆ!

เมื่อเห็นมือของเจียงซิ่วยื่นเข้าไป จัวอี้เฉินจับไปที่เสื้อผ้าของเขาก่อนจะพูดว่า “โอ้ยย ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวก็โดนสิงโตกัดหรอก ไม่ต้อง….”

เสียงที่ร้องเรียกนั้นเป็นเสียงกรีดร้องที่หวาดกลัวแทบจะขาดใจ

แน่นอนว่าเธอไม่ได้กลัว แต่กังวลเรื่องที่เจียงซิ่วจะให้ความอบอุ่นกับเธอมากกว่า

เมื่อเห็นเธอร้องเรียกด้วยความสงสาร สิงโตในกรงก็มองเธอด้วยความเห็นอกเห็นใจ อย่าเศร้าไป แรงของเธอไม่เยอะพอที่จะดึงเจียงซิ่วเอาไว้ได้

“ไม่ต้องลูบๆ…..”

รู้สึกหมดหวังขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นมือของเจียงซิ่วค่อยๆ ลดลงไปวางบนตัวของสิงโตตัวนั้น ก่อนค่อยๆลูบไปที่แผงคอของสิงโตเบาๆ แม้แต่สิงโตก็ไม่กล้าที่จะขยับแม้แต่น้อย

มองไปยังมือของเจียงซิ่ว จัวอี้เฉินจึงบอกให้เขาหยุด “เห้ยๆ สิงโตตัวนี้มันฉลาดนะ”

“เป็นสิงโตที่ฉลาดตัวหนึ่งจริงๆแหละ”

เมื่อพูดจบ มือของเธอที่จับเสื้อผ้าของเจียงซิ่วไว้ก็ค่อยๆ คลายออกอย่างช้าๆ ก่อนเดินนำออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ไปดูสัตว์ตัวอื่นดีกว่า ยังมีที่น่ารักๆ อีกเยอะเลย”

ภรรยาของเรานี่นะ ไม่เห็นพูดถึงเรื่องข้อตกลงเมื่อกี้เลยนี่

“พี่อี้เฉิน เหมือนพี่จะลืมไปเรื่องนึงหรือเปล่า?” เจียงซิ่วพูด

จัวอี้เฉินรู้สึกไม่เข้าใจอย่างมากก่อนกระพริบตาแล้วพูดขึ้น “ลืมหรอ ลืมเรื่องอะไร ฉันจำได้ว่าข้างหน้าน่าจะเป็นเสือนะ อยากไปดูเสือไหม”

นี่คือการกลืนน้ำลายตนเองสินะ

“พวกเราพนันกันไว้ ว่าจะให้ผมทำให้อบอุ่นๆ…”

ให้ตายสิไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะหลอกเขาเนี่ย

จัวอี้เฉินก้าวขายาวของเธอเตรียมที่จะแอบย่องออกไป เจียงซิ่วกัดฟันก่อนจะพูดขึ้น “พี่อี้เฉิน พี่ทำไมเป็นคนแบบนี้ งั้นสามปีที่บอกไปผมก็อาจจะหลอกก็ได้นี่”

คำพูดแบบนี้มันอึดอัดเสียจริง จัวอี้เฉินหยุดเดินก่อนจะนิ่งไป

“โอเค ฉันยอมรับแล้วว่าฉันแพ้พนัน!”

จัวอี้เฉินกัดปากของตนที่กลายเป็นสีขาวซีดเพราะความหนาวเย็นของฝนที่ตกลงมา อย่างไรก็ตามริมฝีปากสีชมพูระเรื่อนั้นยังคงเหมือนกับสีของผลไม้ที่เงางามเช่นเดิม “ไม่อย่างนั้นฉันคงไปไหนตามใจไม่ได้หรอก”

“แน่นอนว่าไม่ได้…” เจียงซิ่วส่ายหัว

ตอนนี้ก็ได้เข้ามาในกรงของพยัคฆ์มังกรแล้วนะ จัวอี้เฉินมองซ้ายมองขวาทั้งสี่ทิศทางไม่มีคนเลยแม่แต่คนเดียว เธอเร่ง “งั้นก็เร็วๆ หน่อยแล้วกัน” ใบหน้านั้นแสดงถึงความตระหนกแต่ก็มีอีกความรู้สึกราวกับจะตายเสียให้ได้

เจียงซิ่วขยับเข้ามาใกล้ๆ เธอ สายลมอ่อนๆ พัดกลิ่นหอมของจัวอี้เฉินเข้าปะทะกับเขา ราวกับว่าไม่อยากให้เขาสูดหายใจเข้าไป ทำให้เขารู้สึกมึนเมาพอสมควร ถ้าตอนนี้อยู่ในละครทีวีเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็คงจะเปลี่ยนไปที่อื่นแล้วนะ

ดูเหมือนว่าบรรยากาศโดยรอบค่อยๆ ดีขึ้นมาเฉยๆ จัวอี้เฉินคิดอยากจะเปลี่ยนสถานที่ไปอีกที่หนึ่ง พลันสายตาของเธอก็มองไปยังเสือที่อยู่ในสวนสัตว์แห่งนั้น เสือเอ๋ยเสือ แกนี่กล้ามากเลยนะ แถมยังแข็งแรงอีก ฟันก็คมแหลม ซ้ำยังเป็นเจ้าป่าอีก

ทันในนั้นเธอก็หลับตาลงอย่างรวดเร็ว

เธอสัมผัสได้ว่ามีมือสองมือสอดเข้าไปภายใต้เสื้อผ้าของเธอ ไม่เคยสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้คนมากขนาดนี้มาก่อน ความรู้สึกประหม่าก่อตัวขึ้นจนทำให้เธอหายใจติดขัด แต่ว่ามือสองมือนั้นเย็นราวกับน้ำแข็ง สองวันมานี้อากาศที่ตี้ตูใกล้ติดลบแล้ว

เธอรู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมาที่คอของเธอ ลมหายใจหนักของเจียงซิ่วปะทะเข้ากับคอขาวของเธอจนเธออดไม่ได้ที่จะหดคอลง

ในเวลานี้จัวอี้เฉินรู้สึกว่าตนเองเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อยที่ถูกกรงเล็บของเสือขย้ำไว้กับที่ ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะหลุดออกไปได้เลย ทางที่ดีที่สุดคือต้องแกล้งตายเท่านั้น

ปากก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบบอก “ไม่….”

ไม่มีเสียงออกมาแม้แต่น้อย นี่พึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น มันจะเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?

“เสร็จหรือยัง?”

เสียงของเธอเต็มไปด้วยคำอธิษฐาน ถ้าเป็นคนอื่นที่ได้ฟังจะต้องรู้สึกเห็นใจแน่ๆ แต่ไม่ใช่กับเจียงซิ่ว คนเลวยังไงก็เป็นคนเลวอยู่ดี แถวยังวางมือสองข้างของเขาไว้บนท้องน้อยของเธอ ทั้งอ่อนนุ่มทั้งอบอุ่น

“มือของนายเย็นมาก….”

“นั่นแหละเธอต้องทำให้ฉันอุ่น….”

ใบหน้าของจัวอี้เฉินแดงมากจนเหมือนจะมีเลือดไหลออกมา ยิ่งมาการแสดงออกเธอยิ่งไม่เป็นธรรมชาติ ลมหายใจของเธอยังหายใจเร็วขึ้นกว่าเดิม ดวงตาคู่เดิมก็รู้สึกเบลอมากกว่าเดิม “เสร็จหรือยัง?”

ในกรงของเสือนั้น มีเสือตัวหนึ่งที่ขาทั้งสองข้างกำลังกดไว้บนตัวของเสืออีกตัว ราวกับกำลังใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่มีจุดหมาย จัวอี้เฉินไม่เคยคิดเลยว่าจะเห็นภาพที่สะเทือนใจในสวนสัตว์แบบนี้ เรื่องแบบนี้มันน่าอายจริงๆ แต่พอกลับมาคิดอีกทีคงไม่ใช่ว่าเสือสองตัวนี้กำลังเรียนจากเจียงซิ่วหรอกหรือ?

จัวอี้เฉินรู้สึกละลายใจอย่างมาก

“เสร็จหรือยังเนี่ย?”

ทันใดนั้นเธอก็คว้าไปที่มือใหญ่ของเจียงซิ่ว เดิมทีก็พูดจบไปแล้วว่าจะทำให้อบอุ่น แต่มือนี่กำลังจะไล่สูงขึ้นโดยไม่รู้ตัวเลยนะ เธอกดมือลงก่อนจะพูดว่า “นายสัญญากับฉันว่าจะซื่อสัตย์”

“ถ้างั้นมาพนันกันอีกครั้งไหม ถ้าฉันกล้าลูบเสือนั่น เธอทำให้ฉันอบอุ่นอีกครั้ง” เจียงซิ่วพูด

“คิดว่าฉันจะโง่หรือไง” จัวอี้เฉินพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“เสือมันอาจจะไม่ได้ยินภาษาเทพ เธออาจจะชนะก็ได้….” เจียงซิ่วพูด คำพูดพวกนี้ไม่ได้ดึงดูดอะไรเลย

“ไม่!”

“อุ่นแล้วก็เอามือออกไปได้แล้ว ไม่อายหรือไง ดูมีความสุขนะมือเย็นอย่างกับน้ำแข็ง?” จัวอี้เฉินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

แต่เมื่อเห็นสายตาของเจียงซิ่วมองไปยังเสือสองตัวนั้น เจ้าคนเลวคนนั้น เรื่องของตัวเองยังไม่เสร็จเลย ยังทำให้คนอื่นไม่พอใจอีก ตะโกนเสียงดังเรียก “เห้ย พวกแกทำอะไรน่ะ?”

“กลางวันแสกๆ ไม่อายฟ้าอายดินเลยหรือไง คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำเรื่องแบบนี้ ไม่มีมารยาทจริงๆเลย…. พี่อี้เฉินรอผมด้วยสิ อย่าเดินเร็วสิ”

Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง

Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง

Status: Ongoing

เจียงซิ่วเคยถูกเคลื่อนย้ายไปยังทวีปการต่อสู้นิรันดร์ เขามีชีวิตที่ยาวนานอยู่่ที่นั้น และได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างยิ่งใหญ่ ทว่าเขาก็พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในสถานที่แปลกๆ และยังค้นพบอีกว่าเขาได้กลับมาโลกที่ได้จากมา เกิดบ้าอะไรขึ้น? แล้วเขาจะทำอะไรต่อจากนี้? ติดตามเจียงซิ่วในขณะที่เขาเกี่ยวข้องกับชะตากรรมและเหตุการณ์บ้าบอที่ถูกเก็บไว้ให้เขาโดยเฉพาะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท