ตอนที่ 121 ทบทวนสักหน่อย
หลังจากทานข้าวเสร็จ มู่น่อนน่อนก็พาเฉินเจียฉินไปที่ห้องของเขา
เมื่อเข้าไปในห้อง มู่น่อนน่อนก็ปิดประตูห้องด้วยท่าทางลับๆล่อๆ
เฉินเจียฉินทำสีหน้ามึนงง: “นี่เธอทำอะไรของเธอ? เมื่อครู่ตอนที่เธอลากฉันขึ้นมา สายตาของพี่ชายแทบจะฆ่าฉันแล้ว ตอนนี้เธอยังปิดประตูอีก เดี๋ยวเขาก็โยนฉันออกไปนอกบ้านหรอก”
“ไม่มีทาง” แม้ว่าดูจากภายนอกเฉินถิงเซียวจะดุและโหดร้ายกับเฉินเจียฉินเป็นอย่างมาก แต่ที่เขายอมให้เฉินเจียฉินอยู่กับเขาที่นี่ แสดงว่าเขาก็ชอบกับเฉินเจียฉินเช่นกัน
“ถ้าเขาโยนฉันออกไปจริง เธอต้องช่วยฉันด้วยนะ” เฉินเจียฉินยกไหล่ขึ้น กระโดดไปนั่งที่โต๊ะหนังสือ “ว่ามา มีเรื่องอะไรต้องทำตัวลึกลับขนาดนี้ เธอคิดดีแล้วว่าจะหย่ากับเขา?”
“นายเป็นเด็กตัวแค่นี้ทำไมพอเอ่ยปากพูดอะไรก็มีแต่เรื่องหย่าร้าง!” มู่น่อนน่อนยื่นมือออกไปเขกหัวเขาหนึ่งครั้ง
เฉินเจียฉินจับหัวของตัวเอง ตะโกนโวยวายเสียงดัง: “โอ๊ย เจ็บมากเลยนะ!”
มู่น่อนน่อนไม่มีอารมณ์จะเล่นหยอกล้อกับเขา: “นิสัยของพี่ชายนายเป็นแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ?”
ตอนที่เฉินถิงเซียวยังเป็น “เฉินเจียฉิน” แม้ว่าสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ฉุนเฉียวของเขาได้เช่นกัน แต่ก็ไม่โหดเหี้ยเหมือนในตอนนี้
และหลังจากที่เขาฟื้นกลับมาเป็นเฉินถิงเซียวอีกครั้ง มักจะทำตัวให้อีกฝ่ายคาดเดายาก และยังมีพลังในการควบคุมมากอีกด้วย
เขารู้เรื่องที่หล่อนทำทั้งหมด แต่กลับไม่เคยพูดหรือมีท่าทีอะไรเลย ตอนนี้เมื่อเขากลับมาเป็นเฉินถิงเซียวอีกครั้ง กลับทำตัวเหมือนไม่มีอะไรต้องสนใจ กลายเป็นคนป่าเถื่อนไม่มีกฎเกณฑ์มากขึ้น
“ถ้าเขาเป็นแบบนี้ตลอด มันอันตรายมากนะ” เหมือนเฉินเจียฉินนึกถึงเรื่องบางอย่างที่น่ากลัวขึ้นมาได้ จึงหดคอลง: “พูดจากใจจริงนะ ฉันว่าเธอหย่ากับเขาไปเลยดีกว่า เธอว่าพี่ชายฉันเป็นอย่างไรบ้าง?”
มู่น่อนน่อนไม่รู้ว่าต้องรู้สึกอย่างไร: “เมื่อก่อนนายให้ฉันเป็นแฟนนายไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันรู้สึกว่าเธอไม่มีทางชอบฉัน พี่ชายฉันเป็นคนอบอุ่นขนาดนั้นเหมาะสมกับเธอมากกว่า ต้องดูแลเธอดีกว่าที่เฉินถิงเซียวดูแลเธอแน่นอน เขาโหดเหี้ยมเกินไป!”
เฉินเจียฉินพูดพลางยังทำหน้าหยอกล้อเป็นผีใส่
มู่น่อนน่อนทนขำไม่ไหว จึงพูดแกล้งเขา: “นายรู้ไหมว่าทั้งประเทศนี้มีผู้หญิงกี่คนที่อยากแต่งงานกับพี่ชายนาย? ถึงแม้ว่าพี่ชายนายจะยอมแต่งงานกับฉัน งั้นฉันก็เป็นผู้หญิงที่แต่งงานสองรอบ ไม่เหมาะสมกับเขาหรอก”
“เธอดีขนาดนี้ ไม่เหมาะกับเขาตรงไหนกันล่ะ?” เฉินเจียฉินพูดลอยๆ แต่น้ำเสียงกลับดูจริงใจมาก
มู่น่อนน่อนตกตะลึงเล็กน้อย หล่อนดีขนาดนั้นเลยเหรอ?
เมื่อเห็นว่ามู่น่อนน่อนไม่พูดอะไร เฉินเจียฉินรู้สึกลำบากใจเช่นกัน เขาเกาหัวและพูดอธิบายขึ้น “เมื่อก่อนฉันไปอาศัยอยู่ที่บ้านเธอไม่ใช่เหรอ? วันนั้นที่เธอไป ฉันคิดว่าเธอจะเรียกคนมาจัดการฉันเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเธอยังทำอาหารอร่อยๆให้ฉันอีกด้วย…”
“……”
มู่น่อนน่อนตัดสินใจขัดจังหวะจินตนาการของเขา: “เพราะนายบอกว่าตัวเองชื่อเฉินเจียฉิน ฉันก็เลยให้คนมาจัดการนาย”
“แม้ว่าฉันไม่ได้ชื่อเฉินเจียฉิน เธอก็ไม่มีทางให้คนมาจัดการฉัน”
“นายรู้ได้ยังไง?”
“ไม่ต้องสนใจว่าฉันรู้ได้ยังไง” เฉินเจียฉินผลักหล่อนออกไปนอกประตู “รีบออกไปเถอะ ฉันจะทำการบ้าน ผู้หญิงอย่างพวกเธอนี่ปัญหาเยอะจริงๆเลย”
ปั้ง!
ประตูที่อยู่ด้านหลังถูกปิดลงทันที
มู่น่อนน่อนหันหลังไป อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เป็นเด็กที่ช่างไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆเลย!
เมื่อกลับไปที่ในห้อง เฉินถิงเซียวกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่หัวเตียง เมื่อได้ยินเสียงหล่อนเปิดประตูเข้ามา ก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
คืนนี้เขานอนเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขา กลับเดินตรงไปที่ห้องน้ำทันที
ตอนที่ออกมา เฉินถิงเซียวไม่ได้นั่งดูเอกสารแล้ว เขาพิงอยู่ที่หัวเตียง สายตาคู่นั้นจ้องมองมาที่มู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนก้มลงมองชุดนอนที่ปกคลุมตัวของเองมิดชิดไว้อย่างดี จากนั้นค่อยๆเดินไปที่ข้างเตียง ดึงผ้าห่มออกแล้วนอนลงไป
หล่อนเพิ่งจะหลับตาลง ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอันคละคลุ้งของเฉินถิงเซียวที่เข้ามาประชิดตัว
หล่อนตกใจจนรีบลืมตาขึ้นมา เห็นเฉินถิงเซียวที่เอนตัวเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ท่าทางเหมือนกำลังจะจูบหล่อน
ตอนที่มู่น่อนน่อนกำลังตกใจชะงักอยู่ ริมฝีปากของเฉินถิงเซียวก็กดทับมาพอดี จากนั้นก็คร่อมตัวหล่อนไว้
ลมหายใจอันเย็นยะเยือกจากตัวเขาห่อหุ้มตัวของมู่น่อนน่อนไว้อย่างแนบแน่น จนทำให้หล่อนแทบจะทนไม่ไหว ทุกอย่างภายในหัวว่างเปล่าไปในทันที
เฉินถิงเซียวเลื่อนมาจูบที่คอของหล่อน พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง: “วันนั้นไปเรียนที่ร้านอาหารจีนติ่งอย่างตั้งใจขนาดนั้น วันนี้มาทบทวนกันสักหน่อยสิ”
มู่น่อนน่อนนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นที่ร้านอาหารจีนติ่งขึ้นมา เลือดสูบฉีดไปทั่วทั้งใบหน้า จนหน้าแดงก่ำ คิดอยากจะขัดขืน แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรง
หล่อนโมโหมาก จึงตะโกนออกมาเสียงดัง: “ทบทวนบ้าอะไรกัน!”
“อย่าพูดจาไม่ดีบนเตียงสิ” เฉินถิงเซียวหายใจหอบ จากนั้นจูบลงบนริมฝีปากของหล่อนเบาๆ: “แต่เดี๋ยวเธอร้องให้ดังหน่อยนะ”
มู่น่อนน่อนรู้ดีว่าสักวันต้องมีวันนี้
แต่ทว่า ในใจของหล่อนยังคงขัดขืนไม่ยินยอมอยู่
หลังจากที่ได้ยินเขาพูดออกมาเช่นนี้ ตัวของเธอก็แข็งทื่อเหมือนก้อนหินไปทันที
เฉินถิงเซียวรู้สึกได้ถึงท่าทีตอบรับของหล่อน จึงหายใจแรงขึ้น เหมือนกำลังโมโห
แต่เขาเพียงแค่พูดขึ้นเบาๆ: “ไม่ทำก็ได้ แต่เธอต้องช่วยฉัน”
ชีวิตของฉันตกอยู่ในกำมือของคนอื่น
เฉินถิงเซียวพูดออกมาแบบนี้แสดงว่าเขาก็ยอมต่อรองให้ มู่น่อนน่อนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
…
เช้าวันต่อมา
ขณะที่มู่น่อนน่อนกำลังเดินลงมา ที่ห้องโถงมีเพียงแค่เฉินเจียฉินนั่งหลับอยู่บนโซฟา แต่กลับไม่เห็นเงาของเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนจึงเดินเข้าไปตบไหล่ของเฉินเจียฉิน: “เมื่อคืนนายไม่ได้นอนเหรอ?”
“เพิ่งนอนตอนตีสาม รับงานมากเกินไปน่ะ” เฉินเจียฉินลืมตาขึ้นมาพูดจบ ก็หลับตาต่อ จากนั้นก็ล้มตัวลงไปนอนบนโซฟา
“พี่ชายของนายล่ะ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ออกไปแล้วมั้ง…”
มู่น่อนน่อนได้ยินเช่นนั้น จึงถอนหายใจโล่งอกไปทันที
เฉินถิงเซียวไม่อยู่ก็ดี
ทานข้าวเสร็จ หล่อนก็จะไปที่บริษัทมู่ซื่อ
เมื่อถึงบริษัท ก็ถูกรับคำสั่งให้ไปประชุม
เดิมทีเป็นการประชุมคณะกรรมการระดับสูงของบริษัท แต่มู่ลี่เหยียนบังคับให้หล่อนไปร่วมด้วย หล่อนจึงจำต้องตามไป
เหมือนกับที่มู่น่อนน่อนคาดเดาไว้ สินค้าของมู่ซื่อถูกผู้บริโภคต่อต้าน ยอดขายลดลงไปอย่างมาก และยังมีผู้ร่วมหุ้นคิดจะถอนทุนไปอีกด้วย
ทันใดนั้น มีคนเสนอขึ้น: “ช่วงนี้ผู้คนมักจะทำอะไรตามกระแส ถ้าพวกเราเชิญดารามาเป็นพรีเซนเตอร์ให้สินค้า ต้องสามารถช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้แน่นอน”
“ไปหาใครล่ะ?”
“อย่างเช่นซือเฉิงหยู้ เขาเป็นนักแสดงแนวหน้าที่อายุน้อยที่สุดในแวดวงภาพยนตร์และโทรทัศน์ มีแฟนคลับมหาศาล ถ้าเขาสามารถเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับพวกเราได้ พวกเราจะต้องรอดพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้แน่นอน!”
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นหันไปดูคนที่เสนอความเห็นนี้ จากนั้นยิ้มเย้ยขึ้น
ให้ซือเฉิงหยู้เป็นพรีเซนเตอร์สินค้า นั่นเป็นได้แค่ความฝันลมๆแล้งๆ!