บทที่ 151 หาผู้หญิงมาสร้างภาพ
เฉินเจียฉินยังเด็ก ชอบเล่นสนุก การได้มางานเลี้ยงอาหารค่ำแน่นอนว่าโดยธรรมชาติแล้วย่อมร่าเริงมีความสุขมาก
แต่ก็ลืมเรื่องที่ว่าก่อนหน้านี้เขาแอบกลับประเทศ จากนั้นสักพักถึงจะมาพบลุง แน่นอนว่าต้องมีการสอบสวน
เฉินเจียฉินหงุดหงิดมากจนอยากทึ้งหัวตัวเอง แต่คิดขึ้นได้ฉับพลันว่าเขาเพิ่งจัดแต่งทรงผมมา เขาจึงเก็บมือกลับมาทันใด
มู่น่อนน่อนอธิบายแทนเฉินเจียฉิน “เสี่ยวฉินกลับมาสักพักแล้ว ตลอดมาอยู่กับพวกเราที่นี่ คนในครอบครัวเขาก็รู้”
เลิ่งซู่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่รู้วิธีจัดการกับสิ่งต่างๆ ได้ดี โดยธรรมชาติแล้วจึงไม่สอบถามเรื่องของเจ้านายมากเกินไป
เขานำมู่น่อนน่อนกับเฉินเจียฉินไปพบเฉินชิงเฟิงที่ห้องนั่งเล่น
……
เฉินชิงเฟิงเหมือนกับตอนที่มู่น่อนน่อนพบเขาครั้งล่าสุด ยังคงมีลักษณะสุขุม
เฉินถิงเซียวดูเหมือนเฉินชิงเฟิงมาก แต่เฉินถิงเซียวค่อนข้างเจือไอแห่งความลุ่มลึก ในดวงตามักมีหมอกควันอึมครึมไหลเวียน
เมื่อเฉินชิงเฟิงเห็นมู่น่อนน่อนก็ชะงักไปเล็กน้อยครู่หนึ่ง “น่อนน่อนเหรอ”
“คุณพ่อคะ” มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปถึงตรงหน้าแล้วเรียกอย่างน่ารัก
เฉิงชิงเฟิงยังไม่เคยเห็นตอนที่มู่น่อนน่อนกลับไปเป็นเหมือนเดิม การประหลาดใจจึงเป็นเรื่องปกติ
แต่เขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป หลังจากประหลาดใจชั่วครู่ไม่นานเขาก็กลับมาดูปกติ “ถิงเซียวล่ะ”
“เขา…ไม่ค่อยสบายค่ะ ดังนั้นจึงไม่ได้มา” เมื่ออ้าปากโกหกออกมา มู่น่อนน่อนถึงขั้นไม่ได้รู้สึกผิดมากมาย จนตัวเธอเองยังรู้สึกแปลกใจ
โชคดีที่เฉินชิงเฟิงเหมือนจะไม่สนใจมากนักว่าเฉินถิงเซียวจะมาหรือไม่
เขาพยักหน้ารับ “อืม”
เฉินชิงเฟิงเหลือบมองเฉินเจียฉิงที่ยืนอยู่ข้างหลังมู่น่อนน่อน ก่อนจะพูดว่า “เฉิงหยู้ก็อยู่ที่นี่ด้วย พวกเธอหนุ่มสาวไปคุยกันสิ”
เมื่อครู่เลิ่งซู่เพิ่งบอกเรื่องของเฉินเจียฉินกับเขา เขาจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
เฉินเจียฉินยิ้มเงียบๆ อย่างฉลาดน่ารัก “งั้นคุณลุง พวกเราไปก่อนนะครับ”
เมื่อออกจากห้องนั่งเล่นมาแล้ว เฉินเจียฉินก็ยกนิ้วหัวแม่มือให้มู่น่อนน่อน “พี่น่อนน่อน คุณเก่งจังครับ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะกล้าโกหกต่อหน้าคุณลุงด้วย!”
“นี่ไม่ได้เรียกว่าโกหก นี่เรียกว่าข้ออ้าง” มู่น่อนน่อนส่ายหน้า “คุณคิดว่าเขาไม่รู้เหรอว่าเฉินถิงเซียวไม่เต็มใจที่จะมา เพียงแต่เมื่อเขาถามขึ้นมา ฉันจึงหาข้ออ้างมาปกปิด ทุกคนจะได้ไม่เสียหน้า มันก็เท่านั้น”
“…ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ผู้ใหญ่อย่างพวกคุณนี่ซับซ้อนจังครับ” คำว่า “ครับ” ส่งท้าย เฉินเจียฉินลากท้ายเสียงยาวเหยียด
มู่น่อนน่อนยิ้มพลางจ้องมองเขา แล้วก็ได้ยินเสียงอบอุ่นของซือเฉิงหยู้ดังขึ้นข้างหลัง “เสี่ยวฉิน น่อนน่อน”
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เฉินชิงเฟิงจะบอกแล้วว่าซือเฉิงหยู้อยู่ที่นี่ แต่มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้จริงจัง ปรากฏว่าเมื่อออกประตูมาก็พบเข้าแล้ว
มัน…น่าอายจริงๆ!
มู่น่อนน่อนหันหน้าไป ยิ้มออกมาอย่างค่อนข้างแข็งทื่อ “พี่ใหญ่”
เฉินเจียฉินก็เรียกตาม “พี่”
“พวกคุณเพิ่งมาถึงเหรอ” ไม่รอให้พวกเขาตอบกลับ จากนั้นก็เหลือบมองเฉินเจียฉินที่อยู่ข้างหลังมู่น่อนน่อน “ถิงเซียวไม่มากอีกแล้วเหรอ”
“เขา…ไม่ค่อยสบาย…” เมื่อครู่ต่อหน้าเฉินชิงเฟิงยังบอกข้ออ้างได้อย่างคล่องปากมาก เมื่อมาถึงซือเฉิงหยู้ตรงนี้ มู่น่อนน่อนกลับรู้สึกค่อนข้างแย่
ซือเฉิงหยู้เผยท่าทีแจ้งชัด แล้วทำการเปลี่ยนเรื่อง “ผมจะพาพวกคุณไม่เดินรอบๆ”
เมื่อเขาพูดจบก็หันตัวเดินนำหน้าไป
เฉินเจียฉินเห็นได้ชัดว่าชื่นชมพี่ชายตัวเอง เขาใช้แขนสะกิดมู่น่อนน่อน “พี่ชายผมหล่อไหมครับ”
“อืม” มู่น่อนน่อนพยักหน้า “ทักษะการแสดงก็ดีเช่นกัน”
ซือเฉิงหยู้เป็นคนหล่อและมีทักษะการแสดงดี เพียงแต่สองปีที่ผ่านมามีถ่ายไปไม่กี่เรื่องเท่านั้น
เฉินเจียฉินไม่พอใจกับคำตอบของเธอ “ทำไมคุณตอบแบบขอไปทีแบบนี้ครับ คุณคิดว่าเขากับญาติผู้พี่ผมใครหล่อกว่ากัน”
มู่น่อนน่อนคิดอย่างจริงจังครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า “เฉินถิงเซียว”
แน่นอนว่าซือเฉิงหยู้ก็ดูไม่เลว แต่ที่น่าสนใจที่สุดในตัวเขาคือนิสัยที่อ่อนโยน
และเฉินถิงเซียวกับซือเฉิงหยู้ก็เป็นสองประเภทที่ต่างกันสุดขั้ว เฉินถิงเซียวมักจะอารมณ์ขุ่นมัวอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้ามีคนได้เห็นผ่านสายตา จะต้องถูกใบหน้าของเขาดึงดูดเป็นอันดับแรกแน่นอน
“สายตาคุณเป็นอะไร” เฉินเจียฉินจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ “ตาคุณไม่ดีใช่ไหมครับ”
มู่น่อนน่อนถลึงตาใส่เขา “ตาคุณต่างหากสิไม่ดี!”
เมื่อพูดจบก็รู้สึกว่าเธอทะเลาะเรื่องแบบนี้กับเฉินเจียฉินเหมือนเป็นเด็กๆ น่าไม่อายอย่างมาก จึงส่งเสียงเยาะออกมาก่อนจะเร่งก้าวเดินนำไป
เฉินเจียฉินตามมา แล้วกระซิบบอกเธอด้วยเสียงเบามากว่า “ตาของผมอาจจะไม่ดีจริงๆ ผมรู้สึกได้อยู่ตลอดแหละว่าญาติผู้พี่ผมดูดีกว่าพี่ชายผม แต่ผมคิดว่าพี่ชายผมดูดีกว่าหน่อย”
มู่น่อนน่อนค่อนข้างร้องไห้ก็ไม่ได้หัวเราะก็ไม่ออก
แต่ในใจของเธอก็มีความรู้สึกลึกๆ บางอย่าง
ซือเฉิงหยู้เข้าสู่วงการบันเทิงนานแล้ว ไม่ได้คลุกคลีกับเฉินเจียฉินมากนัก แต่เฉินถิงเซียวกับเฉินเจียฉิงอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เขากับเฉินถิงเซียวอาจจะสนิทกันมากกว่า
บางครั้ง ความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความสนิทชิดเชื้อ
……
มีคนมากมายในงานเลี้ยง ส่วนใหญ่เป็นคนมีหน้ามีตาในเมืองหู้หยาง
มู่น่อนน่อนเดินตามเฉินชิงเฟิงไปรอบๆ ฉีกยิ้มมุมปากจนจะแข็งทื่ออยู่แล้ว และดูเหมือนว่าขาก็กำลังจะเป็นตะคริว
พอดีว่าเฉินชิงเฟิงพบใครบางคน จึงออกจากห้องจัดเลี้ยงไปชั่วคราว และก็ไม่ได้ให้มู่น่อนน่อนตามไปด้วยอีก
เฉินเจียฉินก็ไม่รู้ว่าวิ่งไปเล่นที่ไหน มู่น่อนน่อนหาดูจนรอบก็ไม่เห็นใคร จึงดูแลตัวเองไม่สนใจคนอื่นอีกหาที่ตรงมุมหนึ่งนั่งลงพักผ่อน
เธออยู่ตรงมุมที่ไม่เป็นที่สังเกต หลังจากนั้นไม่นานผู้หญิงสองคนก็มาพร้อมกับแก้วและนั่งลงไม่ไกล
เสียงสนทนาของพวกเธอชัดเจนเข้ามาในโสตประสาทของมู่น่อนน่อน
“ไหนบอกว่าคุณหนูสามตระกูลมู่ทั้งน่าเกลียดทั้งโง่ไง ดูแล้วไม่เห็นเหมือนอย่างนั้นเลย!”
“ใครก็รู้ว่าวันนี้ที่ตระกูลเฉินจัดงานเลี้ยงก็เพื่อแนะนำคุณหญิงน้อยคนใหม่ให้ทุกคนได้รู้จัก ตระกูลเฉินไม่อยากได้หน้าแล้วมั้ง ต้องไปหาผู้หญิงที่อื่นสักคนมาสร้างภาพ…”
“ฉันก็รู้สึกแบบนี้ คุณดูที่เธอสวมชุดนั้นกับการแต่งหน้าแบบนั้นสิ เหมือนสาวในคาราโอเกะเลย…”
มู่น่อนน่อนก้มลงเหลือบมองเดรสคอวีสีแดงบนร่างกายตัวเอง
ไม่ได้มีการแหวกอกแล้วก็ไม่ได้แหวกหลัง เปิดเผยแค่ส่วนแขนเท่านั้น ความยาวของกระโปรงก็ยาวคลุมเข่า เหมือนที่สาวคาราโอเกะใส่ที่ไหนกัน
แต่ว่าตอนนี้คาราโอเกะมีสาวด้วยเหรอ
และยังไม่จบ มู่น่อนน่อนได้ยินสองคนที่อยู่ใกล้ๆ เริ่มนินทาเธออีกครั้ง
“ฉันดูหน้าอกของเธอแล้ว นั่นก็เป็นของปลอม!”
“มันต้องปลอมแน่นอน คุณเคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่เอวบางมากขนาดนั้นแล้วอกใหญ่บ้างไหมล่ะ”
“พวกดาราก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ”
“แล้วดาราทำศัลยกรรมกันน้อยหรือไงล่ะ เดี๋ยวตอนที่เจอเธอ เราแกล้งทำเป็นชนหน้าอกของเธอกัน คุณดูปฏิกิริยาของเธอก็รู้ว่าไอ้นั่นของเธอปลอมจริงหรือเปล่า…”
พรืด…
มู่น่อนน่อนที่ดื่มน้ำเข้าปากอยู่พ่นมันออกมากะทันหัน
ผู้หญิงสองคนนี้ไม่เต็มหรือเปล่า
ต่อให้เธอจะศัลยกรรม แล้วไปตัดเนื้อพวกเธอหรือไปใช้เงินของพวกเธอหรือไง
มู่น่อนน่อนวางแก้วน้ำแรงๆ ลงบนโต๊ะเล็กตรงหน้า เนื่องจากโต๊ะเล็กเป็นพื้นผิวกระจก ทันใดนั้นจึงเกิดเป็นเสียง “แกร๊ง” คมชัดมาก
เสียงนั้นดึงดูดความสนใจของหญิงสาวทั้งสอง
เห็นพวกเธอมองมา มู่น่อนน่อนจึงลุกขึ้นยืน แล้วก้าวเดินเข้าไปหาพวกเธอ