บทที่ 175 แย่กว่าคุณนิดหน่อย
บ้านเก่าเหรอ
มู่น่อนน่อนหันไปมองเฉินถิงเซียว พบว่าสีหน้าของเขามืดหม่นมาก
มู่น่อนน่อนพบว่า ตราบใดที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิน ล้วนสามารถทำให้เฉินถิงเซียวเปลี่ยนแปลงสีหน้าได้
เหมือนเขาจะไม่ชอบตระกูลเฉิน
เธอเอื้อมไปจับมือของเฉินถิงเซียว แทบจะในทันทีที่กลายเป็นเฉินถิงเซียวจับมือของเธอแทน
ฉับพลันนั้นเฉินถิงเซียวก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ผมรู้แล้ว”
เธอไม่ค่อยรู้เรื่องตระกูลเฉิน แค่รู้ว่าตระกูลเฉินเป็นตระกูลใหญ่ ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินเฉินเจียฉินบอกว่า ในตระกูลเฉินมีคนจำนวนมาก โดยเฉพาะมีลูกพี่ลูกน้องชายหญิงรุ่นเดียวกันมากมาย ซึ่งมีเพียงสองพี่น้องเฉินเจียฉินกับเฉินถิงเซียวเท่านั้นที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันหน่อย
ตัวตนของเฉินถิงเซียวเปิดเผย เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คนตระกูลเฉินให้เฉินถิงเซียวกลับไปก็เป็นเรื่องปกติมาก
สองคนกลับไปที่ห้อง มู่น่อนน่อนถามเขา “พรุ่งนี้จะกลับไปเหรอ”
เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้น ก็เห็นสีหน้าการแสดงออกที่ระมัดระวังของมู่น่อนน่อน เขากระตุกยิ้มมุมปาก แย้มยิ้มชัด และร่างทั้งร่างอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
เขาดึงมู่น่อนน่อนเข้าอ้อมแขน ในน้ำเสียงเจืออารมณ์ขันที่หายาก “แน่นอนว่าต้องกลับ พาหลานสะใภ้กลับไปให้ตาเฒ่าดู”
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นไปมองเขา “ใคร”
เฉินถิงเซียวมองเธอด้วยรอยยิ้มทั้งดวงตา “คุณปู่”
ผู้กุมอำนาจทุกรุ่นของตระกูลเฉินทุกคนล้วนเป็นตำนาน ยิ่งไปกว่านั้นคุณปู่เฉินก็ประคองความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลมานานหลายทศวรรษ
มู่น่อนน่อนค่อยๆ เริ่มกังวลขึ้นมา
……
วันต่อมา
มู่น่อนน่อนตื่นแต่เช้า เลือกเสื้อผ้าเดินไปเดินมารอบห้องแต่งตัว
สีชุดนี้ดูเรียบเกินไป สไตล์ชุดนั้นไม่สง่างามพอ…
เลือกมาเลือกไปก็เลือกไม่ได้ มู่น่อนน่อนรู้สึกท้อเล็กน้อย
ทันใดนั้น เธอก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ ข้างหลังเธอ จึงหันหน้าไปกะทันหัน ก็เห็นว่าเฉินถิงเซียวไม่รู้ว่าเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร กำลังยืนพิงผนัง สายตาเจือรอยยิ้มมองมายังเธอ
สายตาเจือรอยยิ้มแบบนี้ มันน่าหมั่นไส้จริงๆ!
เธอพบว่าช่วงนี้เฉินถิงเซียวชอบยิ้มมาก เอะอะก็มองเธอแล้วก็ยิ้ม ราวกับวิญญาณตามติด
มู่น่อนน่อนโยนเสื้อผ้าที่อยู่ในมือ มุ่ยปากและพูดว่า “คุณช่วยฉันเลือกเสื้อผ้าหน่อย”
เมื่อถึงเวลาแล้วคนตระกูลเฉินจับผิดเธอ เสื้อผ้าไม่สง่างาม รองเท้าดูไม่ดี เธอยังสามารถโบ้ยไปให้เฉินถิงเซียวได้
“ได้”
ทันทีที่เฉินถิงเซียวส่งเสียงก็ยกเท้าเดินเข้ามา รวดเร็วฉับไวไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
เขาหยิบเสื้อแจ็คเก็ตนวมส่งให้มู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อน “………”
เธอไม่คิดจะรับเสื้อแจ็คเก็ตนวมสักนิด แถมยังถึงขั้นคิดจะไล่เฉินถิงเซียวออกไปด้วย
แน่นอนว่าไม่สามารถคาดหวังอะไรจาก“เฉินถิงเซียวที่คิดว่าเธอเย็นชามาก”
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เฉินถิงเซียวกลับไปเจอบุพการี เธอจึงอยากจะแต่งตัวให้สวยสักหน่อย!
มู่น่อนน่อนมองเขาอย่างรังเกียจ “เสิ้งติ่งมีดาราสาวสวยมากมาย มันยังไม่ทำให้คุณสามารถมีรสนิยมทางด้านเครื่องแต่งกายสักเล็กน้อยเลยเหรอ”
“ดาราสาวสวยเหรอ” เฉินถิงเซียวย้ำอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับไปแขวนเสื้อแจ็คเก็ตที่มู่น่อนน่อนไม่ชอบกลับไปที่เดิม และพูดอย่างสบายๆ ว่า “ยังแย่กว่าคุณนิดหน่อย”
มู่น่อนน่อนชะงักไปเล็กน้อย
นี่เขาชมว่าเธอสวยงั้นเหรอ
เฉินถิงเซียวหาดูจนพบเสื้อคลุมขนสัตว์สีเทาเข้มตัวหนามายื่นให้เธอ “ตัวนี้ล่ะ”
เขาเหลือบตาขึ้นมอง ก็เห็นมู่น่อนน่อนเปิดดวงตาแมวที่สวยงามจับจ้องตรงมายังเขาอยู่ สายตาตื่นเต้นเล็กน้อย และเจือความชอบนิดหน่อย
เฉินถิงเซียวเลิกคิ้ว ส่งเสียงพยางค์เดียวออกมาจากลำคอ “หืม?”
มู่น่อนน่อนคืนสติ โดยไม่เห็นว่าในมือเขาถือชุดอะไร รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ดูดี!”
สายตาเฉินถิงเซียวมองเธออย่างไม่อาจคาดเดาได้ แล้วเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเธอ
อุณหภูมิปกติ ไม่ได้ป่วย…
เฉินถิงเซียวไม่ได้ชมว่าเธอสวยตรงๆ มันเป็นประโยคโดยนัยสละสลวย แต่มู่น่อนน่อนได้เปลี่ยนประโยค “ยังแย่กว่าเธอนิดหน่อย” ให้เป็น “ดาราสาวพวกนั้นไม่สวยเท่าเธอ” โดยอัตโนมัติ
ถึงแม้ว่ามันจะดูโอ้อวดไปหน่อย แต่ใครล่ะจะไม่ชอบถูกชม!
จนเมื่อหลังจากที่เฉินถิงเซียวมองดูมู่น่อนน่อนหอบเสื้อผ้าออกไป เขาถึงเพิ่งคิดได้ภายหลัง ปฏิกิริยาที่มู่น่อนน่อนเป็นเมื่อครู่มันเพราะคำพูดของเขา…
มีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอ
ที่เขาพูดเป็นความจริง
……
สองคนกินอาหารเช้าแล้ว สือเย่ก็ไปส่งพวกเขาที่บ้านเก่า
บ้านเก้าตระกูลเฉินนั้นเก่ามากจริงๆ บ้านเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษในราชวงศ์ชิง เคยมีผู้เชี่ยวชาญประเมินมูลค่าเกือบหมื่นล้าน
แต่ว่าต่อมาเพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต จึงได้ผ่านการซ่อมแซมหลายต่อหลายครั้ง แต่ยังคงรักษาเสน่ห์ของบ้านโบราณเอาไว้
บ้านเก่าตระกูลเฉินชื่อเสียงโด่งดัง มักจะมีนักท่องเที่ยวมาจากที่ไกลๆ แม้ระยะทางจะไกลแต่ก็อยากมาเห็นบ้านเก่าตระกูลเฉินสักครั้ง
“คุณชาย คุณหญิงน้อย ถึงแล้วครับ”
เมื่อเสียงของสือเย่ดังมา มู่น่อนน่อนที่กังวลมาตลอดทาง ไม่อยากเชื่อว่าในเวลานี้กลับสงบลงอย่างน่าอัศจรรย์
เธอหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ก็เห็นประตูสไตล์ย้อนยุคของบ้านเก่าตระกูลเฉิน แถวของทั้งบอดี้การ์ดและคนรับใช้ยืนเรียงอย่างเรียบร้อยทั้งสองด้านของประตูเพื่อต้อนรับพวกเขา
ความเอิกเกริกแบบนี้ มู่น่อนน่อนไม่เคยเห็น จึงรู้สึกว่ามันเหมือนกับเป็นการถ่ายละคร
เธอเอื้อมมือจะเปิดประตู ทันใดนั้นเฉินถิงเซียวที่อยู่ข้างๆ ก็จับมือของเธอไว้ “อยู่นิ่งๆ”
เธอหันหน้าไปมองเฉินถิงเซียวอย่างไม่เข้าใจ
แต่เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรอีก สือเย่ลงรถไปแล้ว และเดินมาเปิดประตูให้เฉินถิงเซียว
หลังจากที่เฉินถิงเซียวลงจากรถ สือเย่ยังคงยืนอยู่ข้างประตู เฉินถิงเซียวโน้มตัวเล็กน้อย มือข้างหนึ่งยกขึ้นไปตรงกรอบประตูเพื่อกันศีรษะของเธอชน อีกมือยื่นไปตรงหน้ามู่น่อนน่อน แล้วเขาก็ยิ้มเล็กน้อย “ลงรถได้แล้วครับ”
ชายหนุ่มรูปหล่อยิ่งยิ้มยิ่งมีเสน่ห์ แถมยังทำท่าทางเป็นสุภาพบุรุษขอให้เธอลงจากรถ
มู่น่อนน่อนยอมรับว่าไม่ใช่คนโรแมนติกเลยสักนิด จึงไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้ แต่เมื่อมองหน้าเฉินถิงเซียว ไม่คิดว่าจู่ๆ ก็รู้สึกแก้มร้อนขึ้นมา…
เธอหน้าแดงและวางมือของตัวเองบนมือของเฉินถิงเซียว เฉินถิงเซียวเห็นดังนั้นดวงตาก็เผยรอยยิ้มลึก พามู่น่อนน่อนลงจากรถ แล้วจับจูงมือเธอเดินเข้าประตูใหญ่
บอดี้การ์ดและคนรับใช้ที่ประตูโค้งคำนับ แล้วเอ่ยด้วยความเคารพ “ยินดีต้อนรับคุณชายและคุณหญิงน้อยกลับบ้าน!”
แม้มู่น่อนน่อนจะแต่งงานกับเฉินถิงเซียวมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ตลอดมาทั้งคู่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์บนเนินเขา เวลาเฉินถิงเซียวอยู่ต่อหน้าเธอก็ไม่ได้มีอาการวางท่า เธอทำอาหารอะไรเขาก็ทานหมด เธอเลือกร้านอาหารร้านไหนเขาก็ไม่จู้จี้จุกจิก
ดังนั้น เธอรู้ว่าตัวเองแต่งงานกับมหาเศรษฐีชั้นสูง แต่กลับไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร
กระทั่งถึงตอนนี้ เธอยืนอยู่ที่ปากประตูบ้านเก่าตระกูลเฉิน เมื่อถูกกลุ่มคนรับใช้และบอดี้การ์ดต้อนรับ ถึงได้บังเกิดความรู้สึกว่าตัวเองแต่งงานเข้าตระกูลมหาเศรษฐีชั้นสูงโดยแท้จริง
เฉินถิงเซียวรู้สึกว่ามือของมู่น่อนน่อนเกร็งเล็กน้อย จึงบีบเข้าฝ่ามือเธอลงไปเบาๆ หันหน้าไปหาเธอแล้วเอ่ยปลอบว่า “ไม่ต้องตื่นเต้น แค่ตามผมมาก็พอ”
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปากพลางพยักหน้า “อืม”
รูปทรงบ้านเก่ากับคฤหาสน์สมัยใหม่มีความแตกต่างกันไม่มากนัก แต่การออกแบบสวนนั้นสวยงามกว่า มีรายละเอียดค่อนข้างมาก