ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 242 ไม่ชอบ

บทที่ 242 ไม่ชอบ

เสียงของมู่หวั่นชีค่อนข้างแหบ พูดด้วยความชิงชังอย่างถึงที่สุด “มู่น่อนน่อน เอาฉันเข้าคุกได้คงจะภูมิใจมากเลยสิ แต่เธอคงคิดไม่ถึงสินะว่าฉันจะออกมาเร็วขนาดนี้”

สองสามคำสุดท้ายเธอพูดกัดฟัน หวังว่าจะสามารถตะกายข้ามโทรศัพท์ไปกัดมู่น่อนน่อน

มู่น่อนน่อนเพียงพูดออกมาบางเบา “ผู้ทำเวรกรรม ไม่ควรมีชีวิตอยู่”

เมื่อมู่หวั่นชีได้ยินก็อดจะหัวเราะเยาะดูถูกไม่ได้ “เราก็มาลองดูกัน”

อารมณ์ที่ดีของมู่น่อนน่อนถูกทำลายลงด้วยสายจากมู่หวั่นชี เธอไม่อยากได้ยินมู่หวั่นชีพูดเรื่องไร้สาระเหมือนปีศาจอีก จึงวางสายไปเลย

เธอหันหน้าไป พบว่าเฉินถิงเซียวกำลังมองเธออยู่

ดวงตามืดมน มีประกายความรู้สึกที่เธอไม่เข้าใจ

มาคิดดู เมื่อครู่เขาคงจะได้ยินสายของมู่น่อนน่อน จึงรู้ว่าเป็นสายจากมู่หวั่นชีโทรเข้ามา

มู่หวั่นชีคนนี้น่าสนใจจริงๆ ทันทีที่ออกจากคุกก็โทรมายั่วโมโหเธอทันที

แต่เธอรู้นานแล้วว่าซือเฉิงหยู้คิดหาวิธีเอามู่หวั่นชีออกมา เพียงแต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้เท่านั้น

ซือเฉิงหยู้อาจได้รับแรงหนุนจากเรื่องอื้อฉาวล่าสุด มีความไม่พอใจในตัวเฉินถิงเซียว ถึงได้เอามู่หวั่นชีออกมารวดเร็วเช่นนี้

มู่น่อนน่อนส่งเสียงพูดออกมาว่า “ที่เธอถูกปล่อยตัวออกมา เรื่องนี้มันจะต้องเกิดอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็ว”

“อืม” เฉินถิงเซียวหันเหสายตาไปมองทางอื่น ลดสายตาลงเล็กน้อยเพื่อปิดบังความรู้สึกในแววตา

ตอนที่เขาอารมณ์ไม่ดี ชอบแสดงอารมณ์ออกมา

มู่น่อนน่อนเคลื่อนตัวไปข้างๆ เขา เอียงศีรษะและพูดเสียงแผ่ว “เรากลับไปบ้านเก่ากันก่อนนะ อย่าอารมณ์เสียเพราะคนที่ไม่จำเป็น พรุ่งนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า นี่เป็นปีแรกที่เราอยู่ด้วยกัน มีความสุขหน่อย นะคะ”

คำพูดของเธอดูเหมือนจะใช้การได้ เฉินถิงเซียวหันไปมองเธอ

หลังจากมู่น่อนน่อนตั้งครรภ์ก็ไม่แต่งหน้า เธอดูเด็กแต่ก็ไม่ได้ดูไม่มีรสนิยม เป็นหน้าตาธรรมดาที่ยังสวยมาก

ผิวขาวใส ดวงตาสดใส เจือความเยาว์วัย แต่กลับยิ่งสั่นคลอนหัวใจผู้คน

เฉินถิงเซียวใจสั่น ก้มหน้าลงไปจูบเธออย่างทนไม่ไหว

มู่น่อนน่อนตาไวแนบมือดันหน้าผากเฉินถิงเซียว “เสี่ยวฉินอยู่”

เฉินถิงเซียวหันหน้าไป มองไปยังเฉินเจียฉินที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับโทรศัพท์มือถือซึ่งไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ และดวงตาฉายแววรังเกียจ

เฉินเจียฉินดูเหมือนจะรู้สึกตัวจึงเงยหน้าขึ้น และปะทะเข้ากับสายตาไม่ชอบใจของเฉินถิงเซียวพอดี

เฉินเจียฉินทำสีหน้าอธิบายไม่ถูกทันที เขาแค่นั่งเล่นอยู่ที่นี่เท่านั้น แล้วทำไมญาติผู้พี่ต้องทำท่าไม่ชอบใจด้วย

“เราไปกันเถอะ” เฉินถิงเซียวเอื้อมมือไปสัมผัสศีรษะมู่น่อนน่อน และลุกขึ้นพาเธอเดินออกไปข้างนอก

บอดี้การ์ดเอาสัมภาระของมู่น่อนน่อนไปไว้ที่รถแล้ว เฉินถิงเซียวให้วันหยุดสือเย่ คนขับรถเป็นคนที่มักจะขับรับส่งมู่น่อนน่อน

……

ในรถที่หน้าประตูเรือนจำ

“เฮ้ มู่น่อนน่อน”

มู่หวั่นชีเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเหลือบมอง ก่อนจะพบว่ามู่น่อนน่อนวางสายเธอไปแล้ว

หน้าตาเธอมีแต่ความโกรธ “มู่น่อนน่อนนังผู้หญิงราคาถูกกล้าวางสายใส่ฉัน!”

ซือเฉิงหยู้ที่อยู่ข้างๆ จิ้มดับควันในมือ พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเพราะฤทธิ์บุหรี่ “นิดหน่อยก็พอแล้ว กลับกันก่อนเถอะ”

ทันทีที่ซือเฉิงหยู้เปิดปากพูด ความกรุ่นโกรธบนใบหน้าของมู่หวั่นชีพลันหายไปทันที เธอเผยรอยยิ้มยั่วยวน เข้าไปอิงแอบซือเฉิงหยู้ “คุณใจดีกับฉันมากเหลือเกินค่ะ ฉันไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณคุณยังไงดี…”

เธอชอบซือเฉิงหยู้มากจริงๆ

หลังจากชอบซือเฉิงหยู้ เธอก็ไม่ได้ไปพวกผับบาร์เพื่อปาร์ตี้มั่วไปวันๆ อีก

เธอไม่คิดไม่ฝันว่าซือเฉิงหยู้จะคิดหาวิธีเอาเธอออกมาจากในนั้นจริงๆ

เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เธอสิ้นหวังมากจนคิดว่าจะต้องอยู่ในนั้นเป็นเวลาสามปี แต่ครู่เดียวจากนั้นปรากฏว่าถูกผู้ชายที่ตัวเองชอบพาออกมา

จากนรกสู่สรวงสวรรค์ มันก็แค่นี้เอง

มู่หวั่นชีอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของซือเฉิงหยู้ มือเล็กอ่อนปวกเปียกหมุนวนบนหน้าอกของเขา

เพียงแค่ได้กลิ่นลมหายใจของเขา เธอก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะแล้ว

“เฉิงหยู้…”

มู่หวั่นชีต้องการใกล้ชิดกับเขามากขึ้น โน้มตัวเข้าไปเพื่อจะจูบเขา

ซือเฉิงหยู้ขมวดคิ้ว เอียงศีรษะออกห่างริมฝีปากของเธอ แต่กลับไม่ได้ผลักเธอออก

จูบของมู่หวั่นชีตกลงที่คางของเขา แต่เธอไม่ได้สนใจสักนิด

เธอกดจูบไปตามคางของซือเฉิงหยู้…

มู่หวั่นชีเปิดซิงนานแล้ว และมักจะอยู่ในคลับต่างๆ รักสนุกแบบเปิดกว้าง

ซือเฉิงหยู้ไม่ยอมให้เธอจูบริมฝีปากของเขา แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ปล่อยให้เธอจูบเขา ไม่นาน มู่หวั่นชีก็รู้สึกว่าลมหายใจของเขาหนักขึ้น

มู่หวั่นชีก็เกิดความรู้สึกนานแล้ว เธอโน้มไปที่ใบหูของซือเฉิงหยู้ และพูดอย่างยั่วยวนว่า “เฉิงหยู้ คุณไม่ต้องการฉันเหรอ”

ซือเฉิงหยู้ส่งเสียงแหบแห้ง “ทำไมคุณร่านขนาดนี้”

ยิ่งมู่หวั่นชีได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็ยิ่งตื่นเต้นไปทั้งตัว เธอพูดเสียงแผ่ว “อืม…คุณชอบฉันที่เป็นแบบนี้ไหม…”

เธอคิดว่าซือเฉิงหยู้กำลังจะทนไม่ไหวในเร็วๆ นี้ แต่ปรากฏว่านาทีถัดไป เธอได้ยินซือเฉิงหยู้พูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่ชอบ โคตรขยะแขยง”

มู่หวั่นชีชะงักไป ก่อนจะเห็นชัดเจนว่าซือเฉิงหยู้แสดงสีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจเธอ

มู่หวั่นชีไม่สนใจความรังเกียจบนใบหน้าของเขา “แต่ว่า ร่างกายของคุณไม่ได้บอกฉันแบบนั้นนะคะ”

“ฉันอยาก…” มู่หวั่นชีหน้าตาเต็มไปด้วยความปรารถนา

ซือเฉิงหยู้ไม่ได้ผลักเธอออก ยอมรับความต้องการของเธอ

……

มู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวไปถึงบ้านเก่าแล้วก็ตรงไปพักผ่อนที่ห้องของเฉินถิงเซียว

ครั้งก่อนตอนที่มาที่นี่ ในห้องของเฉินถิงเซียวยังเป็นรูปแบบอย่างที่เขาอยู่ในวัยเด็ก ครั้งนี้มันถูกจัดใหม่แล้ว บรรยากาศดูเรียบง่ายขึ้นมาก

มู่น่อนน่อนจึงเกิดความรู้สึกเศร้าเสียดายเล็กน้อย

ตอนเที่ยง แม่บ้านมาเรียกพวกเขาไปทานอาหารกลางวัน

มู่น่อนน่อนไปถึงห้องอาหาร ก่อนจะพบว่าพวกเขามาถึงเป็นคนสุดท้าย

เพิ่งนิ่งลง ก็ได้ยินเสียงหนักแน่นของคุณปู่เฉินดังมา “เฉิงหยู้ล่ะ ทำไมเขาไม่มา”

“เฉิงหยู้ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าค่ะ คงจะเป็นเรื่องงานค่ะ” ที่พูดคือแม่ของซือเฉิงหยู้ เฉินเหลียน

คุณปู่เฉินสีหน้าไม่ดี แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

มู่น่อนน่อนนึกไปถึงที่มู่หวั่นชีโทรมาเมื่อเช้า แล้วความคิดก็แปรเปลี่ยน ซือเฉิงหยู้ไปทำงานงั้นเหรอ

เกรงว่าจะไปรับมู่หวั่นชีน่ะสิ!

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท