เฉินถิงเซียวได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไป จึงเป็นธรรมดาที่เฉินจิ่งหยุ้นจะเข้ามาจัดการเรื่องอื่น
เมื่อเฉินจิ่งหยุ้นได้ออกคำสั่ง ก็เป็นธรรมดาที่มีบอดี้การ์ดเข้ามาจับตัวสือเย่ไว้
สือเย่ไม่อยากจะเชื่อว่าเฉินจิ่งหยุ้นจะใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้:“คุณหนูเฉิน คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้! ต่อให้มู่น่อนน่อนจะไม่ใช่คุณหญิงน้อย แต่นั่นก็ชีวิตคนทั้งคนเลยนะ!”
เฉินจิ่งหยุ้นนั้นเกลียดมู่น่อนน่อนเข้ากระดูกดำ เมื่อได้ยินคำพูดของสือเย่ ใบหน้าของเธอก็เยือกเย็นขึ้น:“นายพูดถูก เป็นคนก็มีย่อมมีชีวิต แต่ชีวิตของมู่น่อนน่อนก็ขึ้นอยู่กับตัวของเธอเอง!”
สือเย่เฝ้าดูตลอดเส้นทางที่มู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวเดินมาด้วยกัน เห็นๆอยู่ว่าครอบครัวทั้งสามคนกำลังจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ขอบเขตการระเบิดนั้นอยู่แถวบริเวณนี้ ถ้าหาต่อไปจะต้องเจอมู่น่อนน่อนอย่างแน่นอน
แต่ถ้าตอนนี้เฉินจิ่งหยุ้นล้มเลิกการค้นหามู่น่อนน่อน โอกาสรอดของมู่น่อนน่อนแม้แต่สักนิดเดียวก็จะไม่มี
สือเย่ก็เป็นชายที่มีลูกมีภรรยา ยามปกตินั้นเป็นคนเข้มแข็ง แต่ยามนี้เบ้าตากลับแดงก่ำ:“คุณหนูเฉิน คุณทำแบบนี้ คุณผู้ชายจะต้องเกลียดคุณ ทำแบบนี้มีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์พี่น้องของพวกคุณทั้งสองคนยิ่งห่างเหิน”
เฉินจิ่งหยุ้นสีหน้าซีดเผือด:“เรื่องพี่น้องของพวกเรา ไม่ใช่เรื่องที่นายจะมาเสือก!”
ก็เพราะการมีชีวิตอยู่ของผู้หญิงอย่างมู่น่อนน่อน ความสัมพันธ์ของเธอกับเฉินถิงเซียวถึงได้ห่างเหินสั่นคลอน
มู่น่อนน่อนไม่อยู่เสียได้ก็ยิ่งดี!
สุดท้ายสือเย่ก็ถูกคนของเฉินจิ่งหยุ้นบีบบังคับให้ขึ้นเรือไป
เขาอยู่บนเรือได้หาโอกาสหยิบโทรศัพท์มา แล้วโทรหากู้จือหยั่น
กู้จือหยั่นก็รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนเกาะ คนนั้นก็ออกจากประเทศแล้ว
เมื่อรอให้เฉินจิ่งหยุ้นและพรรคพวกขึ้นมาถึงบก ก็เจอเข้ากับกู้จือหยั่น
กู้จือหยั่นเดินมาที่ด้านหน้าของเฉินจิ่งหยุ้นแล้วกล่าวถามเธอ :“ถิงเซียวเป็นอย่างไรบ้าง”
“มันเกี่ยวกับคุณอย่างไรมิทราบ น้องชายของฉัน ฉันดูแลได้” เฉินจิ่งหยุ้นเป็นเพราะเรื่องโรงแรมจีนติ่งในครั้งก่อน จึงทำให้ไม่ไว้หน้ากู้จือหยั่น
กู้จือหยั่นหรี่ตาลง สีหน้าเย็นชาเล็กน้อย:“ทางที่ดีคุณควรจะภาวนาให้ถิงเซียวลืมไปว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนที่ชื่อมู่น่อนน่อน ไม่อย่างนั้นเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา ก็คงเป็นวันจุดจบของคุณ”
เฉินจิ่งหยุ้นชะงักไปเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าเฉินถิงเซียวนั้นแคร์มู่น่อนน่อนมาก แต่เธอก็ไม่รู้สึกว่าเฉินถิงเซียวจะไม่สนใจใยสัมพันธ์ความเป็นพี่เป็นน้องกันของพวกเขา
“ฉันเป็นพี่สาวของถิงเซียว ความเป็นพี่เป็นน้องไม่มีสิ่งอื่นทดแทนได้” เฉินจิ่งหยุ้นเชิดคางขึ้น ใบหน้าหยิ่งผยอง
กู้จือหยั่นไม่อยากจะเสียเวลาเสวนากับเธออีก:“ปล่อยตัวสือเย่ออกมาเดี๋ยวนี้”
ถึงแม้ว่าเฉินจิ่งหยุ้นกับกู้จือหยั่นจะบาดหมางกัน แต่ว่าเมืองหู้หยางก็ใหญ่แค่นั้น ก้มหน้ามองไม่เห็นแต่เงยหน้าขึ้นมาก็ต้องเห็นหน้ากันอยู่ดี จึงไม่อาจจะทำน่าเกลียดไปมากกว่านี้
ครั้นแล้ว เธอจึงได้ให้คนปล่อยตัวสือเย่
เฉินจิ่งหยุ้นปล่อยตึวสือเย่แล้ว ก็พาคนและเฉินถิงเซียวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลท้องถิ่น
สองวันมานี้สือเย่นั้นไม่สามารถหลับตาได้ลง คนทั้งคนดูเหนื่อยล้ากระเซอะกระเซิง :“ประธานกู้ครับ”
กู้จือหยั่นถามเขาอย่างจริงจัง:“เหตุการณ์ในตอนนั้นเป็นอย่างไร”
“พูดแล้วเรื่องมันยาว ตอนนี้ผมเป็นห่วงที่สุดคือคุณหญิงน้อย คุณผู้ชายถูกคุณหนูเฉินรับตัวไป จะต้องให้เขาได้รับการรักษาอย่างดีที่สุด แต่ว่าคุณหญิงน้อยโอกาสรอดอาจจะ……”
ได้ยินคำพูดของสือเย่ กู้จือหยั่นขมวดคิ้วแน่น :“ขึ้นเรือก่อน”
พวกเขาขึ้นเรือเสร็จ กู้จือหยั่นราวกับคิดอะไรออกก็ไม่ปาน ได้ถามขึ้น :“มู่มู่ล่ะ”
“ถูกคุณหนูเฉินนำตัวไปแล้ว เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นพี่สาวแท้ๆของคุณผู้ชาย……” สำหรับจุดจุดนี้แม้แต่กู้จือหยั่นเองก็จนปัญญา
เฉินมู่ถูกเฉินจิ่งหยุ้นพาตัวไป ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
กู้จือหยั่นสูดลมหายใจเข้าลึก:“เอาเถอะ”
ไม่ว่าอย่างไร คนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว
เรือของกู้จือหยั่นเพิ่งจะเริ่มออกเดินทาง ก็เห็นเรือสองลำกำลังขับมาจากด้านหน้า
กู้จือหยั่นถามสือเย่:“นั่นเป็นเรืออะไร”
สือเย่มองดูสัญลักษณ์ครู่หนึ่งแล้วกล่าวขึ้น:“นั่นเป็นเรือของหน่วยกู้ภัย ที่เพิ่งจะแยกย้ายออกมาพร้อมกันเมื่อสักครู่นี้เอง”
……
ตอนที่ลงจากเรือนั้น กู้จือหยั่นมองดูบนเกาะที่ถูกทำลายจนเละเทะไปหมด แล้วในใจก็บีบรัดขึ้น
กู้จือหยั่นกัดฟันแล้วกล่าวขึ้น:“จงพลิกผืนแผ่นดินตรงนี้และค้นหาตัวมู่น่อนน่อนให้เจอ!”
“ครับ!”
ลูกน้องออกไปค้นหาคน กู้จือหยั่นกับสือเย่เองก็ไม่ได้ทำตัวว่างตามสบาย
พวกเขาอยู่บนเกาะค้นหาเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ และก็เพิ่มจำนวนคนในการค้นหาอย่างไม่หยุดหย่อน จนพลิกเกาะหาจนทั่วแล้ว อย่าว่าแต่มู่น่อนน่อนเลย แม้แต่หนูที่มีชีวิตรอดสักตัวเดียวก็หายังไม่เจอ
ทั้งสองคนมีความมุมานะเพียรพยายาม ต่อให้มู่น่อนน่อนจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็จะต้องหาตัวเธอให้เจอ
อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ
แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ พวกเขาค้นหามากว่าหนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน สามเดือน……
สุดท้ายก็ไม่เจอแม้แต่เงาหรือว่าร่างของมู่น่อนน่อน
……
เฉินถิงเซียวได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลท้องถิ่นมาระยะหนึ่งแล้ว จากนั้นก็ถูกส่งตัวไปที่ประเทศM
ก่อนที่จะไปประเทศM กู้จือหยั่นได้ไปเยี่ยมเฉินถิงเซียวหนึ่งครั้ง
บนตัวของเฉินถิงเซียวถูกสอดเต็มไปด้วยท่อ นอกจากใบหน้าที่ขาวซีดแล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่นที่แตกต่างอะไรกับการนอนหลับธรรมดา
กู้จือหยั่นนั่งอยู่ข้างหัวเตียง :“ผมพยายามแล้ว ผมกับสือเย่พลิกทั่วทั้งเกาะแล้ว ก็ยังหาตัวมู่น่อนน่อนไม่เจอ……คุณก็รีบตื่นมาเสียทีเถอะ เคยคุ้นชินกับการโดนคุณกดดัน ตอนนี้ไม่ค่อยคุ้นชินกับสภาพนี้เลย……”
กู้จือหยั่นคุยพึมพำกับเฉินถิงเซียว เฉินถิงเซียวก็ยังไม่ฟื้นตื่นขึ้นมา
ตอนที่ออกมานั้น เห็นเฉินจิ่งหยุ้นที่กำลังจะผลักประตู ด้านหลังของเธอยังมีบอดี้การ์ดสองสามคน
เธอเห็นกู้จือหยั่นออกมา แววตาจึงบึ้งตึง เห็นได้ชัดว่าไม่ต้อนรับการมาของเขา
สิ่งที่กู้จือหยั่นรำคาญที่สุดก็คือการชอบทำตัวหยิ่งผยองลำพองว่าตัวเองนั้นสูงส่งร่ำรวยของเฉินจิ่งหยุ้น
แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้ตอนนี้ เขาก็ไม่สามารถที่จะชักสีหน้าใส่เฉินจิ่งหยุ้นได้ จึงได้แต่กล่าวด้วยถ้อยคำดี ๆ:“ดูแลถิงเซียวกับเสี่ยวมู่มู่ให้ดี ๆ”
เฉินจิ่งหยุ้นที่กอดแขนทั้งสองข้างไว้ กล่าวด้วยน้ำเสียงแดกดัน:“ต้องให้คุณบอกด้วยเหรอ”
กู้จือหยั่นยิ่งมองหน้าเธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด จึงเดินอ้อมเธอแล้วจากไป
เฉินจิ่งหยุ้นหันหลังไปมองกู้จือหยั่นครู่หนึ่ง แล้วกำชับบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆว่า:“จะออกเดินทางไปประเทศMคืนนี้ รีบไปจัดการซะ”
“ครับ” บอดี้การ์ดรับคำสั่งแล้วก็จากไป
เฉินจิ่งหยุ้นผลักประตูเข้ามา แล้วยืนอยู่ที่ข้างเตียงมองดูเฉินถิงเซียวอยู่สักพัก เหมือนกับได้ตัดสินใจแล้ว หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรออกไปยังต่างประเทศ
“สวัสดี คุณหนูเฉิน”
“ฉันให้คุณติดต่อกับนักสะกดจิตคนนั้น แน่ใจนะว่าได้ผล”
“คุณหนูเฉินโปรดวางใจได้เลย นักสะกดจิตคนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงระดับโลก คนธรรมดาทั่วไปส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะได้เจอตัวเขา เขาเป็นมืออาชีพแท้จริงอย่างแน่นอน!”
“อย่างนั้นก็ดี”
เฉินจิ่งหยุ้นวางสายลงแล้วกุมโทรศัพท์อย่างเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เบนสายตาทอดมองไปยังตัวของเฉินถิงเซียวอีกครั้ง
“ถิงเซียว พี่ทำเพื่อหวังดีต่อนาย ผู้หญิงอย่างมู่น่อนน่อนนั้นมีอะไรดี เมื่อนายฟื้นขึ้นมาก็จะกลายเป็นคนใหม่ที่สมบูรณ์แบบ นายคือความภาคภูมิใจของตระกูลเฉิน พวกเราจะต้องทำให้ตระกูลเฉินรุ่งเรืองยิ่งขึ้น……”
เฉินจิ่งหยุ้นเป็นผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยาน
เธอมีความสามารถโดดเด่น แต่ในด้านธุรกิจ เฉินถิงเซียวยังคงเหนือกว่า
เรื่องที่เธอจัดการไม่ได้ ก็จะให้เฉินถิงเซียวเป็นคนจัดการ
สิ่งที่เธอทำทุกอย่างเพียงเพื่อต้องการให้ตระกูลเฉินเจริญรุ่งโรจน์ต่อไป
เฉินถิงเซียวในฐานะผู้นำของบริษัทเฉินซื่อ ทุกอย่างที่มีควรจะต้องให้สมกับฐานะและหน้าตาของเขา