ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 428 มีความต้องการจะควบคุมทุกอย่างที่สุดยอดมาก

บทที่ 428 มีความต้องการจะควบคุมทุกอย่างที่สุดยอดมาก

หลังจากที่มู่น่อนน่อนเดินออกไปแล้ว สือเย่ก็ไปที่ห้องทำงานของเฉินถิงเซียว

สือเย่มองสภาพของห้องออกไปรอบๆ ประคองเก้าอี้ขึ้นมาจากพื้นไปเงียบๆ แล้วดันเข้าไปด้านหลังของเฉินถิงเซียว

เฉินถิงเซียวนั่งลงไป สีหน้าเขียวปั้ด

น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกออกมา “มู่น่อนน่อนผู้หญิงคนนั้น นายเรียกมา?”

ภายในใจของสือเย่กระตุกขึ้นมา สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ครับ”

เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมองเขา สายตาดุดัน “ฉันไม่สนว่าเมื่อก่อนระหว่างฉันกับเธอเคยเกิดอะไรขึ้นมา แต่ต่อจากนี้ไปไม่มีคำอนุญาตจากฉัน ฉันไม่อนุญาตให้เรียกผู้หญิงคนนั้นมาที่บ้านฉันอีก”

สือเย่อ้าปากออกมาเล็กน้อย คำพูดที่อยากจะพูดพอมาถึงที่ตรงปากก็ได้เปลี่ยนไป แล้วจึงตอบรับออกไปอย่างว่าง่าย “ครับ ผมเข้าใจแล้ว”

ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มู่น่อนน่อนทำอะไรกับเฉินถิงเซียวลงไป แต่เห็นท่าทางเฉินถิงเซียวโมโหขนาดนี้ สือเย่รู้ว่าตอนนี้จะต้องว่าตามคำพูดของเฉินถิงเซียวไป

นิสัยใจคอของเฉินถิงเซียว เขาเข้าใจดีที่สุดแล้ว

เฉินถิงเซียวได้ยินดังนั้นแล้ว จึงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “ออกไปซะ”

สือเย่ผันร่างออกไป ตอนที่ปิดประตูลงไป ก็เห็นเฉินถิงเซียวหยิบตะเกียบขึ้นมากินบะหมี่

สือเย่ที่กำลังปิดประตูได้หยุดชะงักไปเล็กน้อย

เมื่อกี้ยังพูดอยู่เลยไม่ใช่เหรอว่า ไม่มีคำอนุญาตจากเขา ต่อจากนี้ไปก็อย่าให้มู่น่อนน่อนมาที่บ้าน?

พูดเสียหนักแน่นขนาดนั้น แต่ตอนนี้กลับกำลังกินบะหมี่ที่มู่น่อนน่อนทำอยู่?

ดังนั้นแล้ว เขาจะต้องเรียกมู่น่อนน่อนมาที่บ้านของเฉินถิงเซียวอีกหรือเปล่า?

……

ตอนที่มู่น่อนน่อนขับรถไปที่บ้านของเสิ่นเหลียง เสิ่นเหลียงกับเฉินมู่ทั้งสองคนยังดูการ์ตูนกันอยู่อย่างสนุกนาน

เวลาก็ปาไปสิบเอ็ดโมงกว่าไปแล้ว ทั้งสองคนดูกันจนหัวเราะเสียงดังกันขึ้นมา มองไปแล้วดูสดใสสุดๆไปเลย

เสิ่นเหลียงได้ยินเสียงเปิดประตู จึงหันหน้ามองไปทางที่มู่น่อนน่อนอยู่ “น่อนน่อน เธอกลับมาแล้ว”

“ยังดูทีวีกันอยู่” มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป แล้วนั่งลงไปข้างๆเฉินมู่

เฉินมู่เอี้ยวหน้ามองเธอมาแวบนึง แล้วส่งเสียงเรียกไปอย่างขอไปทีสุดๆ “คุณแม่”

ต่อจากนั้นก็ได้หันหน้าไปดูการ์ตูน

มู่น่อนน่อนหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เธอไม่มีเสน่ห์น่าดึงดูดมากเท่าการ์ตูนอย่างที่คิดจริงๆด้วย

เสิ่นเหลียงอ้อมจากทางด้านหลังร่างของเฉินมู่เข้ามา แล้วนั่งลงไปที่ข้างๆมู่น่อนน่อน พลางเอ่ยเสียงเบาออกไป “มู่มู่หลอกล่อง่ายมากเลย”

“ลำบากแล้ว” มู่น่อนน่อนเอ่ยเสียงเบาออกมา

เสิ่นเหลียงถือโอกาสถามออกไปประโยคนึง “บอสใหญ่เป็นยังไงบ้าง?”

“ถึงแม้ว่าจะสูญเสียความทรงจำไปก็ยังเป็นคุณชายเฉินอยู่ เจ้าอารมณ์สุดๆไปเลย” มู่น่อนน่อนนึกถึงเรื่องที่เฉินถิงเซียวทำลงไปก่อนหน้านี้เหล่านั้นขึ้นมา ก็เอือมระอาอยู่บ้างเล็กน้อย

มู่น่อนน่อนพูดกับเสิ่นเหลียงออกไปง่ายๆสองประโยค แล้วก็พาเฉินมู่ไปนอน

เวลามันดึกมากแล้ว อันที่จริงเฉินมู่เพียงแค่ดูมีชีวิตชีวาไปเท่านั้นเอง เธอง่วงตั้งนานแล้ว เพียงแต่พยายามฝืนอย่างหนักที่จะดูการ์ตูน

เฉินมู่นอนหลับไปเร็วมาก

กล่อมเฉินมู่หลับไป มู่น่อนน่อนจึงได้ไปล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำ

ตอนที่ออกมา เธอกึ่งๆพิงเข้าไปหัวเตียง มองจ้องเฉินมู่อยู่นาน

เฉินมู่กับเฉินถิงเซียวหน้าคล้ายกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาคู่นั้นแล้ว

นึกไปถึงเฉินถิงเซียวแล้ว มู่น่อนน่อนก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจออกมาอีกเล็กน้อย

วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมามากมาย ไม่ให้เวลาให้มู่น่อนน่อนได้ตอบสนองออกไปเลย ก็ได้ถูกบีบให้ต้องยอมรับสภาพปัจจุบันของตัวเอง และสภาพปัจจุบันของเฉินถิงเซียวไปเสียแล้ว

เห็นสภาพอย่างนั้นของเฉินถิงเซียว ภายในใจของเธอมันทุกข์ใจมาก แต่ว่าตอนนี้กลับไม่ใช่เวลาที่จะมาทุกข์ใจ

เฉินมู่ต้องการเธอ เฉินถิงเซียวก็ต้องการเธอด้วยเช่นกัน

เมื่อก่อนล้วนเป็นเฉินถิงเซียวที่คอยวางแผนเรื่องทั้งหมดเอาไว้เสร็จสรรพ แต่ครั้งนี้ ก็ให้เธอช่วยเขา

มู่น่อนน่อนหลุบตาลง หยิบโทรศัพท์มา หาเบอร์ของเฉินถิงเซียวในรายชื่อผู้ติดต่อ แล้วส่งข้อความไปให้เขา “ฝันดี”

หลังจากที่ข้อความส่งออกไปแล้ว เธอก็ได้มองโทรศัพท์ไปอย่างเหม่อลอย

ผ่านไปหลายนาที จู่ๆโทรศัพท์เธอก็สั่นขึ้นมา

มู่น่อนน่อนใจเต้นขึ้นมา หันไปมองโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้นขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่ก็พบแค่เพียงข้อความที่โอเปอเรเตอร์ส่งเข้ามาเท่านั้น

ค่อยๆเป็นค่อยๆไปแล้วกัน

……

วันต่อมา

มู่น่อนน่อนติดต่อกับสือเย่ไปแป๊บนึง บอกเรื่องการสะกดจิตที่ได้สอบถามมาจากลี่จิ่วเชียนออกไปเล็กน้อย

สือเย่ก็ได้บอกเรื่องที่เฉินจิ่งหยุ้นพาเฉินถิงเซียวไปสะกดจิตกับมู่น่อนน่อนไปด้วยเช่นกัน

มู่น่อนน่อนหลังจากที่ได้ยินแล้ว ก็เงียบไปหลายวิ จากนั้นก็เอ่ยออกมา “เธอพยายามทุกวิถีทางเลยจริงๆ”

เฉินจิ่งหยุ้นเกลียดเธอขนาดนี้เลยเหรอ?

อันดับแรกคืออยากจะให้เธอตาย ต่อมาก็พาเฉินถิงเซียวไปรับการสะกดจิตปิดล็อกความทรงจำ

ถึงแม้ว่าเฉินจิ่งหยุ้นจะไม่ได้ลงมือกับมู่น่อนน่อนไปตรงๆ แต่ทั้งหมดนี้ที่เฉินจิ่งหยุ้นทำไป มันล้วนแล้วแต่จะเป็นละครปาหี่ที่ฆ่าคนอย่างเลือดเย็นทั้งนั้นเลย

มู่หวั่นขีเผยความอยากที่จะฆ่ามู่น่อนน่อนไปเสียออกมาอย่างโจ่งแจ้ง แต่วิธีของเฉินจิ่งหยุ้นมันเลิศล้ำกว่าหน่อย ตีไปที่ตำแหน่งสำคัญของมู่น่อนน่อนเพื่อให้จอดสนิทไปในทันที

เพียงแต่ว่าเฉินจิ่งหยุ้นก็ยังคำนวณผิดพลาดอยู่ดี

มู่น่อนน่อนไม่มีทางปล่อยให้เธอทำสำเร็จ เธอจะต้องทำให้เฉินถิงเซียวดีขึ้นมาให้ได้

“แน่ใจเหรอว่าเฉินจิ่งหยุ้นไม่ได้พูดโกหก? เธอไม่เคยเห็นหน้าของคุณหมอหลี่คนนั้นมาก่อนจริงๆ หรือว่านั่นมันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างหนึ่งของเธอเท่านั้น?”

เฉินจิ่งหยุ้นเป็นผู้หญิงฉลาดคนหนึ่ง เธอทำอะไรก็ระมัดระวังเป็นอย่างมาก

เมื่อตอนนั้นเธอหาคุณหมอสะกดจิตคนนั้น มาปิดล็อกความทรงจำของเฉินถิงเซียว เรื่องนี้มันจะต้องทำไปโดยรักษาความลับเอาไว้อย่างแน่นหนา

ในเมื่อเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะถูกคนอื่นรู้ เธอจะยอมตกลงให้เขามาสะกดจิตให้กับเฉินถิงเซียวไปโดยที่เธอไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้าคุณหมอสะกดจิตคนนั้นได้ยังไงกันล่ะ?

ในเมื่อเฉินจิ่งหยุ้นกลัวว่าเรื่องมันจะเปิดเผยออกมา แน่นอนว่าจะต้องคิดวิธีการที่รอบคอบสุดๆมา และจะต้องกำจุดอ่อนของคุณหมอสะกดจิตคนนั้นเอาไว้ในมือสักหน่อยไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้คุณหมอสะกดจิตคนนั้นทรยศกันขึ้นมา

สือเย่ชะงักไปเล็กน้อย แล้วพูดออกมาเพียงแค่ประโยคเดียวออกมา “…คงจะไม่ได้โกหกหรอกรับ”

เฉินจิ่งหยุ้นเมื่อตอนนั้นแม้แต่ชีวิตก็ยังได้รับถึงภัยคุกคามไปหมด จะยังพูดโกหกออกมาได้ยังไง

แต่ว่าตอนนั้นเฉินถิงเซียวพยายามจะบีบคอเฉินจิ่งหยุ้นให้ตาย เรื่องนี้ สือเย่กำลังคิดชั่งน้ำหนักอยู่ในใจไปแป๊บนึง ก็เลือกที่จะไม่พูดออกไปดีกว่า

“อืม” ปากของมู่น่อนน่อนถึงแม้ว่าจะพูดไปอย่างนี้ แต่ภายในใจของเธอหมายมั่นแล้วว่าจะไปหาเฉินจิ่งหยุ้นสักหน่อย

วางสายไป มู่น่อนน่อนหันหน้าไป ก็เห็นเฉินมู่กับเสิ่นเหลียงที่ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังนั่งจ้องเธอตาปริบๆอยู่ที่บนโซฟา

มู่น่อนน่อนตะลึงงันไปแป๊บนึง แล้วยิ้มพลางเอ่ยออกไป “อรุณสวัสดิ์”

“อรุณสวัสดิ์” เฉินมู่เพิ่งตื่น เสียงบางๆ เสียงอ้อแอ้เล็กๆน่ารักมากเลย

“อาหารเช้าทำเสร็จแล้ว ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็กินได้แล้ว” มู่น่อนน่อนพูด จากนั้นก็เดินเข้าไปอุ้มเฉินมู่เข้าห้องน้ำไป

เฉินมู่ล้างหน้าเสร็จ ก็วิ่งออกมาที่ห้องรับประทานอาหาร

มู่น่อนน่อนล้างมือเสร็จ จากนั้นก็เอ่ยกับเสิ่นเหลียงออกมา “อีกเดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย จะไปหาเฉินจิ่งหยุ้น”

“หาหล่อนไปทำไม?” เสิ่นเหลียงเยาะหยันออกมา “คุณหนูใหญ่มู่คนนั้น หล่อนเป็นถึงพี่สาวที่มีความต้องการจะควบคุมทุกอย่างที่สุดยอดมากคนหนึ่ง เธอไปหาหล่อน หล่อนจะสามารถมีท่าทีดีๆกับเธอได้เหรอ?”

มู่น่อนน่อนยิ้มออกมาเล็กน้อย ในดวงตาได้เผยความเยือกเย็นออกมา “พูดเสียเหมือนกับว่าฉันจะแสดงท่าทีดีๆให้กับหล่อนอย่างนั้นแหละ”

“จุ๊ๆ น้ำเสียงนี้ของเธอไม่ค่อยจะเหมือนมู่น่อนน่อนที่ฉันรู้จักเลยนะ” เสิ่นเหลียงเอียงหัวมองเธอ ในน้ำเสียงได้ประดับไปด้วยการยั่วเย้าอยู่เล็กน้อย

“พวกเรารู้จักกันมาตั้งหลายปีขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ตอนนี้ฉันเป็นแม่ของมู่มู่ และก็เป็นภรรยาของเฉินถิงเซียวด้วย…”

มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย “เกือบจะลืมไปเลยว่าเฉินจิ่งหยุ้นได้ช่วยให้ฉันกับเฉินถิงเซียวหย่ากันไปแล้ว”

เสิ่นเหลียงส่งเสียง “เอ๊ะ” ออกมา แตะแขนของตัวเองไปอย่างโอเวอร์ “น่อนน่อน น้ำเสียงนี้ของเธอนับวันจะยิ่งเหมือนกับพ่อของมู่มู่ไปเรื่อยแล้วนะ ฟังแล้วมันช่างทำให้คนอื่นเขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเลย”

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท