ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 455 ห้ามพยุงเธอ

บทที่ 455 ห้ามพยุงเธอ

เมื่อเห็นว่าตำรวจเอาแต่จ้องเธอ มู่น่อนน่อนก็เลยต้องเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปทางตำรวจ ก่อนจะถามว่า “ทำไมคุณต้องมองฉันแบบนั้นด้วย”

ทางตำรวจถามว่า “เมื่อกี้นี้คุณกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับเฉินถิงเซียวเหรอ?”

ในตอนนั้นมู่น่อนน่อนยังไม่ได้สติมากนัก เธอก็เลยยอมรับไปทันที “ใช่แล้ว”

ตำรวจจึงถามต่อทันที “เฉินถิงเซียวที่เป็นประธานบริษัทเฉินซื่อ? คุณชื่อมู่น่อนน่อน?”

“อืมอืม” เพราะว่าตำรวจถามสองคำถาม มู่น่อนน่อนก็เลยตอบ “อืม” ไปสองครั้ง

ดวงตาของตำรวจก็เปล่งประกายในทันที

เพราะว่าตื่นเต้น เขาก็เลยโน้มตัวไปข้างหน้า เลยทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับมู่น่อนน่อนน้อยลง

เขาพูดเน้นย้ำทีละคำ และถามมู่น่อนน่อนอย่างจริงจังว่า “งั้นคุณ…ก็คือคนเขียนบทเรื่องเมืองพังใช่ไหม?”

มู่น่อนน่อนจ้องมองไปทางตำรวจอยู่พักหนึ่ง คงจะรู้สึกว่าเครื่องแบบบนตัวเขานั้นดูมีอำนาจมาก เธอก็เลยพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “อืม”

เมื่อตำรวจได้ยินว่าเธอพูดแบบนี้ เขาก็กำหมัดแล้วทุบใบบนโต๊ะด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็ถามเธอต่อว่า “คุณมู่ ผมมีเรื่องจะถาม เรื่องเมืองพังตอนสุดท้ายของภาคแรก ทำไมเว่ยซิงเฉินถึงโดนจับเขาคุก เพราะเขาไปก่อคดีมาจริงๆ เหรอ หรือว่ามีคนตั้งใจจะใส่ร้ายเขา?”

มู่น่อนน่อนพูดพึมพำว่า “เรื่องเมืองพังตอนสุดท้าย?”

“ใช่แล้ว!” ทางตำรวจมองไปที่เธอด้วยใบหน้าที่คาดหวัง

“พวกคุณก็ดูเรื่องเมืองพังเหรอ ขอบคุณที่สนับสนุนนะ” มู่น่อนน่อนยิ้มเป็นพิธีให้กับทางตำรวจ

เรื่องเมืองพังเป็นละครระทึกขวัญ ที่มีองค์ประกอบการสอบสวนคดีอาญาร่วมอยู่เล็กน้อย แต่เนื่องจากเธอมีความรู้ในเรื่องนี้ไม่เพียงพอ เธอจึงค้นหาข้อมูลมากมาย แต่เธอก็กังวลอยู่เสมอว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ดังนั้น เธอจึงพยายามหลีกเลี่ยงการเขียนเกี่ยวกับการสอบสวนคดีอาญา ส่วนใหญ่ก็เลยจะละเลยส่วนนี้ไป

“ไม่ใช่ คุณช่วยบอกผมหน่อย ว่าทำไมเว่ยซิงเฉินถึงโดนจับเข้าคุก!” สีหน้าของตำรวจดูร้อนรน

มู่น่อนน่อนจ้องไปที่เขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ตอนที่เว่ยซิงเฉินต้องเข้าคุก ก่อนหน้านั้นก็ได้เล่าไปแล้ว ถ้าเกิดว่าคุณตั้งใจติดตามเรื่องนี้จริงๆ คุณก็น่าจะรู้เรื่องนะ”

ในตอนนั้น ตำรวจหญิงคนนึงก็เดินผ่านมาพอดี เหมือนว่าเธอจะเอาเอกสารมาให้ตำรวจคนนี้

เมื่อเธอเห็นมู่น่อนน่อน ตำรวจหญิงคนนั้นก็ถามว่า “คดีอะไร?”

“คดีเล็กๆ น้อยๆ” หลังจากตำรวจพูดจบ เขาก็หันไปถามมู่น่อนน่อนต่อ “คุณมู่ ที่คุณพูดผมเข้าใจ คุณก็รู้ว่าช่วงแรกมีอุปสรรคอยู่มากมาย แล้วก็มีเส้นเรื่องอยู่หลายเส้น ไม่ว่าจะเอาเส้นเรื่องไหนมาอธิบายมันก็อธิบายได้อย่างเจ็บปวด ซึ่งมันมีการโต้เถียงกันเยอะมาก ผมก็เลยอยากจะทราบคำตอบอย่างเป็นทางการ”

ตอนที่ตำรวจหญิงคนนั้นกำลังจะเดินจากไป เมื่อได้ยินเขาพูดประโยคนี้ เธอก็เลยเข้ามาร่วมด้วย “พวกคุณกำลังพูดคุยเรื่องเมืองพังเหรอ?”

ทางตำรวจแนะนำให้เธอรู้จักด้วยความตื่นเต้น “คุณมู่ คนเขียนบทละครเรื่องเมืองพัง”

ตำรวจหญิงเบิกตาโตด้วยความตกใจ และเธอก็นั่งลงข้างๆ เขา “ฉันก็มีคำถามเหมือนกัน…”

จากนั้นก็มีคนอื่นตามมาเรื่อยๆ ทุกคนล้อมรอบมู่น่อนน่อนและถามนั่นถามนี่

ในช่วงนี้มู่น่อนน่อนกำลังเตรียมตัวกับละครเรื่องเมืองพังภาค2 เธอก็เลยดูเรื่องเมืองพังตั้งแต่แรกจนจบไปหลายครั้ง ดังนั้นเธอจึงรู้เรื่องเนื้อหาและรายละเอียดทุกส่วนอย่างชัดเจน

คำถามของพวกเขา เธอก็ให้คำตอบได้ทั้งหมด

แต่ว่า เรื่องที่พวกเขาอยากจะรู้ว่าทำไมพระเอกอย่างเว่ยซิงเฉินถึงโดนจับเข้าคุก เธอไม่ได้พูดถึงเลย

นี่คือจุดขายหลักของละครเรื่องเมืองพังภาค2 ยังไงเธอก็จะไม่เล่าให้พวกเขาฟัง

ตอนที่เฉินถิงเซียวมาถึง เขาก็เห็นถึงสถานการณ์แบบนั้น

มีตำรวจกลุ่มหนึ่งมายืนล้อมตัวมู่น่อนน่อนไว้ ก่อนจะถามคำถามอย่างกระตือรือร้น

มู่น่อนน่อนเองก็ตอบข้อสงสัยของพวกเขาอย่างอดทน

เมื่อเฉินถิงเซียวเห็นภาพนั้น เขาก็เกือบจะสงสัยว่ามู่น่อนน่อนแค่สร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นเพื่อหลอกเขา เธอก็เลยจงใจมาที่สถานีตำรวจ

แต่ภายในใจของเขาก็รู้ดีว่า เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

คนที่มาพร้อมกับเฉินถิงเซียว ก็ยังมีสือเย่

ตำรวจที่เป็นคนลงบันทึกประจำวันให้กับมู่น่อนน่อน เขาเป็นคนแรกที่เห็นเฉินถิงเซียวและสือเย่ เขาไอออกมาก่อนจะพูดว่า “จะมาล้อมกันไว้ทำไม? ไม่มีงานให้ทำกันเหรอ?”

ตำรวจกลุ่มนั้นจึงได้แยกกันเดินจากไป

ตอนที่มู่น่อนน่อนหันกลับมา เห็นเฉินถิงเซียว ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายทันที

เธอลุกขึ้นยืน และอยากจะเดินไปหาเฉินถิงเซียว

แต่ว่า เพียงแค่เธอลุกขึ้น เธอก็รู้สึกมึนหัวทันที เธอยืนโซเซก่อนที่จะล้มไปทางข้างหน้า

เฉินถิงเซียวก้าวไปรับตัวเธอไว้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเขาเข้าใกล้เธอ เขาก็ได้กินแอลกอฮอล์มาจากบนตัวเธอ

มู่น่อนน่อนรับรู้ถึงกลิ่นอายบนตัวของเขาที่คุ้นเคย เธอจึงเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้กับเขา ก่อนจะยื่นมือไปจับคอเสื้อของเขาไว้ “คุณมาจริงๆด้วย”

ในตอนที่เธอพูด ก็มีกลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาด้วย

เฉินถิงเซียวขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะผลักมู่น่อนน่อนไปนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทีที่รังเกียจ จากนั้นก็หันหน้าไปพูดกับสือเย่ “ไปจัดการซะ”

“ครับ”

สือเย่ตอบรับ ก่อนจะไปจัดการเรื่องทั้งหมด เพื่อประกันตัวมู่น่อนน่อนออกมา

หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จ เฉินถิงเซียวก็หันไปพูดอย่างเย็นชากับมู่น่อนน่อน “ยังไม่ไปอีกเหรอ? อยากให้ผมพยุงคุณหรอ?”

มู่น่อนน่อนที่ยังไม่ได้สติ เธอก็เชื่อฟังหัวใจของตัวเอง ก่อนจะพยักหน้ารับ “อืม”

“เหอะ!” เฉินถิงเซียวยิ้มอย่างเยือกเย็น ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกทันที

“เฮ้ย!” มู่น่อนน่อนลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินโซเซเพื่อตามเฉินถิงเซียวให้ทัน

แต่ว่า ใจเธอต้องการจะทำแบบนั้นแต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนอง

เธอรู้สึกมึนหัวมาก ตอนที่เธอเดินก็โซซัดโซเซ

สือเย่เห็นแบบนั้น เขาก็เลยอยากจะเดินไปพยุงเธอ

ใครจะไปคิด ว่าเฉินถิงเซียวที่เดินนำหน้าอยู่ ก็เหมือนจะมีดวงตาอยู่ด้านหลัง เขาหยุดเดินแต่ก็ไม่ได้หันกลับมา ก่อนจะพูดออกไปว่า “ห้ามพยุงเธอ”

มือของสือเย่ที่ยื่นออกไปได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็ค่อยๆ ดึงมือกลับมา ก่อนจะพูดกับมู่น่อนน่อนด้วยเสียงเบาๆ “คุณหญิง คุณระวังด้วยนะครับ ค่อยๆ เดินนะครับ”

“ไม่ได้” มู่น่อนน่อนเดินไวขึ้น “เฉินถิงเซียวไปไหนแล้ว ฉันจะต้องรีบเดินไปหาเขา”

ร่างสูงใหญ่ที่เดินอยู่ข้างหน้าชะงักไปครู่หนึ่ง และเขาก็เดินช้าลงอย่างคาดไม่ถึง

มู่น่อนน่อนเดินโซเซจนตามเขาทัน จากนั้นก็จับมือเฉินถิงเซียวไว้แน่น

เฉินถิงเซียวปล่อยมือของตัวเองลง แต่เขาก็ไม่ได้สะบัดมือเธอทิ้ง

ผู้หญิงที่ดื่มจนเมา เขาไม่รู้ว่าเธอไปเอาแรงที่มากมายแบบนี้มาจากไหน

เขาหันหน้าไป ก็เจอกับมู่น่อนน่อนที่กำลังยิ้มอย่างซื่อบื้อ “จับตัวคุณได้แล้ว”

เธอพูดได้ค่อนข้างช้า ก็เลยให้ความรู้สึกซื่อบื้อแอบแฝงอยู่

ไม่ใช่แค่เวลาที่เธอพูดที่มีความรู้สึกซื่อบื้อแอบแฝงอยู่ แม้แต่ท่าทีของเธอในตอนนี้ก็มีความรู้สึกซื่อบื้อแอบแฝงอยู่เหมือนกัน

เฉินถิงเซียวสะบัดมือเธอออกไปไม่ได้ เขาจึงต้องยอมเดินไปข้างหน้าโดยที่เธอยังเกาะแขนของเขาไว้

มู่น่อนน่อนรู้สึกมึนหัวมากๆ เธอก็เลยใช้มือทั้งสองข้างกอดไปที่แขนของเขา เธอเอนร่างกายเกือบทั้งหมดไปพิงอยู่บนร่างกายของเขา แล้วก็ใช้พลังของเขามาช่วยในการเดินไปข้างหน้า

เฉินถิงเซียวรู้สึกว่าความอดทนของเขาใกล้จะถึงขีดสุดในวินาทีต่อไปนี้

แต่ พอถึงวินาทีต่อไป เขาก็เกลี้ยกล่อมตัวเองบอกว่าให้อดทนอีกหนึ่งวินาที

และเขาก็เดินไปแบบนี้ โดยที่มีมู่น่อนน่อนกอดอยู่ตรงแขนจนไปถึงลานจอดรถ

สือเย่เดินไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตูรถให้เขา

เฉินถิงเซียวยื่นมือออกไป เขาอยากจะดึงมือของมู่น่อนน่อนออก

แต่…เขากลับดึงมือของมู่น่อนน่อนออกมาไม่ได้

เฉินถิงเซียวหลับตาลง ในน้ำเสียงของเขาแอบแฝงไปด้วยความโกรธ “นี่คุณจะกอดแขนผมไว้แบบนี้จนถึงวันฉลองปีใหม่เลยเหรอ?”

มู่น่อนน่อนหรี่ตาลง เธอดูเหมือนใกล้จะหลับแล้ว “ทำไมต้องฉลองวันปีใหม่กับแขนของคุณด้วย ฉันจะฉลองวันปีใหม่กับคุณ”

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท