มู่น่อนน่อนทุบกำปั้นใส่เขาก็ไม่มีประโยชน์
เฉินมู่นอนหลับอยู่ด้านนอก เธอไม่กล้าส่งเสียงร้องออกมา
ทั่วทั้งร่างล้วนถูกเฉินถิงเซียวควบคุมเอาไว้ ไม่มีช่องว่างให้โต้กลับแม้แต่น้อย
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินถิงเซียว
…….
เมื่อเสร็จกิจ เฉินถิงเซียวก็อุ้มเธอไปอาบน้ำ
มู่น่อนน่อนโมโหมาก บิดเอวเขา แต่กลับถูกเฉินถิงเซียวคว้าหมับเข้าที่มือของเธอ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย “ยังอยากจะทำอีกรอบ?”
มู่น่อนน่อนมือสั่นเล็กน้อย ไม่กล้าขยับสุ่มสี่สุ่มห้า
เฉินถิงเซียวหัวเราะเสียงเบา “กลัวอะไร”
วันนี้เฉินถิงเซียวอารมณ์ดีมากจริงๆ
นี่คือท่าทางที่มู่น่อนน่อนไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว
เธอยื่นมือไปลูบหน้าเฉินถิงเซียว เอ่ยเสียงเบาว่า “หลังจากนี้ก็ต้องมีความสุขนะ”
เฉินถิงเซียวแค่นเสียงเย็น “คำพูดนี้ฟังดูเหมือนกับคำสั่งเสีย ผมไม่ชอบฟัง”
“……” บรรยากาศงดงามถูกทำลายลงได้สำเร็จด้วยประโยคเดียวของเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนผลักเขา “คุณออกไป ฉันอาบเอง”
หางตาของเฉินถิงเซียวแฝงไปด้วยรอยยิ้ม มองดูแล้วเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “คุณอาบเองได้หรือ”
……..
ตอนที่ทั้งสองคนกลับไปที่ห้องนอน ก็เป็นช่วงเวลาก่อนฟ้าสางแล้ว
มู่น่อนน่อนนอนลงบนเตียง รู้สึกว่าตัวเองได้รับชีวิตใหม่
เธอนอนหงายอยู่บนเตียง เฉินถิงเซียวหันหน้านอนตะแคง สายตาตกลงบนร่างเธอ ระหว่างพวกเขามีเฉินมู่กั้นอยู่
เด็กหญิงหลับลึกมาก มือน้อยๆอยู่ข้างหู ทั้งยังกรนเสียงเบา
มู่น่อนน่อนได้ยินเสียงกรนเบาๆของเธอแล้วก็รู้สึกว่าน่ารัก อดไม่ได้ที่จะตะแคงร่างหันไปมองเธอ
ผลลัพธ์ก็คือ เมื่อหันหน้าไปก็เห็นเฉินถิงเซียว
เธอเขยิบตัวลงไปด้านล่างเล็กน้อย ก็จะไม่เห็นหน้าเฉินถิงเซียวแล้ว
เธอดึงเฉินมู่เข้ามาในอ้อมแขนตัวเองด้วยความระมัดระวัง และหลับตาลงด้วยความพึงพอใจ
ผลลัพธ์ก็คือในระยะเวลาอันสั้น ริมฝีปากเธอก็ถูกจุมพิต เธอยังรู้สึกได้ถึงตอหนวดที่เพิ่งขึ้นมาของชายหนุ่มจิ้มลงบนคาง
เธอลืมตา เฉินถิงเซียวลูบศีรษะเธอ “นอนเถอะ”
หลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้เก็บมือกลับไป
ระหว่างกลางถูกคั่นด้วยเฉินมู่ เขาก็ยังจะยื่นมือที่ยาวขนาดนั้นมากอดเธอ ลำบากเขาแล้วจริงๆ
……..
เช้าวันรุ่งขึ้น คนที่ตื่นขึ้นมาแรกสุดคือเฉินมู่
เธอลืมตาขึ้นมา จ้องเพดานอยู่ครู่หนึ่ง ก็พบว่านี่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง
สีผ้าห่มก็น่าเกลียด ไม่ใช่ผ้าห่มผืนสีชมพูของเธอ
อีกทั้งข้างเธอก็มีสิ่งที่แผ่อุณหภูมิอุ่นๆออกมา
เธอยื่นมือไปยิ้มเจ้าสิ่งที่แผ่ไอความร้อน ก็พบว่ามันขยับได้
ต่อมา เหนือศีรษะเธอก็มีเสียงคุ้นหูดังขึ้น “เฉินมู่”
เธอเงยหน้าก็เห็นใบหน้าเย็นชาของเฉินถิงเซียว
แต่ว่า เฉินถิงเซียวที่เพิ่งจะตื่นนอนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง มองดูแล้วไม่เหมือนกับยามปกติที่มีพลังโจมจีขนาดนั้น
เฉินมู่จึงไม่ได้กลัวเขาขนาดนั้น
การนอนหลับในครั้งนี้ของเธอดีมากเป็นพิเศษ ไม่ร้องไห้โวยวาย เอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มๆของเด็กน้อยว่า “เฉินชิงเซียว ทำไมคุณถึงมานอนที่เตียงหนูล่ะ”
“เบาเสียงหน่อย” เฉินถิงเซียวหลุบตาลง แม้จะไม่มีโทสะแต่ก็มีความน่าเกรงขาม
เฉินมู่ยื่นมือมาปิดปากตัวเอง มองเขา พลางกระพริบตาปริบๆ
เฉินถิงเซียวเลิกคิ้วถามเธอ “หนูดูให้ชัดเจนว่านี่คือเตียงของหนูหรือ”
มานอนที่เตียงของเขา ครอบครองตำแหน่งของเขา ตอนนี้ยังมาโทษว่าเขานอนเตียงเธออีก?
เฉินมู่ลุกขึ้นมานั่ง ขยี้ตาไปมา ก็พบว่านี่ไม่ใช่เตียงของเธอจริงๆ
เธอหันหน้าไปก็เห็นมู่น่อนน่อนที่กำลังนอนหลับลึกอยู่อีกด้านหนึ่ง
เฉินมู่ดวงตาเป็นประกาย “คุณ….”
คำว่า “แม่” ที่อยู่ด้านหลังยังไม่ได้เอ่ยออกมา ก็ถูกเฉินถิงเซียวปิดปากเอาไว้เสียก่อน “บอกให้หนูเบาเสียงหน่อย”
น้ำเสียงเขาเคร่งขรึมเล็กน้อย เจือไปด้วยพลังคุกคาม
เฉินมู่พยักหน้าหงึกหงัก แสดงให้เห็นว่าตัวเองจะไม่เสียงดังแบบนี้อีก
แต่เมื่อเฉินถิงเซียวปล่อยมือ เธอก็คลานไปข้างมู่น่อนน่อนด้วยสีหน้ามีความสุข
แม้ว่าเฉินถิงเซียวจะนอนอยู่บนเตียง แต่ก็สามารถดึงเธอกลับมาด้วยมือเดียว แล้วโยนไปด้านข้างโดยไม่ต้องใช้แรงเยอะ
“อย่ารบกวนเธอ หนูไม่นอนก็ลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้าเอง” ตอนที่เฉินถิงเซียวเอ่ยนั้นเหมือนกับพ่อเลี้ยงเป็นพิเศษ