เมื่อถึงสนามบิน มู่น่อนน่อนขับรถไปที่ลานจอดรถและเอาสัมภาระออกมา
เธอผ่านจุดตรวจความปลอดภัย และรออยู่ในห้องรอเครื่องจนกว่าเธอจะขึ้นเครื่อง แล้วถึงจะโทรหาเฉินถิงเซียว
หลังจากที่โทรติด มู่น่อนน่อนเป็นฝ่ายที่เริ่มพูดก่อน: “ยุ่งอยู่รึเปล่า?”
เสียงต่ำของเฉินถิงเซียวมาจากปลายสายอีกด้าน: “ไม่ยุ่ง”
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปาก เธอไม่รู้จะพูดต่ออย่างไรดี
ในขณะนี้เฉินถิงเซียวก็ถามขึ้นทันทีว่า “เธออยู่ที่สนามบินเหรอ?”
มู่น่อนน่อนตกใจ และตอนนี้เธอก็พูดอะไรไม่ออกเลย
ดูเหมือนว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้อยากฟังเธอพูด เขาถามออกอย่างโดยตรงว่า “จะขึ้นเครื่องแล้วใช่ไหม?”
“ใช่” มู่น่อนน่อนพูดประโยคนี้ด้วยร่างกายที่แทบจะแข็งทื่อไปหมด
“นายทำไม…” เธออยากจะถามเฉินถิงเซียวว่ารู้ได้อย่างไรว่าเธออยู่ที่สนามบินและกำลังจะขึ้นเครื่อง
เธอหามุมที่ไม่ไม่ได้ยินเสียงประกาศโดยเฉพาะ เพื่อโทรหาเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวขัดคำพูดของเธอ “ถึงแล้วรายงานความปลอดภัยด้วย”
“เฉินถิงเซียวนาย…”
“ไปขึ้นเครื่องก่อน”
“…โอเค”
มู่น่อนน่อนวางสาย แล้วจ้องมองที่โทรศัพท์มือถืออย่างมึนงง
ตามที่คาดไว้ ความโมโหของเฉินถิงเซียวไม่ได้ปรากฏขึ้น และแถมเขายังเตือนเธอให้ไปขึ้นเครื่องก่อนด้วย…
มู่น่อนน่อนเปิดบันทึกการโทรอีกครั้ง เพื่อแน่ใจว่าหมายเลขโทรศัพท์ที่เธอเพิ่งโทรไปนั้นเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของเฉินถิงเซียวจริงๆ แล้วค่อยใส่โทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าของเธอ
แต่เธอไม่มีเวลาคิดอะไรมาก เพราะถึงเวลาขึ้นเครื่องบินแล้ว
หลังจากที่มู่น่อนน่อนขึ้นเครื่องบินแล้ว โดยยังคงคิดเกี่ยวกับปฏิกิริยาของเฉินถิงเซียวทางโทรศัพท์เมื่อสักครู่นี้
เขาดูสงบ สงบเกินจนเธอคาดเดาไม่ถึง ……
…………
บริษัทเฉินซื่อ สำนักงานประธาน
เมื่อได้ยินเสียงที่วางสายเฉินถิงเซียวก็ถือโทรศัพท์ไว้ตรงหน้าเขาและมองดูเป็นเวลาสองวินาที จากนั้นจึงโยนโทรศัพท์ออกราวกับว่าในที่สุดก็ระเบิดออกมาได้
เมื่อกี้ที่เฉินถิงเซียวรับสายจาก มู่น่อนน่อนเขาที่ดูสงบ สือเย่ก็รู้สึกว่ามีผิดปกติ
ที่แท้เป็นเพราะเขาระงับความโกรธไว้
สือเย่อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา: “คุณชาย ในเมื่อท่านไม่อยากให้คุณหญิงไปคนเดียว ทำไมท่านไม่ให้คนอื่นไปขัดขวางเธอละครับ”
“ฉันบอกไปแล้วว่า เรื่องของเธอก็คือเรื่องของฉัน ฉันจะไม่สนใจลี่จิ่วเชียนได้ไงล่ะ!”เฉินถิงเซียวหัวเราะออกอย่างเลือดเย็น สีหน้าอย่างมืดมน: “ถ้าเธออยากไปก็ปล่อยเธอไป!ห้ามให้ใครไปตามเธอ!”
สือเย่ค่อยๆพยักหน้า: “ครับ”
เขาอยู่กับเฉินถิงเซียวมาเป็นเวลาหลายปี ก็ไม่กล้าที่จะบอกว่าเขาเข้าใจเฉินถิงเซียวอย่างโดยดี แต่ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมู่น่อนน่อนเขารู้สึกว่าเขาเข้าใจเฉินถิงเซียวได้เป็นอย่างดี
สำหรับมู่น่อนน่อนไม่ว่าเฉินถิงเซียวจะดุร้ายและโหดเหี้ยม
จริงๆ แล้ว สุดท้ายเขาก็ดุไม่ลง
ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ก็จะเป็นแบบนี้
สือเย่เงยหน้าขึ้นมองไปทางเฉินถิงเซียวและถามอย่างไม่มั่นใจว่า “คุณชาย ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ผมออกไปก่อนนะครับ”
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร สือเย่ก็ออกไป
…
เที่ยวบินของมู่น่อนน่อนมาถึงที่หมายในเช้าวันที่สอง
หลังจากนั่งบนเครื่องบินนานกว่าสิบชั่วโมง มู่น่อนน่อนรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย แต่เธอก็ยังดูสดชื่น
เธอขึ้นแท็กซี่ และก็โทรหาเฉินถิงเซียว
โทรศัพท์ดังแล้วหลายครั้ง ถึงจะมีคนมารับสาย
เมื่อเธอกำลังจะพูด เสียงของสือเย่ก็ดังขึ้นที่ปลายสายอีกฝั่งว่า“
คุณหญิง คุณชายกำลังคุยธุระอยู่ครับ มีอะไรจะพูดกับคุณชายบอกผมได้เลยครับ ผมจะบอกคุณชายให้ครับ มีอะไรก็บอกได้ครับ”
มู่น่อนน่อนอึ้งไปสักพัก และตั้งใจฟังดีๆ สามารถได้ยินเสียงดนตรีที่เมามันจากปลายสายอีกฝั่ง
เธอเพิ่งจะนึกได้ว่า เวลาในประเทศจีนมีความแตกต่างกัน ตอนนี้ที่เธออยู่เป็นเวลาเช้า แต่ในประเทศจีนเป็นเวลากลางคืน
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และถามสือเย่ว่า: “พวกนายอยู่ข้างนอกเหรอ?”
“อยู่โรงแรมจีนติ่งครับ คืนนี้มีนัดทานอาหารเย็นครับ ผมมาเป็นเพื่อนคุณชายครับ”
“อ๋อ” มู่น่อนน่อนถามหลังจากหยุดไปชั่วครู่”เฉินถิงเซียวดื่มเหล้าไหม?”
สือเย่มองลอดช่องประตูและชำเลืองมองเฉินถิงเซียวที่กำลังชนแก้วกับใครบางคนในห้องแล้วพูดว่า“ดื่มนิดหน่อยครับ”
“อย่าปล่อยให้เขาดื่มมากเกินไป ฉันวางสายก่อน ลาก่อน”
“ครับผม ลาก่อนครับคุณหญิง”
หลังจากที่มู่น่อนน่อนวางสาย เขาก็กลับไปที่ห้องพร้อมกับโทรศัพท์มือถือแล้วยื่นโทรศัพท์ให้เฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวรับโทรศัพท์มา และไม่ได้ถามอะไรมาก เขาได้พูดคำพูดของมู่น่อนน่อนให้เฉินถิงเซียว: “คุณหญิงบอกให้ดื่มน้อยหน่อยครับ”
“เฮอะ”เฉินถิงเซียวยิ้มอย่างเฉยชา อารมณ์บนใบหน้าของเขาเดาไม่ถูกเลย
สือเย่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากเช่นกัน แล้วนั่งลงข้างเขาเหมือนเดิม
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?” กู้จือหยั่นเอียงมาฝั่งเฉินถิงเซียวและถามเขาว่า “นายทะเลาะกับน่อนน่อนอีกแล้วเหรอ?”
เฉินถิงเซียวเหลือบมองเขา: “นายนั่นแหละที่ทะเลาะ!”
“ปกติแล้ว นายจะยอมออกมาทานอาหารเย็นกับฉันด้วยเหรอ? ถ้านายบอกว่า นายไม่ได้ทะเลาะกับน่อนน่อน ฉันไม่เชื่อ” กู้จือหยั่นพูดจบ เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางสือเย่: “สือเย่ นายว่าใช่หรือไม่ใช่?”
สือเย่ ไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มกลับ
อาหารเย็นวันนี้ จริงๆ แล้วกู้จือหยั่นจะจัดงานเลี้ยง แต่เมื่อรู้ว่าเฉินถิงเซียวจะมา เขาก็หาเหตุผลให้กลุ่มคนที่ไม่เกี่ยวด้วยไปทานอาหารกันเอง และตัวเขาเอง ก็เหลือเพียงเฉินถิงเซียวไว้ เพื่อดื่มเป็นเพื่อนเฉินถิงเซียว
ตั้งแต่ที่มีมู่น่อนน่อนเขาต้องการนัดกับเฉินถิงเซียวสักครั้ง ก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก
นอกเสียจากว่าเฉินถิงเซียวและมู่น่อนน่อนทะเลาะกันเฉินถิงเซียวถึงจะนัดเจอเขา
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะถามเฉินถิงเซียวว่าทะเลาะกับ มู่น่อนน่อนอีกหรือไม่
เฉินถิงเซียวไม่สนใจเขา หยิบขวดเหล้า เติมเหล้าในแก้วให้ตัวเองและกู้จือหยั่น อย่างเต็ม จากนั้นก็ยกดื่มรวดเดียวหมด
กู้จือหยั่นขมวดคิ้วและเกลี้ยกล่อมเขา: “เฮ้ นายดื่มน้อยๆ หน่อย!”
…
มู่น่อนน่อนจองโรงแรมห้าดาวที่ลี่จิ่วชังทำงานด้วย
โรงแรม 5 ดาวแห่งนี้ มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายปี และยังมีชื่อเสียงมากในประเทศZ ผู้คนที่มาท่องเที่ยวที่นี้ มักจะมาพักที่โรงแรมนี้
มู่น่อนน่อนรู้เพียงว่าลี่จิ่วชังเป็นเชฟที่นี่ แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นหัวหน้าพ่อครัว หรือตำแหน่งอื่น เธอไม่รู้เลย
เธอต้องคิดหาวิธี หากเธอต้องการพบลี่จิ่วชัง
เมื่อพนักงานส่งเธอไปถึงห้องพักของโรงแรมมู่น่อนน่อนจงใจวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่มุมโต๊ะ จังหวะที่พนักงานหันกลับมาแล้วโดนโทรศัพท์มือถือของเธอและหล่นลงบนพื้น
พนักงานรับหยิกโทรศัพท์ขึ้นมาและขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “ขอโทษนะคะ”
อันที่จริงพื้นปูด้วยพรมแดง โทรศัพท์ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก
แต่วันนี้มู่น่อนน่อนก็คือจะหาเรื่อง เลยถามต่อว่า “คนในโรงแรมพวกคุณ ซุ่มซ่ามกันแบบนี้ทุกคนรึเปล่า?ไปเรียกผู้จัดการพวกเธอมา”
มู่น่อนน่อนแกล้งทำเป็นว่าเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลคนหนึ่ง พนักงานก็ไม่มีวิธีอื่นใด เลยต้องเรียกผู้จัดการแม่บ้านมา
“คุณผู้หญิงคะ ฉันขอโทษที่ความผิดพลาดของพนักงานทำให้คุณหัวเสียนะคะ ทางเราจะ…”
“พอแล้ว” มู่น่อนน่อนส่ายมือไปมา แล้วนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง: “ฉันก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่ไม่มีเหตุผล ฉันได้ยินจากเพื่อนที่เคยพักในโรงแรมของพวกคุณมาก่อน ว่าที่นี่มีเชฟชาวตะวันออกที่ทำอาหารอร่อยมาก ฉันอยากสั่งให้เขาทำอาหารให้ฉัน ถ้าพวกคุณตอบสนองความต้องการของฉัน ฉันก็จะไม่เอาเรื่อง”