ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 606 ฉันต้องการให้คุณตายไปซะ

บทที่ 606 ฉันต้องการให้คุณตายไปซะ

อาลั่วเองก็ตื่นตระหนกอยู่บ้าง เธอหวาดหวั่นกับท่าทางมู่น่อนน่อนจนไม่กล้าเปิดปากพูดออกมา

ทว่าเวลานี้ เธอไม่เพียงแต่โมโหมู่น่อนน่อน ถึงขนาดที่ยังโกรธตัวเธอเองด้วยซ้ำ

น้ำเสียงของเธอย่อมย่ำแย่กว่าเดิม

“มู่น่อนน่อน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วคุณยังเอาของมาเขวี้ยงใส่ฉันมันก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี! คนก็ตายไปแล้ว ยอมรับกับความจริงที่เกิดขึ้นเถอะ!” ในเวลานี้อาลั่วพลางถอยหลังไปอยู่ข้างประตู

มู่น่อนน่อนเห็นว่าเธอยังไม่ยอมออกไป พลันหยิบหมอนที่อยู่ด้านหลังตัวเขวี้ยงออกไปอีกครั้ง

เมื่อมู่น่อนน่อนจัดการเขวี้ยงทุกอย่างเสร็จแล้วก็จ้องมองเธออย่างเย็นชา แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา

นอกจากลี่จิ่วเชียนแล้ว ใครยังกล้าปฏิบัติตัวเช่นนี้กับอาลั่วกัน?

ทว่าในเวลานี้ มู่น่อนน่อนที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย อาลั่วก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้ ได้แต่ส่งเสียงอยู่ในลำคอ พลางเดินออกไปอย่างกระฟัดกระเฟียด

เสียงบานประตูถูกปิดดัง “ปึงปัง”

ภายในห้องพักผู้ป่วยกลับมาสู่สภาพความเงียบงันอีกครั้งหนึ่ง

มู่น่อนน่อนนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงชั่วครู่ ถึงได้ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ พลางก้มหน้าลูบคลำบนร่างกายตัวเอง ราวกับหาสิ่งของบางอย่างอยู่

ทว่าเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอถูกเปลี่ยนชุดไปแล้ว ตอนนี้ใส่ชุดคนป่วย แล้วจะไปหาสิ่งของเจอได้ยังไงกัน

มู่น่อนน่อนเลิกผ้าห่มออกจากตัวและโยนลงจากเตียง ราวกับต้องการพลิกเตียงขึ้นมา แต่ก็ยังหาสิ่งของที่เธอต้องการไม่เจอ

เธอยื่นมือออกมากุมหน้าผาก จู่ ๆ ก็ทรุดตัวไปอยู่กับพื้น พลางหลับตาลงเล็กน้อย และเม้มมุมปากเผยให้เห็นอารมณ์ของเธอในเวลานี้

ผ่านไปไม่กี่วินาที เธอลืมตาขึ้น หางตาพลันเหลือบเห็นเหมือนมีสิ่งของบางอย่างอยู่ใต้เตียง

มู่น่อนน่อนใช้มือข้างหนึ่งดันเตียงเอาไว้ จากนั้นจึงมุดตัวลงไปควานหาใต้เตียง

เธอควานหาสิ่งของอยู่ใต้เตียงรอบหนึ่ง จนในที่สุดสายตาก็เจอปากกาเก่าแท่งหนึ่งอยู่บริเวณขาเตียง

มู่น่อนน่อนดวงตาเปล่งประกาย พลางมุดตัวไปหยิบปากกาหมึกซึมด้ามนั้นขึ้นมา

เธอนำปากกาหมึกซึมด้ามนั้นมาอยู่ตรงหน้า หลังจากปัดเช็ดถูเรียบร้อยแล้ว และกำไว้ในฝ่ามืออย่างทะนุถนอม

ปากกาหมึกซึมด้ามนี้ เป็นปากกาที่เฉินถิงเซียววางไว้บนตู้นิรภัยก่อนหน้านี้

ก่อนหน้าที่เธอจะบุกเข้าไปในกองเพลิง ซึ่งเห็นสือเย่อยู่ในกองเพลิง

ทั้งสองคนต่างสูดดมเขม่าควันไปไม่น้อย เวลาพูดจากันก็ดูลำบากมาก สือเย่จึงเอาปากกาหมึกซึมด้ามนั้นยื่นให้เธอ

ซึ่งเธอรู้ดีว่า ลี่จิ่วเชียนต้องเข้ามาหาเธออย่างแน่นอน จึงเอาเสื้อโค้ตของตัวเองให้สือเย่ไป

สือเย่นำปากกานั้นยื่นให้เธอเพื่อแสดงความหมายเป็นนัย เป็นการบอกกับเธอว่า เฉินถิงเซียวไม่เป็นอะไรเหรอ?

ถ้าเฉินถิงเซียวไม่เป็นไร เช่นนั้นเฉินมู่ก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม?

สิ่งที่อาลั่วเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อครู่นี้ เธอตั้งใจฟังทุกอย่าง แต่เธอไม่เชื่อคำพูดที่อาลั่วพูดออกมา

มู่มู่ของเธอนั้นเป็นเด็กน่ารักฉลาดเฉลียวถึงเพียงนั้น จะตายท่ามกลางทะเลเพลิงได้อย่างไรกัน?

มู่น่อนน่อนกำปากกาด้านนั้นไว้แน่น พลันนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้น พร้อมทั้งกอดปากกาด้ามนั้นแนบอก

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ ๆ มู่น่อนน่อนก็เงยหน้าขึ้นมา พลันมองโทรทัศน์ที่ติดไว้กับกำแพง

เธอลุกพรวดขึ้นทันที หารีโมตเพื่อเปิดโทรทัศน์ดู จนเจอช่องข่าว

อาลั่วพูดว่าไฟไหม้นั้นได้ดับลงแล้ว ไฟไหม้ครั้งใหญ่นี้ต้องมีข่าวแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนั้นเฉินถิงเซียวที่พักอยู่บ้านข้างๆ ลี่จิ่วเชียน บรรดานักข่าวต้องรู้เรื่องแน่

สำนักข่าวท้องถิ่นของเมือง M รายงานข่าว โดยใช้ภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงถูกต้องตรงตามมาตรฐาน และในนั้นใช้คำศัพท์เฉพาะเยอะมาก มู่น่อนน่อนจ้องมองด้วยความพยายามสุดฤทธิ์ แต่ก็พอฟังออกอยู่บ้าง

เธอเปลี่ยนช่องอยู่หลายช่อง และไม่เห็นข่าวที่เกี่ยวข้องสักนิด

ทันใดนั้น ประตูห้องก็มีเสียงผู้ชายดังออกมา

“พวกนายคอยอยู่ข้างนอก”

มู่น่อนน่อนได้ยินเสียง พลางหันไปมองทางประตู จึงเห็นลี่จิ่วเชียนที่กำลังเดินมุ่งหน้ามาทางนี้

“ได้ยินอาลั่วพูดว่าคุณฟื้นแล้ว ผมเลยมาดูคุณสักหน่อย” ลี่จิ่วเชียนเดินมาอยู่ตรงด้านหน้าของเธอ พร้อมทั้งพิจารณามองเธออยู่เงียบๆ

จากนั้น ลี่จิ่วเชียนขมวดคิ้วพลันพูดออกมา “ร่างกายของคุณตอนนี้อ่อนแอมาก กลับขึ้นไปนอนพักบนเตียงเถอะ”

“พักเหรอ?” มู่น่อนน่อนจ้องมองลี่จิ่วเชียนทั้งที่ปากยิ้มแต่ดวงตาไม่แสดงรอยยิ้ม พร้อมทั้งพูดอย่างเย็นชา “คุณพูดออกมาจากปากเอง สัญญาแล้วว่าจะปล่อยมู่มู่ไป พอฉันหันหลังให้ก็จัดการวางเพลิงเพื่อฆ่าเธอทันที! ตอนนี้ฉันจำต้องพักผ่อนอีกเหรอ?”

สายตามู่น่อนน่อนเย็นชาราวกับสันกระบี่อันแหลมคม พร้อมทั้งพูดเน้นย้ำและค่อยๆ พูดว่า “ฉันไม่จำเป็นต้องพักผ่อน ฉันต้องการให้คุณไปตายซะ!”

ลี่จิ่วเชียนไม่กะพริบตาสักนิด ในทางกลับกันยังยิ้มให้อีกด้วย

“เกลียดผมเหรอ?” ลี่จิ่วเชียนพลันหันตัว และเดินมานั่งลงบนโซฟาที่อยู่ด้านข้าง “เกลียดผมก็ถูกต้องแล้ว แต่คุณเกลียดแค่ผมคนเดียวก็ไม่ถูกนะ? คุณไม่เกลียดเฉินถิงเซียวเลยเหรอ? ในใจคุณกลับไม่กล่าวโทษเฉินถิงเซียวสักนิดเลยเหรอไง?”

มู่น่อนน่อนมองเขาอย่างไร้ความรู้สึก แต่ไม่เอ่ยอะไรออกมา

ลี่จิ่วเชียนมองเธอและยิ้มด้วยรอยยิ้มแปลกพิกล “ช่างเถอะ เรื่องนี้มันไม่สำคัญอะไร!”

ในใจของมู่น่อนน่อนพลันมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา รู้สึกตงิดใจว่าลี่จิ่วเชียนกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่

“พักผ่อนร่างกายให้หายดีก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยมาเยี่ยมคุณอีก”

ลี่จิ่วเชียนไม่ปล่อยโอกาสให้มู่น่อนน่อนได้สำรวจเขาเลย พูดจบก็ลุกขึ้นและเดินออกไปทันที

ตอนที่เปิดประตูนั้น มู่น่อนน่อนมองเห็นด้านนอกห้องพักผู้ป่วยมีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าอยู่ตลอด

แม้ว่ามู่น่อนน่อนไม่เชื่อว่าเฉินมู่ตายแล้ว แต่อาลั่วกับลี่จิ่วเชียนพูดอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเฉินมู่ หัวใจของเธอจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงกับอาการหวาดหวั่นนั้นได้

ลี่จิ่วเชียนเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายขนาดนั้น ถ้าไม่มีหลักฐานแน่ชัด และจะยอมรับได้อย่างไรว่าเฉินมู่ตายท่ามกลางกองเพลิงล่ะ?

เธอไม่กล้าจินตนาการถ้าเฉินมู่อยู่ท่ามกลางกองเพลิงในวิลล่าจริง…

ไม่ เป็นไปไม่ได้

ขอแค่เฉินถิงเซียวมีชีวิตรอด เฉินมู่ก็ต้องรอดชีวิตแน่!

อาศัยความเชื่อมั่นกับเรื่องนี้ ซึ่งเป็นตัวพยุงให้มู่น่อนน่อนได้พักอยู่ในโรงพยาบาลต่ออีกสามวัน

สามวันนี้สำหรับมู่น่อนน่อนนั้น ราวกับใช้เวลาเป็นปี

ห้องพักอยู่บนชั้นที่สูงมาก ทางด้านนอกห้องพักก็มีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าอยู่ตลอด มู่น่อนน่อนติดปีกหนียังไงก็หนีไม่พ้น จึงจำต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่เฉยๆ

หลังจากนั้นสามวัน ลี่จิ่วเชียนพาคนมารับมู่น่อนน่อนออกจากโรงพยาบาล

มู่น่อนน่อนออกจากโรงพยาบาลมาพร้อมกับลี่จิ่วเชียนอย่างไร้ความรู้สึก ไม่ว่าลี่จิ่วเชียนจะพูดว่าอะไร เธอก็ไม่ยอมเสวนาด้วย

เธอไม่อยากพูดคุยกับผู้ชายที่อาจจะเป็นคนฆ่าลูกสาวของเธอ เธอไม่ใช่แค่ไม่อยากคุยกับเขา กระทั่งตอนนี้เธอหวังให้เขารีบตายไปเร็วๆ สักที

มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า แม้ว่าปกติเธอจะมีนิสัยเป็นคนอ่อนแอติดตัวคนหนึ่ง

ในอดีตตอนอยู่ในบ้านตระกูลมู่ เธอเป็นคนอ่อนแอเหลือเกิน จึงถูกเซียวชู่เหอใช้จุดอ่อนของเธอ ยัดเยียดให้เธอแต่งงานกับเฉินถิงเซียว “ผู้ซึ่งหน้าตาอัปลักษณ์และไม่มีศีลธรรม” ในเวลานั้น

คอยให้มู่หวั่นขีคอยกดขี่เหนือหัวเธออยู่ตลอดร่ำไป

ถึงได้ปล่อยโอกาสให้ลี่จิ่วเชียนมาโกหกเธอได้

ลี่จิ่วเชียนโกหกเธอ ถึงได้มีโอกาสทำร้ายเฉินมู่

ถ้าทำตัวเป็นคนเลวทรามต่ำช้า สามารถปกป้องคนสำคัญเอาไว้ได้… เช่นนั้น เธอยินยอมถลำตัวลงหุบเหวขุมนรกโลกันตร์

……

รถยนต์เคลื่อนตัวผ่านถนนและกลุ่มฝูงชนอย่างราบรื่น สุดท้ายก็มาจอดด้านหน้าอาคารที่ดูแปลกประหลาดอยู่หลังหนึ่ง

วิลล่าทรงกลมสีดำทึบตึกหนึ่ง และมีบรรยากาศแปลกประหลาดอย่างมาก

ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มู่น่อนน่อนได้เห็นวิลล่าแปลกประหลาดเช่นนี้

ลี่จิ่วเชียนลงจากรถก่อน จากนั้นก็รอเธออยู่นอกรถ

มู่น่อนน่อนเหลือบตามองเขา และเปิดประตูรถลงมาจากรถ

มุมปากลี่จิ่วเชียนกระตุกขึ้น สายตากวาดตามองวิลล่าหลังนี้อย่างเรื่อยเปื่อย จากนั้นก็กลับมามองที่ตัวของมู่น่อนน่อน

“เฉินถิงเซียวก็เคยมาที่นี่”

มู่น่อนน่อนตกตะลึงเป็นอันดับแรก จากนั้นได้สติกลับมาทันควัน “คุณทำการสะกดจิตเฉินถิงเซียว อยู่ที่นี่ใช่ไหม?”

“ใช่สิ ตอนนั้นผมใช้พลังงานเปลืองมาก” ลี่จิ่วเชียนถอนหายใจยาว พลางแสดงท่าทางเหนื่อยหน่ายราวกับเป็นการบ่นความยุ่งยากในการทำงานให้เพื่อนฟังเช่นนั้น

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท