ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 616 ไม่มีทาง!

บทที่ 616 ไม่มีทาง!

มู่น่อนน่อนจับจ้องมองเขาชั่วครู่ จึงลุกขึ้นและเดินไปหาเขา

เธอเพิ่งจะก้าวเดินไปตำแหน่งด้านหน้าเพียงสองก้าว เฉินถิงเซียวอดทนรอไม่ไหวจนดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดทันที

เมื่อดึงตัวคนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแล้ว เฉินถิงเซียวถึงได้หายใจทั่วท้องได้จริงๆ “มู่น่อนน่อนครับ คุณนี่นับว่ายิ่งเก่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ! ขนาดผมยังกล้าหลอกเลย”

“แต่ก็ไม่ได้หลอกคุณได้นี่คะ!” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มู่น่อนน่อนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเล็กน้อย

เธอผลักเฉินถิงเซียวออก “คุณกอดแน่นมาก ปล่อยก่อนค่ะ! ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับคุณ”

เฉินถิงเซียวไม่เพียงไม่ยอมปล่อย ในทางกลับกันยังกอดแน่นกว่าเดิม จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมาก “พูดมาเลยครับ”

“… คุณทำแบบนี้แล้วจะให้ฉันพูดกับคุณยังไงล่ะ!” มู่น่อนน่อนถูกเขากกอยู่ในอ้อมกอด ขนาดแขนขายังขยับไม่ได้เลย

“งั้นเปลี่ยนท่าแล้วกัน”

เมื่อพูดจบ เฉินถิงเซียวจึงอุ้มเธอขึ้นมา และมุ่งหน้าเดินมาทางเตียงนอนทันที

สีหน้ามู่น่อนน่อนเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ก็…ต้องพูดคุยแบบนี้เลยเหรอคะ!”

เฉินถิงเซียวจัดการวางตัวเธอลงบนเตียง และตัวเขาเองก็เอนตัวลงไป โดยการดึงตัวเธอให้มาตรึงอยู่ในอ้อมกอดของตนเองอย่างแน่นหนา

“โอเคแล้ว ตอนนี้พูดมาได้เลย”

มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า การที่พวกเขาสองคนนอนอยู่บนเตียงแบบนี้ ยังไม่เท่ากับการกอดและพูดคุยกันที่เป็นอยู่เมื่อครู่นี้เลย

เฉินถิงเซียวจูบมุมปากของเธอ และถามกลับ “ทำไมลี่จิ่วเชียนสะกดจิตคุณแล้วถึงไม่ประสบผลสำเร็จล่ะครับ?”

“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าเขาสะกดจิตฉันด้วย?” มู่น่อนน่อนแปลกใจมากจนต้องถามเขากลับ

“ลี่จิ่วเชียนเขามั่นใจตัวเองมากขนาดนั้น การที่เขากล้าพาคุณออกมา นั่นก็หมายความว่ามีความรู้สึกมั่นใจมากที่คุณจะมากับผม เขาพยายามจะใช้ความคิดชั่วร้ายบางอย่าง นอกจากการสะกดจิตแล้วเขายังจะทำอะไรได้บ้าง?”

เฉินถิงเซียวพูดมาถึงตรงนี้ พลันน้ำเสียงเย็นชาลงไปเยอะ “กระทั่ง เขาเคยสะกดจิตขั้นลึกซึ้งกับผมมาแล้ว เขาก็สามารถสะกดกับคุณได้เช่นเดียวกัน”

“ฉันรู้ค่ะ คุณฉลาดขนาดนี้ ต้องเดาออกแน่ ๆ ค่ะ!” ดวงตามู่น่อนน่อนเปล่งประกาย แววตาไม่ปิดบังความนับถือสักนิด

เฉินถิงเซียวถึงกลับซาบซึ้ง พลันกดริมฝีปากลงต่ำเพื่อจูบเธอ

มู่น่อนน่อนยื่นมือออกมาป้องปากของตนเองเอาไว้ พลางพูดด้วยลมหายใจขาดๆหายๆ “ยังพูดไม่ทันจบเรื่องเลยค่ะ!”

“จุ๊บหน่อยนะ” เฉินถิงเซียวช้อนสายตาลง พลางมองความรู้สึกที่อยู่ในดวงตาไม่ชัดเจน

มู่น่อนน่อนส่ายหน้า ใช่ว่าเธอไม่รู้จักว่าเฉินถิงเซียวเป็นคนยังไง

ถ้าเกิดให้เขาจูบขึ้นมาจริงๆ เธออาจจะไม่ได้ลงจากเตียงนี้แล้ว

เฉินถิงเซียวพึมพำอย่างเย็นชา และจัดการจูบเธอลงบนฝ่ามือแทน

มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าฝ่ามือตัวเองจั๊กจี้ชะมัด

เฉินถิงเซียวจูบฝ่ามือของเธอ แต่มีการขบเล็กเบาๆ วนอยู่เรื่อย ๆ

สุดท้าย มู่น่อนน่อนทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงยกเท้าขึ้นถีบเขา “พูดเรื่องประเด็นสำคัญก่อนค่ะ”

“พูดต่อสิ” เฉินถิงเซียวพูดจบ ก็หันศีรษะขึ้นมาจูบใบหน้าของเธอ และจูบหูอันขาวนุ่มของเธอ

ครั้งนี้มู่น่อนน่อนโมโหขึ้นมาจริง ๆ “เฉินถิงเซียว!”

“อื้อ” เฉินถิงเซียวส่งเสียงตอบรับ ถึงได้ยอมถอยแทบไม่เต็มใจ

มู่น่อนน่อนถึงได้ยอมพูดต่อ “เขาอยากสะกดจิตฉันค่ะ ให้ฉันรู้สึกว่าคุณทำร้ายมู่มู่จนเสียชีวิต อยากให้ฉันเกลียดคุณ แต่ในใจของฉันรู้ดีที่สุด ว่าคุณรักมู่มู่ ตอนที่ในวิลล่าเกิดไฟไหม้ขึ้นมา คุณต้องกระโจนเข้าไปในกองเพลิงเพื่อเข้าไปช่วยเธออย่างไม่ลังเลแน่นอนเลยค่ะ”

“ตอนที่เขาสะกดจิตฉันอยู่นั้น ฉันคอยคิดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา กระทั่งมันเป็นแบบนี้ เขาสะกดจิตฉันแต่ไม่ใช่ว่ามันไม่มีผลเลยสักนิด แต่โชคยังดี ยังมีปากกาหมึกซึมด้ามนั้นของคุณอยู่ด้วย ถึงได้ทำให้ฉันไม่โดนสะกดจิตไปจริงๆ”

เฉินถิงเซียวฟังจบแล้ว ก็เงียบงันไปชั่วครู่ และถามเธอกลับ “ปากกาหมึกซึมล่ะ?”

“อยู่ในกระเป๋าค่ะ” มู่น่อนน่อนพูดจบพลันย่นคิ้วหากันทันที “กระเป๋าฉันล่ะคะ?”

เฉินถิงเซียวลุกขึ้น พลางหากระเป๋าของมู่น่อนน่อนที่วางอยู่มุมเตียงจนเจอ และหาปากกาด้ามนั้นเจอ จากในกระเป๋าของเธอ

เขาค่อยๆ หยิบปากกาหมึกซึมด้ามนั้นออกมาอย่างระมัดระวัง และจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์

มู่น่อนน่อนถึงกลับเบะปากให้ พลางถามเขา “ตกลงว่าไอ้ปากกาหมึกซึมด้ามนี้คุณไปเอามาจากไหนเหรอคะ?”

เฉินถิงเซียวหันหน้ากลับมา และจ้องมองเธออยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็พูดไปอย่างคลุมเครือ “คนอื่นให้มา”

“ใครให้มาหรือคะ?” ก่อนหน้ามู่น่ออนน่อนได้เดาที่มาที่ไปของปากกาด้ามนี้ อาจจะเป็นเธอในช่วงวัยเด็กที่เป็นคนให้เฉินถิงเซียว

แต่เธอก็คิดไม่ออกว่าตัวเองเอาไปให้เฉินถิงเซียวตอนไหน

แทนที่ตัวเองจะมานั่งเดามั่วๆ สู้ถามเฉินถิงเซียวตรงๆ เลยดีกว่า

“เป็นเด็กผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง” เฉินถิงเซียวพูด พร้อมทั้งจัดการยัดปากกาหมึกซึมด้ามนั้นลงในกระเป๋าทันที

“นี่! คุณทำอะไรเนี่ย!” มู่น่อนน่อนเห็นเหตุการณ์นั้นแล้ว พลางยื่นมือออกไปแย่งปากกาหมึกซึมของเขากลับมา

เฉินถิงเซียวหันตัวไปด้านข้างเล็กน้อย มู่น่อนน่อนคว้าอากาศ จนกลายเป็นกระโจนไปหาตัวเฉินถิงเซียวแทน

มู่น่อนน่อนนอนพาดอยู่บนตัวเฉินถิงเซียว ลักษณะท่าทางของทั้งสองคนต่างแนบชิดสนิทสนมมาก

เธอเตรียมจะลุกขึ้น จนเกิดความรู้สึกว่าแขนของเฉินถิงเซียวเหนี่ยวรั้งเอวของเธอไว้

เฉินถิงเซียวกระชับแขนให้แน่น เพื่อให้เธอได้นอนพาดอยู่บนตัวของเขาและกักขังเธอเอาไว้ พลางกระซิบข้างหูเสียงทุ้มต่ำ “ปากกาหมึกซึมเป็นของผมนะ คุณคิดจะทำอะไรเหรอครับ?”

“คุณยังไม่พูดเลยว่าใครเป็นคนให้คุณมา!” ตั้งแต่สามปีก่อน มู่น่อนน่อนก็รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้มาก

น้ำเสียงเฉินถิงเซียวดูสบายอกสบายใจตอนพูด “ก็พูดแล้วนี่? เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมาก”

เฉินถิงเซียวหัวเราะร่า พลันเขยิบเข้าจูบเธอ

จากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องทันที “พรุ่งนี้เช้านั่งเครื่องบินกลับเมืองหู้หยางนะ”

ความรู้สึกที่แสดงออกทางสีหน้าของมู่น่อนน่อนค่อยๆ เก็บอาการ น้ำเสียงพูดอย่างเต็มเสียง “ตอนนี้ยังกลับไม่ได้ค่ะ”

ดวงตาอันตรายของเฉินถิงเซียวหรี่ลงเล็กน้อย น้ำเสียงดูกระชับขึ้น “มู่น่อนน่อน ผมรู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าเกิดว่าคุณอยากจะทำเช่นนั้น มันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่!”

มู่น่อนน่อนรู้ดี ความคิดของเธอไม่สามารถหนีจากสายตาของเฉินถิงเซียวได้

“คนอย่างลี่จิ่วเชียน ความคิดความอ่านช่างซับซ้อนเหลือเกิน ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ตามจะไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลย เป็นคนที่ระมัดระวังมากคนหนึ่ง ขืนตรวจสอบไปแบบนี้ มันก็ยากมากที่จะตรวจสอบได้ว่าตกลงเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่!

มู่น่อนน่อนครุ่นคิดไปมา จึงรู้สึกว่าการที่อยู่ข้างกายลี่จิ่วเชียน ถึงมีโอกาสในการตรวจสอบว่าตกลงแล้วลี่จิ่วเชียนเขาต้องการทำอะไรแน่ และมันเกี่ยวพันอะไรกับเฉินถิงเซียว

ดังนั้น เธอถึงได้แสร้งทำทีถูกสะกดจิต และจงใจพูดคำพูดพวกนั้นออกไปในงานเลี้ยง ก็เพื่อยากให้ได้รับความเชื่อมั่นจากลี่จิ่วเชียน

ลี่จิ่วเชียนเขาเป็นคนระมัดระวัง แต่เขาเป็นคนมั่นใจตัวเองสุดโต่ง

เขาคอยคิดว่าเฉินถิงเซียวเป็นศัตรูของเขา และการสู้จนเฉินถิงเซียวพ่ายแพ้เป็นความสุข ในปีนั้นเขาประสบผลสำเร็จในการสะกดจิตเฉินถิงเซียว จึงมั่นใจในวิชาการสะกดจิตของตนเองมากขึ้นกว่าเดิม

ดังนั้น เขาถึงได้ไม่สงสัยในตัวมู่น่อนน่อนว่าตกลงแล้วโดนสะกดจิตหรือเปล่า

น้ำเสียงทุ้มต่ำของเฉินถิงเซียวผสมความโกรธเคืองเอาไว้ “มู่น่อนน่อน นี่มันเป็นเรื่องของผมกับลี่จิ่วเชียน ผมจะจัดการเอง”

ราวกับชั่วขณะนั้น มู่น่อนน่อนโต้แย้งทันควัน “แต่ฉันอยากช่วยคุณนี่คะ ก็เหมือนที่คุณคอยช่วยฉันไง”

มู่น่อนน่อนพูดออกไปตรงๆ ตามปกติ จนทำให้เฉินถิงเซียวตะลึงทันที

“เฉินถิงเซียวคะ แม้ว่าฉันจะไม่ได้เก่งเท่าคุณ แต่ฉันก็ไม่ได้อ่อนแอตามที่คุณจินตนาการเอาไว้แบบนั้นค่ะ ฉันยังเรื่องต่างๆ ได้อีกเยอะเลย”

เฉินถิงเซียวไม่ได้ซาบซึ้งกินใจไปกลับมู่น่อนน่อนด้วย เขาพูดออกมาด้วยหน้าตาเฉยเมย “แล้วคุณทำอะไรได้?”

จู่ ๆ มู่น่อนน่อนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ พลันยิ้มให้ตอนพูด “ฉันสามารถทำในเรื่องที่คุณทำไม่ได้ค่ะ”

“หึ” เฉินถิงเซียวหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา และไม่เชื่อสักนิด

รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้ามู่น่อนน่อนยิ่งคลี่ยิ้มออกหนักกว่าเดิม พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ก็มีลูกสาวให้คุณหนึ่งคน แล้วคุณทำได้หรือเปล่าล่ะคะ?”

เฉินถิงเซียว “…

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท