มู่น่อนน่อนยืนอยู่หน้าห้องตัวเอง แกล้งล้วงกุญแจของตัวเองออกมาเปิดประตูอย่างช้าๆ
เธอเพิ่งเอากุแจเสียบเข้าไปที่รูเสียบ ก็ได้ยินอีกฝั่งมีเสียงเปิดประตูและปิดประตูดังขึ้น
มู่น่อนน่อนหันไปมอง เห็นประตูที่อยู่ฝั่งตรงข้ามปิดพอดี
ฉีเฉิงพักที่นี่จริงด้วย?
แค่บังเอิญจริงเหรอ?
บนโลกใบนี้มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้เลย?
มู่น่อนน่อนหรี่ตาเล็กน้อย ครุ่นคิดไปครู่นึง ถึงเปิดประตูเข้าห้องไป
แต่เธอเพิ่งเข้าไปในห้อง เดิมทีฉีเฉิงที่อยู่อีกฝั่งได้ปิดประตูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จู่ๆได้เปิดประตูออกอีก
เขายืนอยู่ข้างประตู มองไปที่หน้าห้องของมู่น่อนน่อนแวบนึง จากนั้นได้หยิบมือถือออกมาโทรศัพท์
“ผมกับเธอได้เจอหน้ากันแล้ว เธอน่าจะสงสัยผมนิดหน่อย”
ไม่รู้ว่าในสายพูดอะไรมา ฉีเฉิงตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย:“ผมรู้แล้วครับ”
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
ตอนที่มู่น่อนน่อนออกจากบ้าน ได้มองไปที่หน้าห้องของฝั่งตรงข้ามแวบนึงโดยเฉพาะ
ประตูปิดสนิท ไม่รู้ว่าฉีเฉิงอยู่บ้านหรือว่าออกไปแล้ว
วันนี้มู่น่อนน่อนก็วางแผนจะไปหาเฉินมู่ที่วิลล่าของเฉินถิงเซียวก่อน จากนั้นค่อยไปสตูดิโอของฉินสุ่ยซาน
เธอทานอาหารเช้าที่ข้างนอก ตอนที่ผ่านร้านเค้ก เธอได้ซื้อเค้กที่หน้าตาสวยงามประณีตหลายก้อน ซื้อไปฝากเฉินมู่
เธอดูนาฬิกาแวบนึงโดยเฉพาะ แน่ใจว่าเฉินถิงเซียวได้ออกจากบ้านไปแล้ว เธอถึงขับรถไปที่วิลล่าของเฉินถิงเซียว
ตอนที่มู่น่อนน่อนขับรถมาถึงหน้าวิลล่าของเฉินถิงเซียว พบว่าหน้าบ้านมีรถจอดอยู่คันนึง ท้ายรถถูกเปิดออก มีบอดี้การ์ดกำลังยกกระเป๋าเดินทางไปใส่ที่ท้ายรถพอดี
ดูแล้วเหมือนมีคนจะเดินทางไกล
มู่น่อนน่อนมองไปในวิลล่าแวบนึง แล้วขมวดคิ้ว:“เฉินถิงเซียวอยู่บ้าน?”
บอดี้การ์ดรู้ว่ามู่น่อนน่อนคือใคร ถึงแม้ตอนนี้เธอไปจากวิลล่าแล้ว แต่เฉินถิงเซียวก็อนุญาตให้เธอมาเที่ยวหาเฉินมู่อยู่ แสดงว่าเธอก็ยังมีสถานะอยู่
เพราะเหตุนี้ บอดี้การ์ดต่างก็เกรงิกเกรงใจกับเธอ
บอดี้การ์ดฟังคำพูดของเธอแล้ว ได้พูดอย่างเคารพนอบน้อมมาก:“คุณชายออกจากบ้านไปแต่เช้าแล้วครับ”
“แล้วพวกนายเอากระเป๋าเดินทางทำไม?ใครจะไปไหน?”
มู่น่อนน่อนเพิ่งถาม เฉินจิ่งหยุ้นก็เดินออกมาจากวิลล่าเลย พร้อมเรียกเธอ:“มู่น่อนน่อน”
มู่น่อนน่อนเงยหน้ามองไปตามเสียง ก็เห็นเฉินจิ่งหยุ้นที่ใส่เสื้อผ้าหนาๆกำลังเดินมาหาเธอ
นึกถึงคำพูดที่เมื่อวานฉีเฉิงพูด มู่น่อนน่อนได้ถามว่า:“คุณจะไป?”
“ไปรักษาอาการป่วยที่ต่างประเทศ”เฉินจิ่งหยุ้นก้มหน้าเอาไว้ต่ำๆ พันผ้าพันคอขนแกะหนาๆและสวมถุงมือเอาไว้ ดูแล้วกลัวมากมาก และดูค่อนข้างอ่อนแอ
เมื่อวานได้ยินฉีเฉิงพูดเรื่องนี้แล้ว มู่น่อนน่อนก็เลยไม่ได้รู้สึกประหลาดใจมากเกินไป
เพียงแต่ สีหน้าสงบนิ่งของมู่น่อนน่อน อยู่ในสายตาของเฉินจิ่งหยุ้นได้กลายเป็นอีกความหมายนึง
เฉินจิ่งหยุ้นนึกว่า มู่น่อนน่อนได้พูดอะไรกับเฉินถิงเซียว เฉินถิงเซียวถึงได้พูดคำพูดเหล่านั้นกับเธอ ให้เธอไปรักษา
เฉินจิ่งหยุ้นทำจมูกฟุดฟิด เสียงแหบเล็กน้อย:“มู่น่อนน่อน ขอบใจเธอมากนะ”
มู่น่อนน่อนรู้สึกประหลาดใจ:“ขอบคุณฉันทำไม?”
เฉินจิ่งหยุ้นนึกว่ามู่น่อนน่อนไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ เธอจึงแค่ยิ้มมุมปากทีนึง
เฉินจิ่งหยุ้นวันนี้หน้าสด แต่ใบหน้าที่คล้ายกับเฉินถิงเซียวนี้ สวยตั้งแต่เกิดเลย ถึงจะอิดโรยแต่ก็ยังสวยมากอยู่ดี
“คุณหนู ได้เวลาแล้วครับ”บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆส่งเสียงเร่งเฉินจิ่งหยุ้น
เฉินจิ่งหยุ้นเงยหน้ามองมาที่มู่น่อนน่อนอีก:“ฉันจะไปแล้ว เธอกับถิงเซียวต้องมีความสุขนะ”
น้ำเสียงเรียบเฉย มีความรู้สึกเหมือนกำลังสั่งเสีย
มู่น่อนน่อนถามเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย:“ฉีเฉิงล่ะ?เขาหายไปไหน?”
เฉินจิ่งหยุ้นตกใจเล็กน้อย จากนั้นได้พูดด้วยเสียงเรียบเฉย:“เขากับฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน ฉันพาเขาไปด้วยทำไม”
ฉีเฉิงไม่ไปต่างประเทศกับเธอเอง
แต่เฉินจิ่งหยุ้นก็มีความเย่อหยิ่งของตัวเองอยู่เหมือนกัน เธอไม่บอกมู่น่อนน่อนหรอก ที่จริงเธออยากให้ฉีเฉิงไปกับเธอ แต่ฉีเฉิงไม่ไป
มู่น่อนน่อนไม่รู้ความคิดวกไปวนมาเหล่านี้ของเฉินจิ่งหยุ้นเลย
เธอรู้สึกค่อนข้างกลุ้มใจ คิดไม่ถึงเลยว่าที่ฉีเฉิงคือความจริง เฉินจิ่งหยุ้นไม่พาฉีเฉิงไปจริงๆ
มาถึงเวลานี้แล้ว มู่น่อนน่อนเผชิญหน้ากับเฉินจิ่งหยุ้นยังคงอารมณ์ซับซ้อนอีกเช่นเคย สุดท้ายแค่พูดออกมาคำนึงว่า:“รักษาตัวด้วยนะคะ”
“เธอก็เหมือนกัน”เฉินจิ่งหยุ้นเหมือนมีอะไรจะพูด แต่สุดท้ายก็แค่โน้มตัวนั่งเข้าไปในรถอย่างจะพูดแต่ก็หยุดเอาไว้
รถที่เฉินจิ่งหยุ้นนั่งจากไปแล้ว มู่น่อนน่อนถึงเข้าไปในวิลล่า
ในวิลล่าไม่มีฉีเฉิงกับเฉินจิ่งหยุ้นอยู่ เหลือแค่บอดี้การ์ดกลุ่มนึงกับคนใช้ ไม่นึกเลยว่าจะค่อนข้างเงียบเหงา
“คุณหญิง……คุณมู่”คนใช้ยังค่อนข้างเปลี่ยนคำพูดไม่ได้
มู่น่อนน่อนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ขึ้นไปหาเฉินมู่ที่ชั้นบนเลย
อาการของเฉินมู่ค่อยๆดีขึ้นมาบ้างแล้ว เธอได้ยินเสียงเปิดประตู ได้หันมามอง พอเห็นมู่น่อนน่อนแล้วตาเปล่งประกาย แต่ไม่ได้พูดจา
มู่น่อนน่อนอยู่กับเฉินมู่ที่ห้องนอนได้สักพัก จากนั้นได้กล่อมเธอลงไปดูโทรทัศน์ที่ชั้นล่าง
ดีที่ภาพยนต์การ์ตูนมีพลังวิเศษที่ทรงพลัง เด็กทุกคนล้วนยากที่จะต่อต้าน
มู่น่อนน่อนพาเธอมาที่ห้องโถง ตอนที่เอารีโมทเปลี่ยนช่อง ได้เห็นข่าวบันเทิงใหม่ล่าสุดข่าวนึง
“เมื่อคืน มีผู้สื่อข่าวแอบถ่ายได้ว่าเฉินถิงเซียว ประธานคนล่าสุดของบริษัทเฉินซื่อได้พาผู้หญิงกลับบ้าน เท่าที่ทราบมา ผู้หญิงคนดังกล่าวคือคุณซูที่ก่อนหน้านี้เคยมี
การหมั้นหมายกับคุณชายเฉิน……”
มู่น่อนน่อนเม้มปากแล้วเปลี่ยนช่อง
“เฉินถิงเซียวคืนดีกับอดีตคู่หมั้น……”
คิดไม่ถึงว่าพอเปลี่ยนอีกช่องนึงก็เป็นข่าวบันเทิงของเฉินถิงเซียวอีกเหมือนกัน
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป แม้แต่ค่าโฆษณาบริษัทเฉินซื่อก็ได้ประหยัดไปแล้ว ไม่ต้องจ้างพรีเซ็นเตอร์เลย ตัวเขาเองก็เป็นกระแสร้อนแรงอยู่แล้ว
มู่น่อนน่อนกัดฟันแล้วเปลี่ยนช่องต่อ
เปลี่ยนติดต่อกันหลายช่อง ไม่นึกเลยว่าจะเป็นข่าวบันเทิงของเฉินถิงเซียวหมด
มู่น่อนน่อนหดหู่ แม้แต่โทรทัศน์ก็ยังต่อกรกับเธอ
เธอหันไปมองเฉินมู่ แล้วพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม:“มู่มู่ เราอย่าดูโทรทัศน์เลย วันนี้ไม่มีอะไรน่าดู”
เฉินมู่เบิกตากว้างพร้อมชี้โทรทัศน์ จากนั้นได้พูดจาฉะฉาน:“ดูเฉินชิงเซียว”
เฉินมู่ก็ดูออกแล้วว่าคนในข่าวคือเฉินถิงเซียว
“เขาไม่น่ามอง” มู่น่อนน่อนพยายามที่จะเปลี่ยนช่อง
แต่เฉินมู่กลับขมวดคิ้วแน่น:“น่ามอง”
มู่น่อนน่อน:“……”
เธอได้แต่เปลี่ยนกลับมาช่องเดิม
เฉินมู่จ้องเฉินถิงเซียวในโทรทัศน์และดูอย่างเมามัน จู่ๆได้พูดออกมาคำนึง:“เหมือนหนู”
“แค๊กๆ……”มู่น่อนน่อนกำลังดื่มน้ำอยู่พอดี ได้ยินคำพูดของเฉินมู่แล้วเกือบจะสำลักน้ำ
เฉินมู่หันมามองมู่น่อนน่อนด้วยความข้องใจแวบนึง:“หม่ามี๊เป็นหวัดเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ……หม่ามี๊เป็นหวัด……แค๊กๆ……”มู่น่อนน่อนไอแค๊กๆหลายทีอย่างไหลลื่นไปตามน้ำ
เมื่อครู่เธอได้ยินอะไรนะ?
เฉินมู่บอกว่าเฉินถิงเซียวน่ามอง คือเพราะเหมือนเธอเหรอ?
เฉินมู่พูดจริงจัง:“กินยาค่ะ”
“เดี๋ยวหม่ามี๊ไปกินค่ะ”มู่น่อนน่อนร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออกนิดหน่อย
เธอพบว่าวันนี้เฉินมู่พูดเยอะอยู่ แต่กลับมีความเย่อหยิ่งและเย็นชาที่คล้ายกับเฉินถิงเซียว
ข่าวของเฉินถิงเซียวไม่ยาว ไม่นานก็ดูจบแล้ว
ครั้งนี้มู่น่อนน่อนได้เปลี่ยนไปที่ช่องโทรทัศน์สำหรับเด็กดูการ์ตูน เฉินมู่ก็ไม่ได้พูดอะไร
แต่ผ่านไปไม่นาน เธอก็ได้ยินเฉินมู่ที่อยู่ข้างกายพูดอย่างเรียบเฉยว่า:“น่าเบื่อ ไม่สนุก”
มู่น่อนน่อน:“????