ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 6.1

ตอนที่ 6.1

ตอนที่ 6-1แขกพิเศษ

ต้องขอบคุณเหตุการณ์ที่หมูวิ่งหนีออกจากคอกไป

เพราะมันทำให้หลี่เว่ยหยางได้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก

โจวชิงและนางหลิวมิกล้าที่จะจิกหัวใช้นางเยี่ยงทาสเหมือนเช่นที่ผ่านอีกต่อไปแล้ว

แต่การปล่อยให้นางอยู่บ้าน โดยมิได้ทำอันใดเลยทั้งวัน ก็เป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายเช่นเดียวกัน

พวกเขาตกลงที่จะให้นางไปทำงานที่ร้านน้ำชา ซึ่งอยู่มิไกลจากหมู่บ้านมากนัก

ร้านน้ำชาแห่งนี้เป็นของโจวเจียงและนางหม่า พวกเขาขายน้ำชาและขนมปังเพียงเล็กน้อย

สำหรับผู้ที่เดินสัญจรไปมาผ่านหมู่บ้านแห่งนี้ มันเป็นวิธีที่สะดวกในการหาเงิน

นางหม่ามีความรู้สึกเสียใจ ที่หลี่เว่ยหยางเป็นเพียงเด็กสาว แต่ต้องมาทนทุกข์ทรมานเช่นนี้

ดังนั้น นางจึงมอบหมายให้เว่ยหยางทำงานง่าย ๆ เช่นการต้มน้ำสำหรับชงชา และมิได้บังคับให้นางทำงานอย่างอื่นที่หนักมากจนเกินไป

เว่ยหยางกำลังเติมฟืนเข้าไปในกองไฟ และได้เห็นนางหม่าวิ่งเข้ามาด้วยอาการเร่งรีบ และเร่งเร้าเด็กสาวว่า

“เว่ยหยางช่วยเร่งไฟด้วย! เราต้องการน้ำร้อนเพิ่มอีก นำขนมปังออกมาด้วยสิบชิ้น เรามีแขกพิเศษมาที่ร้าน”

หลี่เว่ยหยางทำตามที่บอก นางเดินไปที่ประตู แต่ยังคงมีความรู้สึกสับสนอยู่มาก

มีนักเดินทางและแขกจำนวนมากมาจากภาคใต้หรือภาคเหนือกัน?

แต่มิเคยมี’แขกพิเศษ’มาที่นี่ แขกรับเชิญพิเศษที่นางหม่าเอ่ยถึง เป็นผู้ใดกันแน่?

นางค่อย ๆเดินย่องไปที่ประตู และสังเกตดูเหตุการณ์ที่หน้าร้าน อย่างเงียบ ๆ

กลุ่มองครักษ์ในชุดสีฟ้ายืนรวมตัวอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ มันยากที่จะมองเห็นผู้ที่นั่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน

ท่ามกลางม้าธรรมดานับยี่สิบตัว มีม้าสีขาวหายาก ซึ่งมีอานสีเงินและลายสีแดงยืนอยู่ตรงกลางขบวนนั้น

มันเป็นบรรยากาศที่ดูช่างอลังการเสียเหลือเกิน

นางหม่ากล่าวย้ำอย่างเร่งรีบ

“เว่ยหยาง! เร็วเข้า! อย่าปล่อยให้แขกต้องรอนานเกินไป”

ด้วยเหตุผลบางอย่าง มีความรู้สึกเป็นลางร้าย เกิดขึ้นภายในจิตใจของ

หลี่เว่ยหยาง

ราวกับว่า ช่วงเวลาที่กำลังจะก้าวเดินออกไปด้านนอก จะมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น

เท้าของนางมิสามารถขยับได้ มันหยุดอยู่นิ่งในจุด ๆ เดียว

“เว่ยหยาง? เหตุใดเจ้าจึงยังมิรีบออกมาเล่า”

โจวเจียงหมดความอดทน จากนั้นจึงหัวเราะอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขารีบกล่าวคำขอโทษบรรดาแขกที่มาร้าน

“เด็กสาวผู้นั้นเชื่องช้า และโง่เขลาข้าจะต้องสั่งสอนนางเสียบ้าง”

จากนั้นได้มีเสียงดังขึ้น ที่ฟังดูเหมือนจะเป็นองครักษ์ท่านหนึ่ง

“มิมีปัญหา แค่รีบยกน้ำชามา นายของข้ากำลังรีบ”

ดูสถานการณ์แล้ว จึงคิดว่าหลบอยู่ด้านในนี้คงมิเป็นการดีแน่ หลี่เว่ยหยางครุ่นคิดสักพัก

จากนั้นจึงตัดสินใจว่า ควรจะออกไปด้านนอกได้แล้ว

นางก้าวไปได้เพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น แต่ต้องหยุดนิ่งในทันที

เมื่อเหลือบไปเห็นผู้ที่นั่งอยู่ตรงกลาง สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่หลี่เว่ยหยางภายในชั่วพริบตา

แม้แต่ชายหนุ่มผู้นั้นก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองมาที่นางเป็นเวลาชั่วครู่

เขานั่งอยู่ท่ามกลางผู้คน และมีดวงตาที่ส่องแสงเหมือนดวงจันทร์ แต่มีความห่างเหินอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน

ดวงตาคู่นั้นมีความสว่างมากพอที่จะทำให้ผู้อื่นพบว่า มันเป็นการยากที่จะกล้าสบตากับเขา

มองจากระยะไกล เราสามารถเห็นความเย็นชา ที่แยกเขาออกจากส่วนที่เหลือของโลกทั้งหมด

เครื่องแต่งกายสีขาวนั้น ถูกปักด้วยลวดลายอันงดงาม ซึ่งได้รับการตัดเย็บอย่างปราณีตจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก

การจ้องมองของเขาแน่วแน่เหมือนสายน้ำที่มีความเชี่ยวกราก

แต่ก็มีความเย็นยะเยือก เหมือนก้อนน้ำแข็ง ดวงตาคู่นั้นเริ่มกระพริบไปที่หลี่เว่ยหยาง

หลี่เว่ยหยางมีอาการตัวสั่นโดยมิทราบสาเหตุ

นางก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็วหลังจากที่เหลือบไปเห็นสิ่งนั้นเข้า

และยกถาดขึ้นมาที่คิ้วของตนเองพร้อมกับก้มศีรษะลงให้ได้มากที่สุด

เพื่อปกปิดใบหน้าของนาง และเพื่อมิให้คนผู้นั้นได้มองเห็นใบหน้าของนาง

เว่ยหยางก้าวไปอีกมิกี่ก้าว แล้วรีบส่งถาดขนมปังให้กับนางหม่าด้วยความรวดเร็ว

จากนั้นจึงปิดหน้า และแกล้งทำเป็นว่ากำลังมีอาการตกใจ และกลัวผู้คนแปลกหน้า

นางรีบเดินกลับเข้าไปที่ห้องเก็บของหลังร้าน ในตอนนี้ได้ถอนหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความรู้สึกโล่งอก

ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านข้างทัวเป่าหยู กล่าวกับบุรุษผู้นั้นว่า

“ฝ่าบาท ตอนนี้ใกล้จะมืดแล้ว เราควรหาที่พักค้างแรมสักคืนจะดีหรือไม่”

ทัวเป่าหยูมิได้มองไปที่เขา การจ้องมองที่แสนจะเยือกเย็นนั้นจับจ้องไปยังบริเวณที่หลี่เว่ยหยางหายตัวเข้าไป

และได้เกิดความขบขันขึ้นในดวงตาของชายผู้นั้น หญิงสาวผู้นี้เป็นหญิงผู้เดียวกับที่เขาเคยเห็นในวันนั้น . .

เด็กหญิงอายุประมาณสิบสามปี และสวมเครื่องแต่งกายที่มีสีดำ ซึ่งมีสภาพที่มอซอ และมีร่องรอยของการปะชุนอยู่หลายแห่ง

ในตอนนี้ บางทีนางอาจจะกำลังผิงไฟอยู่ที่หน้าเตา เพราะใบหน้าของนางนั้น เปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเขม่าควันสีดำ

ทัวเป่าหยูสังเกตเห็นว่า มือของหลี่เว่ยหยางคู่นั้น ดูช่างขาวเนียน และน่าสัมผัสยิ่งนัก

แต่ก็ผอมบางมากเช่นกัน จนแทบจะมิมีเนื้อติดอยู่เลย ผมสีดำและยาวที่มีความยุ่งเหยิงซึ่งถูกมัดเอาไว้ด้านบนศีรษะอย่างมิได้ใส่ใจ

แม้ว่านางจะตั้งใจหลบซ่อนใบหน้า

แต่ดวงตาสีดำกลมโตของนางคู่นั้นก็ยังคงเปล่งประกายด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่ยากจะอธิบาย

รูปร่างที่เล็กกระทัดรัดนั้น กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกที่ต้องการจะปกป้อง

สิ่งนี้อาจจะทำให้ผู้คนที่ได้พบเห็นต้องการที่จะปกป้อง และดูแลนาง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท