ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 40.2

ตอนที่ 40.2

ตอนที่ 40-2 กระเป๋า

ไป๋จื่อ และโม่ฉูมองหน้ากัน ขณะที่หัวใจของพวกเขาเกิดความรู้สึกสับสน

ที่จื่อหยานทำเช่นนี้เป็นเพราะคำแนะนำของคุณชายใหญ่ แต่เหตุใดเขาจึงแนะนำเช่นนี้?

เพื่อให้ผู้อื่นคิดว่า คุณหนูสามใจคอคับแคบเช่นนั้นหรือ?

แต่หลังจากครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งแล้ว พวกนางก็มิสามารถค้นพบคำตอบที่แท้จริงได้

ในเวลานี้ พวกนางได้ยินหลี่เว่ยหยางกล่าวว่า:

“พวกเราเป็นนายและบ่าว แต่ความต้องการที่แท้จริงของสาวใช้ผู้นี้คือ

นางต้องการที่จะนอนอยู่เคียงข้างพี่ชายใหญ่

หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าจะช่วยให้นางได้สมหวัง!”

เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่เว่ยหยางตั้งใจจะตื่นสายกว่าทุกวันหนึ่งชั่วโมง

จากนั้นได้พาจื่อหยานและไป๋จื่อไปแสดงความเคารพท่านย่าในตอนเช้า

หลังจากเข้าไปในห้องชงชาแล้ว นางจึงทำการชงชาตามปกติ

จากนั้นได้เข้าไปในห้องโถงพร้อมกับจื่อหยานโดยทิ้งไป๋จื่อไว้ด้านนอก

ปกติแล้วคุณหนูสามมักจะให้

จื่อหยานยืนรออยู่ด้านนอก

และเมื่อคิดว่าจะได้เห็นหน้าคุณชายใหญ่ นางก็อดมิได้ที่จะแสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า

เมื่อเห็นดังนั้น ไป๋จื่อจึงแอบถอนหายใจและหรี่ตาลง

คุณหนูให้โอกาสจื่อหยานหลายครั้งแล้ว โดยทำทุกอย่างเท่าที่สามารถจะทำได้ แต่สาวใช้ผู้นี้เลือกที่จะทำตามใจตนเอง

เมื่อหลี่เว่ยหยางเดินเข้ามาในบริเวณห้องโถง สิ่งที่นางได้เห็นคือ

ในบริเวณห้องโถงนั้น ท่านย่าใหญ่กำลังนั่งสนทนาอยู่กับหลี่หมินเฟิงอย่างอบอุ่น

ผมของหลี่จางเล่อนั้น ถูกหวีให้เป็นทรงเมฆ วันนี้นางสวมเสื้อคลุมผ้าซาตินสีหยกสดใส

กระโปรงยาวลายดอกโบตั๋น ซึ่งถูกปักอย่างประณีต ช่างดูมีความอ่อนช้อยและสง่างาม

และนางนั่งเรียบร้อยอย่างสงบปากสงบคำ

เมื่อก้าวเท้าเข้าไป หลี่เว่ยหยางจึงยิ้มกว้าง และรีบเข้าไปแสดงความเคารพท่านย่าทันที:

“ขอให้ท่านย่ามีความสุข”

ผู้อาวุโสจ้องมองนางพร้อมกับเสียงหัวเราะ และกล่าวว่า

“เจ้าคัดลอกพระไตรปิฎกเสร็จหรือยัง?”

ในขณะที่ยิ้มหลี่เว่ยหยางได้เอื้อมมือไปหยิบพระคัมภีร์จากมือของ

จื่อหยาน และกล่าวว่า

“ข้าได้คัดลอกแล้วเสร็จเมื่อคืนนี้ จึงรีบนำมามอบให้ท่านย่า”

เมื่อท่านย่าเห็นรอยคล้ำใต้ขอบตาจึงยิ้มกว้างและตบมืออย่างชื่นชม:

“พระไตรปิฎกสามารถคัดลอกได้ทุกเวลา นี่คงเป็นเพราะเจ้าตั้งใจจริง จึงเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว”

เมื่อหลี่จางเล่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของนางจึงเผยให้เห็นแสงแห่งความริษยาอย่างชัดเจน

แต่นางทำเพียงแค่ เหลือบตามองผ่านพระคัมภีร์นั้นเพียงชั่วอึดใจ

และสิ่งที่ได้เห็นคือ ตัวอักษรที่ถูกเขียนอยู่บนคัมภีร์เล่มนั้นช่างงดงาม และมีความเรียบร้อยจนน่าชื่นชม

จากนั้นนางจึงนึกขึ้นมาได้ว่า

เว่ยหยางมิมีความเชี่ยวชาญในศิลปะทั้งสี่ศาสตร์เลย

ไม่ว่าจะเป็นการดนตรี หมากรุก การวาดภาพ หรือการประดิษฐ์ตัวอักษรในการประพันธ์บทกวี

ดังนั้น นางจึงมิสามารถแสดงความสามารถในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ได้เลย

แล้วเป็นไปได้อย่างไร ที่นางสามารถคัดลอกพระไตรปิฎกฉบับนี้

สิ่งนี้นางตั้งใจทำเพื่อท่านย่าใหญ่โดยเฉพาะ จึงทำให้หญิงชราผู้นี้มีความสุขใจเป็นอย่างมาก

ผู้อาวุโสหลี่รับคัมภีร์แล้วจึงพยักหน้า และยิ้มให้กับหลานสาวคนโปรด

จากนั้นเว่ยหยางจึงยกถ้วยน้ำชาที่ชงเมื่อครู่ให้กับท่านย่า แต่นางมิได้รีบร้อนที่จะดื่ม เพียงแค่วางพักเอาไว้ด้านข้าง

หลี่หมินเฟิงเงยหน้าขึ้นจ้องมองจื่อหยาน และสาวใช้ได้พยักหน้าให้เขา โดยที่มิมีผู้ใดสังเกตุเห็น

ขณะนี้บนริมฝีปากของหลี่หมินเฟิงเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างน่าหลงใหล

ขณะที่ท่านย่าใหญ่และหลี่เว่ยหยางสนทนากันอย่างแผ่วเบา

ทำให้ฮูหยินใหญ่ ผู้ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างกลายเป็นส่วนเกินไปในทันที

ด้วยเหตุนี้หลี่ฉางซีจึงเกิดความจึงมิพอใจ นางจึงหันไปหาหลี่จางเล่อ และกล่าวว่า:

“พี่ใหญ่ ข้าได้ยินมาว่า เมื่อวานท่านพ่อมอบต่างหูทับทิมให้ท่านคู่หนึ่ง และมันสามารถเปลี่ยนสีได้ในยามที่โดนแสงแดด ใช่หรือไม่?”

หลี่จางเล่อยิ้มกว้างและกล่าวว่า:

“ใช่แล้ว มันเปลี่ยนสีได้ ข้าได้ยินมาว่า นี่เป็นเครื่องราชบรรณาการที่นักการทูตจากแคว้นอี๋นำมาเสนอ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลี่ฉางซีจึงเผยให้เห็นถึงความอิจฉาตาร้อนของนาง

จากนั้นหลี่ฉางเซียวจึงกล่าวขึ่นว่า

“พี่ใหญ่ คราวหน้าท่านควรนำมันออกมาให้พวกเราได้ชื่นชมบ้าง”

หลี่จางเล่อพยักหน้าอย่างจงใจ ขณะที่จ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยางและกล่าวว่า

“เจ้าทั้งสองก็ได้รับสร้อยข้อมืออัญมณีด้วยมิใช่หรือ?

โอ้ แล้วน้องสามเล่า ท่านพ่อให้อันใดเจ้าบ้าง?”

หลังจากหลี่เสี่ยวหรันกลับมาจากต่างเมือง เขาก็ลืมหลี่เว่ยหยางไปเสียสนิท

จึงมิได้นำสิ่งใดกลับมาฝากนางแม้แต่อย่างเดียว

ซึ่งสิ่งนี้หลี่จางเล่อรู้ดีตั้งแต่แรก แต่แกล้งเอ่ยถามอย่างจงใจ

เพราะต้องการเห็นเว่ยหยางตีโพยตีพายต่อหน้าทุกคน

แต่หลี่เว่ยหยางกลับยิ้มกว้าง และกล่าวว่า:

“การกลับมาอย่างปลอดภัยของท่านพ่อ นับว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับเว่ยหยางแล้ว ข้ามิเคยต้องการอย่างอื่น”

ฮูหยินใหญ่ได้ยินดังนั้นจึงเบ้ปากอย่างเย้ยหยัน แต่กลับกล่าวอย่างอบอุ่นว่า:

“เว่ยหยางเป็นเด็กกตัญญูจริง ๆ พวกเจ้าทุกคนต้องดูนางเป็นตัวอย่าง!”

ท่านย่าใหญ่สัมผัสได้ถึงความกตัญญูของหลานสาวคนโปรด จึงกล่าวเบา ๆ ว่า

“ถูกต้อง”

ทำให้ใบหน้าของฮูหยินใหญ่บูดบึ้งขึ้นมาทันที

เมื่อหลี่เว่ยหยางเห็นท่าทางสงบเงียบของหลี่หมิน เฟิง ทันใดนั้นจึงกล่าวว่า:

“กล่าวถึงของขวัญ พี่ชายใหญ่ของขวัญที่ข้าส่งไปให้ ท่านชอบมันหรือไม่?”

หลี่หมินเฟิงตกตะลึงชั่วขณะ จากนั้นจึงกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า:

“กระเป๋าใบนั้นงดงามมาก…”

ดวงตาของหลี่เว่ยหยางกระพริบถี่ ขณะที่กล่าวว่า:

“กระเป๋าอันใด? ข้ามิได้ส่งกระเป๋าไปให้ท่าน !”

ตอนนี้ทุกคนจึงตกอยู่ในอาการประหลาดใจ และสีหน้าของจื่อหยานได้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท