ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 46.2

ตอนที่ 46.2

ตอนที่ 46-2 คุกเข่าแทบเท้า

นางดูอ่อนแอและบอบบาง แต่มิมีอำนาจใดในโลกนี้ที่สามารถทำให้นางล้มลงได้

มันช่างขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง แต่ยังมีความกลมกลืนเป็นธรรมชาติ

ราวกับว่า ปัญญาของหมู่มวลมนุษย์ได้มารวมกันอยู่ในคนผู้เดียว

ทัวเป่าเจิ้นอดมิได้ที่จะคิดว่า มีหญิงสาวมากมายที่รายล้อมอยู่รอบตัวเขา

ซึ่งบางคนมีความสง่างามราวกับจักรพรรดินี

บางคนมีคุณธรรมสูงส่งจนมิสามารถเปรียบกับสิ่งใดได้ และยังมีอีกหลายคนที่มิสามารถพรรณนาได้หมด…

อย่างไรก็ตาม บนโลกใบนี้ยังมีหญิงสาวอีกหนึ่งคนที่ชื่อ หลี่เว่ยหยาง และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเห็นคนเช่นนาง

เห็นได้ชัดว่า นางเป็นดั่งเช่นดอกไม้เหล็กที่เบ่งบานอยู่บนโลกใบนี้

ดื้อรั้นแต่มีความสง่างาม อีกทั้งยังมีความเฉลียวฉลาด และมีไหวพริบดีเป็นที่สุด

น่าเสียดาย! ที่เกิดมาจากแหล่งกำเนิดที่ต้อยต่ำเกินไป!

ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีเข้มราวกับว่ามีนัยยะแอบแฝง

แน่นอนว่า เขาต้องการที่จะได้รับความรู้สึกขอบคุณจากหลี่จางเล่อ

ทุกคนตกตะลึง ขณะที่องค์ชายสามก้าวออกมาด้านหน้า เพื่อช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้กับหลี่หมินเฟิง

หากหลี่เว่ยหยางยังคงยืนกรานที่จะให้หลี่หมินเฟิงคุกเข่ายอมรับความผิดของตนเอง

นั่นเป็นสิ่งที่ดูเหมือนจะมากเกินไป!

ผู้อาวุโสหลี่จ้องมองไปยังภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกลำบากใจ ขณะที่ขมวดคิ้วขึ้นอย่างเคร่งเครียด

ในตอนนั้นฮูหยินใหญ่ได้ถอนหายออกมาอย่างโล่งอก

นับว่าเป็นโชคดีของคุณชายใหญ่ที่องค์ชายสามตัดสินใจที่จะยื่นมือเข้าช่วยแก้ไขสถานการณ์!

ขณะที่หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างเย็นชาโดยมิได้ใส่ใจในสายตาองค์ชายสามที่กำลังจ้องมองมายังนาง

นางทำเพียงแค่เดินไปด้านหน้าผู้อาวุโสหลี่ และโค้งคำนับด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้ง:

“ขอบคุณท่านย่าที่ยืนหยัดเพื่อเว่ยหยางมาโดยตลอด

แต่เนื่องจากเว่ยหยางเป็นเพียงเด็กผู้หญิง จึงมิสามารถทำให้พี่ชายใหญ่เสื่อมเกียรติ โดยการคุกเข่าตรงหน้าของข้า!”

ท่านย่าใหญ่ จ้องมองไปยังทัวเป่าเจิ้น ขณะที่ริมฝีปากของนางกระตุก

จากนั้นองค์ชายสามจึงกล่าวว่า:

“ข้าคิดว่า ให้เฟิงเอ๋อคุกเข่าเป็นเวลาหนึ่งคืนในห้องโถงบรรพบุรุษ

และ…คงต้องให้จางเล่อคุกเข่าเพื่อขอโทษแทนพี่ชายของนาง”

การแสดงออกของสามคนแม่ลูกรวมถึงฮูหยินใหญ่ได้เปลี่ยนไปในทันที

แสงในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของหลี่จางเล่อแสดงให้เห็นถึงความทุกข์ใจและความอับอายอย่างเห็นได้ชัด

นางจ้องมองไปยังทัวเป่าเจิ้นด้วยความหวังอย่างชัดเจนว่า ต้องการให้เขาเข้ามาช่วยนางอีกครั้ง

แต่ตามมารยาทแล้ว เขาช่วยเพียงแค่ครั้งเดียวนั้นก็นับว่ามากเกินไปแล้ว

จึงมองไปยังคุณหนูใหญ่ของบ้านตระกูลหลี่ด้วยสายตาที่แสดงถึงความเสียใจ

ฮูหยินใหญ่ตัดสินสถานการณ์อย่างรวดเร็วระหว่างลูกชายคนโตและลูกสาวสุดที่รักเธอเลือก:

“จางเล่อ เจ้าควรรับโทษแทนพี่ชายของเจ้า ที่ทำผิดต่อเว่ยหยาง”

หลี่จางเล่อรีบร้อนหันหน้าไปมองมารดาของตนเอง ด้วยอาการที่มิอยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

ในตอนนี้นางทำได้แค่เพียงกระพริบตาด้วยความฉงน ขณะที่ใบหน้านั้นแดงก่ำด้วยความรู้สึกอับอาย

แต่ได้พยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นจึงจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยาง

ในขณะที่ถือถ้วยน้ำชาเอาไว้ในมือ ด้วยอาการสงบนิ่ง

แต่ในที่สุดก็ร้องด้วยเสียงน้ำเสียงที่แผ่วเบาออกมาว่า

“น้องสาม”

หลี่เว่ยหยางยิ้มกว้าง และจ้องมองไปยังผู้ที่เป็นพี่สาว

ขณะที่สูดหายใจเข้าไปในปอดอย่างลึกที่สุด เพื่อสงบสติอารมณ์ที่กำลังลุกไหม้อยู่ในหัวใจของนาง

จากนั้นหลี่จางเล่อค่อย ๆ คุกเข่าลงขณะที่รอยยิ้มของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย:

“ข้ากับพี่ชายใหญ่เข้าใจเจ้าผิด…”

หลี่เว่ยหยางกล่าวเบา ๆ :

“มันมิใช่เรื่องของการเข้าใจผิด แต่เป็นเพราะพวกท่านปฏิบัติมิถูกต้องต่างหาก”

ผมสีดำคล้ายเมฆฝนของหลี่จางเล่อ และขนตาบอบบางที่ตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา

เป็นเหมือนดั่งดอกกุหลาบที่กำลังเบ่งบาน ที่มีไอน้ำเกาะอยู่บนดอกนั้น

ทุกคนที่อยู่ในขณะนี้ ดูเหมือนจะมิสามารถทนดูเหตุการณ์เช่นนี้ได้

ฮูหยินใหญ่รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ที่บุตรสาวสุดที่รัก ผู้ซึ่งนางเลี้ยงดูมาอย่างพิถีพิถันต้องมาประสบชะตากรรมเช่นนี้

ตอนนี้นางต้องจมปลักอยู่ที่ฝ่าเท้าของหญิงสาวที่เกิดร่วมสายเลือดเดียวกัน

แม้ว่าในภาคหน้าหลี่จางเล่อจะมีเกียรติยศและมีชื่อเสียงก็ตาม

แต่นางจะมิสามารถลบล้างความอัปยศอดสูในครั้งนี้ได้เลย

ในตอนนี้หลี่จางเล่อแทบจะมิสามารถปกปิดความเกลียดชังในใจของตนเองเอาไว้ได้

นางพยายามก้มศีรษะของตนเองลงอีกครั้งด้วยความลำบากใจ:

“เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว พวกเราปฏิบัติต่อเจ้าด้วยความอยุติธรรม”

นางหยุดชั่วคราวแล้วกล่าวต่อไปว่า:

“ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”

ริมฝีปากของหลี่จางเล่อถูกกัดจนเป็นสีแดง ขณะที่ดวงตานั้นแดงก่ำ

ทุกคนตกตะลึงในความงามของเธอ อันที่จริงความงามมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่รูปลักษณ์ที่สวยงามอย่างรุนแรงนั้นยากที่จะหาได้

หลี่เว่ยหยางจ้องมองไปยังพี่สาวขณะที่กล่าวอย่างช้า ๆ ว่า:

“ข้ามิเคยติดใจหรือคิดที่จะเอาเรื่องกับพวกท่านทั้งสองคนเลย”

คุณหนูใหญ่จ้องมองราวกับว่าต้องการที่จะดื่มเลือดกินเนื้อของนาง แต่กลับกล่าวว่า

“ทั้งหมดมันเป็นเพียงความเข้าใจผิดเท่านั้น เจ้ายังคงเป็นน้องสาวที่ดีของข้าเสมอ”

หลี่เว่ยหยางกระพริบตา จากนั้นได้ยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นฟันขาวของนาง

ฮูหยินใหญ่คิดว่าเรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว

แต่มิได้สังเกตเห็นดวงตาของหลี่เสี่ยวหรัน ที่เต็มไปด้วยความผิดหวังที่มิได้กล่าวอันใด ขณะที่เฝ้าดูพวกเขา…

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท