ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 53.2

ตอนที่ 53.2

ตอนที่ 53-2 เข้าวัง

หกชั่วโมงหลังจากส่งจดหมายฉบับนั้นออก ได้มีราชโองการจากวังหลวงเรียกตัวผู้ใดบางคน เพื่อเขาเฝ้าเจ้าจอมมารดาอัครมเหสี

ซึ่งแน่นอนว่า ผู้ที่ถูกเรียกตัวให้เข้าเฝ้ามิใช่คุณหนูใหญ่จากบ้านตระกูลหลี่

แต่เป็นคุณหนูสาม ผู้ที่มีชื่อว่า หลี่เว่ยหยาง

ชั่วขณะหนึ่ง บ้านตระกูลหลี่ทั้งหลังก็ตกอยู่ในความโกลาหลเป็นอย่างมาก

หลี่เสี่ยวหรันรีบเตรียมตัวอย่างเร่งด่วน ขณะที่ฮูหยินใหญ่อ้างว่าตนเองปวดหัว และหลบซ่อนตัวโดยที่มิมีผู้ใดสามารถเห็นเงาของนาง

และฮูหยินรองได้เฝ้าดูฮูหยินใหญ่ด้วยความสุขใจ

และทันใดนั้น เมื่อนึกถึงบุตรสาวของตนเอง ที่มิมีส่วนได้เสียกับเรื่องราวในครั้งนี้ จึงทำให้ความกระตือรือร้นของนางลดลงไป

มีเพียงฮูหยินสามเท่านั้น ที่ได้นำเงินออกมาเป็นพิเศษเพื่อให้หลี่เว่ยหยางตอบแทนคนรับใช้ที่มาจากในวังหลวง

และผู้อาวุโสหลี่ได้สั่งให้มารดาของฮูหยินสามรีบเดินทางมาที่บ้านตระกูลหลี่อย่างเร่งด่วน

เพราะนางเป็นผู้ที่รู้กฎระเบียบและมารยาทในวังเป็นอย่างดี จึงต้องการให้มาช่วยฝึกอบรมหลี่เว่ยหยางเป็นการส่วนตัว

เพราะกลัวว่า หากมิเข้าใจกฎของวังหลวง นางคงจะต้องทำการอันใดให้เป็นที่หน้าอับอายต่อหน้าพระอัครมเหสี

ในห้องนอนของคุณหนูใหญ่ หลี่จางเล่อกำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรงด้วยอาการป่วย

ตั้งแต่ได้ยินว่า หลี่เว่ยหยางจะได้เข้าเฝ้าพระมเหสีในมิช้า นางจึงความรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก

และมิทราบว่า เพราะเหตุใดหลี่เว่ยหยางจึงถูกเรียกตัวให้เข้าวัง เพื่อไปเข้าเฝ้าอัครมเหสีอย่างเร่งด่วน

แสงแดดสาดส่องเข้ามากระทบกับดอกไม้ที่ถูกประดับประดาไว้บนขอบหน้าต่าง

หลี่จางเล่อบิดผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมในมืออย่างไร้ความปราณี ราวกับว่านางต้องการที่จะฉีกมันให้ขาด

เมื่อสาวใช้คนสนิทของนางที่ชื่อว่าตันเซียงกำลังเดินเข้ามา และเห็นว่าคุณหนูของตนเองอารมณ์มิค่อยดีนัก จึงอดมิได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว

นางคิดจะเดินจากไป แต่ผู้ใดจะรู้ว่า นางได้ยินหลี่จางเล่อกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า:

“เจ้ากำลังหลีกเลี่ยงอันใดอยู่!”

ตันเซียงเกิดอาการสั่นสะท้านในหัวใจของนาง พร้อมกับรอยยิ้มปนความหวาดกลัวบนใบหน้า:

“วันนี้อากาศดี คุณหนูต้องการออกไปเดินเล่นที่สวนหรือไม่?”

จากนั้นได้เกิดเสียงโครมครามดังขึ้น เนื่องจากแจกันดอกกุหลาบที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาได้ถูกขว้างลงบนพื้น และแตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ

ตันเซียงเกิดความรู้สึกตกใจ และรีบร้อนคุกเข่าลงทันที

ในเวลานี้ได้มีเสียงของผู้คนกำลังสนทนาอยู่หน้าห้อง จากนั้นสาวใช้ที่มีชื่อว่าหลูจื่อได้เปิดม่านขึ้น และเดินเข้ามา

และเมื่อเห็นภาพนั้น นางจึงรีบก้มหัวลง และกล่าวว่า:

“คุณหนูใหญ่ แม่นมหลัวและคุณหนูสามมาหาท่าน”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่จางเล่อจึงรีบลุกขึ้นยืนทันที

หลี่เว่ยหยางกล้าที่จะมาที่นี่เช่นนั้นหรือ?

หากมิใช่เพราะนาง ตนเองก็คงจะมิต้องกลายเป็นผู้ที่ทุกคนสาปแช่งเช่นนี้!

ในตอนนี้หลี่จางเล่อมิได้มีความคิดแม้แต่น้อยว่า หากมิใช่เพราะนางตั้งใจที่จะขโมยผลงานของผู้อื่นไป

ตนเองก็คงมิต้องมาทนทุกข์อยู่ในสภาพเช่นนี้!

“รีบพาพวกนางเข้ามา!”

เมื่อหลี่จางเล่อได้กล่าวคำเหล่านั้นจบลง จึงนึกบางอย่างขึ้นมาได้

“แม่นมหลัวมากับนางด้วยหรือ”

หลูจื่อกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า:

“ใช่แล้ว แม่นมหลัวมากับนางด้วย”

หลี่จางเล่อขมวดคิ้วด้วยความสงสัย และมีลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้น:

“รีบเก็บกวาดเศษแจกันให้หมดเดี๋ยวนี้”

หลูจื่อจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงช่วยตันเซียงทำความสะอาดบริเวณนั้น

นั่นหมายความว่า คุณหนูใหญ่จะต้องระงับสงบสติอารมณ์ของตนเอง เพราะมีผู้อื่นกำลังเข้ามาหา

เมื่อหลี่เว่ยหยางเดินเข้ามาถึง จึงร้องถามอย่างอบอุ่นว่า

“พี่ใหญ่ท่านหายป่วยแล้วหรือยัง?”

หลี่เว่ยหยางอารมณ์ดี จนมิสามารถเก็บซ่อนรอยยิ้มของตนเองเอาไว้ได้ ตอนนี้ใบหน้าอันบอบบางของนางนั้นเต็มไปด้วยความสุขใจ

หลังจากกล่าวทักทายแล้ว นางได้นั่งลงที่โต๊ะ และตันเซียงรีบรินน้ำชา

ส่วนหลูจื่อได้นำโต๊ะตัวเล็กมาวาง สำหรับให้แม่นมหลัวนั่ง

หลี่จางเล่อจ้องมองไปยังหลี่เหว่ยหยาง พร้อมกับการฝืน:

“น้องสามมาหาข้า มีธุระอันใดหรือไม่?”

หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อยขณะที่ถือถ้วยชาโดยมิได้กล่าวกันได้

แต่เป็นแม่นมหลัวที่เปิดปากเพื่อเอ่ยว่า

“คุณหนูใหญ่, คุณหนูสามจะต้องเข้าวังในมิช้า และในช่วงเวลาที่กระชั้นชิดเช่นนี้ เราจึงมิสามารถเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมได้ทัน

ท่านย่าใหญ่ได้บอกกล่าวให้คุณหนูสามมาหยิบยืมเสื้อผ้าจากท่าน”

หลี่จางเล่อเบะปากแสดงอาการมิพอใจชั่วขณะ จากนั้นจึงกล่าวว่า:

“เสื้อผ้าของข้า…ข้าเกรงว่า ขนาดของมันคงจะมิพอดีตัวของน้อง สาม

ผ้าไหมที่พี่ชายใหญ่นำกลับมาในครั้งที่แล้ว เจ้าใช้หมดแล้วหรือ? เหตุใดมินำมันออกมาตัดเย็บเสื้อผ้าชุดใหม่?”

หลี่เว่ยหยางกระพริบตาราวกับว่านางมิได้ยินอันใดเลย จากนั้นได้จ้องมองไปยังถ้วยชาสีเขียวหยกอย่างเฉยเมย

แม่นมหลัวจึงยิ้มและกล่าวว่า:

“ท่านย่าได้กล่าวว่า เสื้อผ้าเหล่านั้นมีสีสันที่สว่าง และสดใสมากจนเกินไป

เจ้าจอมมารดาชอบเสื้อผ้าที่เรียบง่ายและดูสุภาพเรียบร้อย ดังนั้นคุณหนูใหญ่โปรดให้ความช่วยเหลือด้วย”

ความโกรธและความแค้นของหลี่จางเล่อที่เก็บซ่อนเอาไว้ภายในใจเกือบจะระเบิดออกมาในทันใด

มารดาของนางพยายามทุกวิถีทางเพื่อค้นหาความพึงพอใจของเจ้าจอมมารดาอัครมเหสี

จากนั้นจึงได้จัดการตัดเย็บเสื้อผ้าเหล่านี้ขึ้น เพื่อบุตรสาวอันเป็นที่รักโดยเฉพาะ

ตอนนี้นางจะต้องส่งมอบมันให้กับผู้อื่นหรือ? นางจะเต็มใจได้อย่างไร?! จากนั้นจึงกล่าวออกมาทันทีว่า:

“น้องสาม ข้ากลัวว่ามันจะมิพอดีกับเจ้า”

ทันใดนั้น ภายในห้องก็เงียบสงบลงราวกับว่า มิมีผู้ใดอยู่ในนั้นเลย

ความเงียบยังคงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นมีเพียงเสียงของหลี่เว่ยหยางค่อย ๆ ปิดฝาถ้วยน้ำชาลง ทำให้เกิดเสียงที่เปราะบาง

ราวกับว่า นางมิเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำกล่าวนั้น นางทำเพียงแค่ยิ้มขณะที่กล่าวว่า:

“หากมันมิพอดีก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ ที่ตำหนักของท่านย่ามีช่างเย็บปักฝีมือดีอยู่หลายคน”

จากนั้นนางได้หยุดครูหนึ่ง จากนั้นได้กล่าวต่ออีกว่า:

“หรือว่า พี่ใหญ่กลัวว่าเว่ยหยางจะทำมันเสียหาย?

มิต้องกังวล เว่ยหยางเพียงยืมมันไปสวมใส่ชั่วคราวเท่านั้น และจะคืนให้ท่านเมื่อกลับมาแล้ว”

เมื่อหลี่จางเล่อถูกบีบบังคับเช่นนั้นใบหน้าของนางจึงเปลี่ยนเป็นเป็นสีเขียวด้วยความโกรธแค้นจนกล่าวอันใดมิออก

และแม่นมหลัวได้กล่าวว่า:

“ตอนนี้ก็สายมากแล้ว คุณหนูใหญ่…”

หลี่จางเล่อหายใจเข้าลึก ๆ และกัดฟันแน่นพร้อมกับกล่าวว่า:

“เช่นนั้นก็จงรับไป แต่น้องสามต้องรักษามันให้ดี…”

มันจะดีที่สุด หากหลังจากเข้าวังไปแล้ว เด็กสาวผู้นี้จะทำให้เจ้าจอมมารดาเกิดความขุ่นเคือง และถูกประหารชีวิตในที่สุด!

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท