ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 65.2

ตอนที่ 65.2

ตอนที่ 65- 2 จับตาดู

หลังจากการตายของจื่อหยานแล้ว มีเพียงไป๋จื่อ และโม่ฉูเท่านั้นที่เป็นคนใกล้ชิดที่สุดที่หลี่เว่ยหยางเหลืออยู่

ทุกคนคิดว่า นางจะเลือกสาวใช้ที่มีอันดับสูงสองคนจากตำหนักใหญ่

แต่ผู้ใดจะไปคิดว่า หลังจากครึ่งเดือนผ่านไป นางก็ยังมิได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด

แม้ว่าบรรดาสาวใช้และแม่นมทั้งหลายจะเกิดความสงสัย แต่พวกนางก็มิกล้าเอ่ยถาม

และเนื่องจากมีหลายสิ่งที่ต้องทำในตำหนักหยวนซี

ในที่สุดโม่ฉูจึงร้องขอจากหลี่เว่ยหยาง และได้เลือกฉินฟาง และหงหลัวเพื่อช่วยงานในตำหนัก

เนื่องจากฉินฟางเคยรับใช้ในบ้านพักของฮูหยินใหญ่ และนางมีความเฉลียวฉลาดเป็นพิเศษ

โม่ฉูจึงเฝ้าดูนางอย่างตั้งใจ เพราะกลัวว่า นางอาจจะเป็นสายลับที่ฮูหยินใหญ่ส่งมา

สำหรับหงหลัวนั้น เนื่องจากนางเป็นบุตรสาวของผู้จัดการฝ่ายบัญชี

และกำลังรอการแต่งงาน อีกทั้งมิได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับเจ้านายคนใดในบ้านตระกูลหลี่ทั้งหมด

พวกนางจึงมิได้จับตาดูนางอย่างใกล้ชิด เนื่องจากนางเป็นผู้ที่น่าเชื่อถือ และมีความซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก .

อีกทั้งนางยังเป็นผู้ที่เงียบขรึม จึงค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจจากพวกนาง และได้รับความไว้วางใจให้ทำงานที่สำคัญมากขึ้น

คืนนี้เป็นเวรยามของไป๋จื่อและหงหลัว

ก่อนที่จะเข้านอน หลี่เว่ยหยางรู้สึกกระหายน้ำ จึงสั่งให้สาวใช้นำน้ำชามาให้

ไป๋จื่อชอบหงหลัวเป็นอย่างมาก เพราะสาวใช้ผู้นี้มีความขยันขันแข็ง และตั้งใจที่จะให้นางได้แสดงตัวต่อหน้านายหญิง

เพราะในอนาคตเมื่อนางได้รับการปล่อยตัว นายหญิงจะได้มอบรางวัลให้นางบ้าง

ดังนั้นไป๋จื่อจึงส่งนางไปยกน้ำชาให้คุณหนูสาม

หงหลัวก้มศีรษะลง และหลี่เว่ยหยางมองไปที่แขนของนางด้วยความสงสัย

มิใช่เรื่องใหญ่ หากนางมิได้สังเกตเห็น แต่เมื่อเหลือบไปเห็นแล้ว หลี่เว่ยหยางจึงสังเกตเห็นสิ่งแปลกประหลาดจากข้อมือของสาวใช้ผู้นี้

หงหลัวมักแต่งตัวเรียบง่าย และนอกจากเครื่องประดับที่จำเป็นแล้วนางมิได้สวมใส่เครื่องประดับพิเศษใด ๆ แต่วันนี้มีกำไลหยกปรากฏบนข้อมือของนาง

มันมิใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องแปลกที่นางพยายามซ่อนกำไลหยกไว้ใต้แขนเสื้อของตนเอง

หากหลี่เว่ยหยางมิได้โน้มตัวเข้ามาใกล้ ๆ กำไลหยกนี้ จะมิสามารถมองเห็นมันได้

หลี่เว่ยหยางเคยเห็นเครื่องประดับมาแล้วมากมายนับมิถ้วน

ดังนั้น นางจึงสามารถทราบได้ว่า กำไลข้อมือนี้มิใช่ธรรมดา กำไลข้อมือนี้ทำจากหยกสีเขียวเนื้อดีที่มิมีร่องรอยของตำหนิแม้แต่น้อย และมันยังส่องแสงเป็นประกายในความมืดด้วย

นางจำได้ว่าโม่ฉูเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า บิดาของหงหลัวเป็นผู้จัดการในห้องบัญชี

และนางยังมีพี่ชายอีกสองคนที่กำลังจะแต่งงาน พวกเขาจึงต้องทำงานเพื่อหาเงินกันอย่างหนัก

โดยหวังว่าพวกเขาจะมีของขวัญเพิ่มเติมสำหรับการแต่งงานของตนเอง

ครอบครัวเช่นนี้จะซื้อกำไลหยกล้ำค่าให้กับบุตรสาวได้หรือ?

ความคิดมากมายแวบเข้ามาในจิตใจของหลี่เว่ยหยาง

และในท้ายที่สุด มิมีร่องรอยของการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง ในขณะที่นางล้มตัวลงนอนตามปกติ

นางฟังเสียงฝีเท้าของหงหลัวถอยห่างออกไปอย่างเงียบ ๆ แต่ดวงตาของนางยังคงเบิกกว้าง

นางกังวลใจเกินไปหรือเปล่า?

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากตื่นนอน หลี่เว่ยหยางได้แสดงสีหน้า และทำตัวให้เป็นปกติเหมือนดังเช่นทุกวัน

และเมื่อนางเห็นหงหลัวแล้ว จึงหาข้ออ้างให้นางออกไปทำธุระด้านนอก

จากนั้นนางได้เรียกโม่ฉูและไป๋จื่อ เข้ามาเพื่อสอบถาม

โม่ฉูตอบว่า:

“เดิมที มารดาของหงหลัวได้หมั้นหมายนางกับผู้ใดบางคน

แต่ด้วยเหตุผลที่อธิบายมิได้ การแต่งงานได้ถูกยกเลิกในที่สุด

ดังนั้น บิดาของนางจึงขอร้องให้แม่บ้านช่วยให้หงหลัวเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลหลี่เพื่อช่วยงาน”

เหตุผลที่ไป๋จื่อรู้เรื่องราวเหล่านี้โดยละเอียด และนางจับตามองเป็นพิเศษ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่จื่อหยานทรยศ:

“คุณหนู ท่านสงสัยว่าหงหลัว…”

หลี่เว่ยหยางส่ายหัว มันเป็นเพียงกำไลหยกอันล้ำค่า และสิ่งนี้จะพิสูจน์อันใดได้?

แต่เงินรายเดือนของหงหลัวมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และนางมิมีโอกาสมากนักที่จะออกจากบ้านตะกูลหลี่

และทรัพย์สมบัติของนางมิมีอันใดหายไปเลยแม้แต่ชิ้นเดียว หากกำไลนี้มิได้ขโมยมาจากที่ใด แล้วมันมาจากไหน?

หลี่เว่ยหยางกล่าวว่า

“เจ้าทั้งคู่ต้องแสร้งทำเป็นเหมือนมิรู้อันใดเลย หากมิมีอันใดผิดปกติกับนาง…นั่นก็ดีแล้ว

แต่หากมีปัญหา ต้องหาหลักฐานเพื่อมัดตัวนางให้ได้”

กล่าวตามตรงว่า นางมิต้องการเห็นจื่อหยานคนที่สองปรากฏตัวขึ้น แต่สิ่งต่าง ๆ ในโลกก็เป็นเช่นนี้

ยิ่งเรามิต้องการให้เกิดอันใดขึ้น ก็มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเกิดขึ้น

เมื่อเทียบกับจื่อหยานแล้ว เป็นจื่อหยานที่มีพิรุธมากมาย

หงหลัวเติบโตมาในตระกูลหลี่ งานของนางเรียบร้อย และมีความกระตือรือร้น

อีกทั้งนางยังถูกมองว่า เป็นสาวใช้ที่มีความเฉลียวฉลาด แต่ยิ่งนางมีความฉลาดมากเท่าใด นางก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น

หากนางมิได้สวมกำไลหยก หลี่เว่ยหยางก็คงมิได้เกิดความเคลือบแคลงใจ

แต่ในโลกนี้ เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้เห็นเครื่องประดับที่มีค่าและมีความงดงาม

แม้ว่าพวกนางจะต้องซ่อนมันไว้ใต้เสื้อผ้าของตนเอง ก็ยังคงต้องการที่จะสวมใส่มันเพื่อความรู้สึกที่ดี

หงหลัวเป็นหญิงสาวเช่นเดียวกันกับทุกคนเ ดังนั้นนางจึงมิสามารถทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดจากการเห็นเครื่องประดับที่งดงามได้ จึงเป็นเหตุผลที่นางยอมเสี่ยง

หลังจากนั้นหงหลัวระมัดระวังการแสดงออกของตนเอง และมิให้เผยพิรุธให้ผู้ใดได้เห็น

คืนนั้นร่างของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ และทันใดนั้นนางมิกล้าสวมกำไลนั้นอีก

และนางได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการรับใช้หลี่เว่ยหยาง

จากนั้นสามวันต่อมา ไป๋จื่อได้เข้ามารายงานว่า:

“คุณหนู บ่าวแอบจับตาดูนางอย่างลับ ๆ แต่นางมีความระแวดระวังตัวเป็นพิเศษ

อีกทั้งนางมิได้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลภายนอก และเท่าที่บ่าวสังเกตเห็น ในตอนนี้ยังมิมีอันใดที่ผิดปกติ”

หลี่เว่ยหยางพยักหน้าและกล่าวว่า:

“หรือบางทีนางอาจจะรู้ตัวแล้ว”

ไป๋จื่อตกตะลึง ขณะที่นางกล่าวอย่างใจจดใจจ่อว่า:

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า บ่าวแสดงพิรุธให้เห็น นางจึงรู้ความตั้งใจของพวกเรา?”

หลี่เว่ยหยางส่ายหัว และกล่าวว่า

“แม้แต่สุนัขจิ้งจอกที่ฉลาดที่สุดก็จะเผยหางออกมาในที่สุด เราคงต้องรอให้นานกว่านี้”

หลี่เว่ยหยางกล่าวได้ถูกต้องแล้ว หลังจากรอมาสามวัน และหงหลัวมิสังเกตเห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติใด ๆ จากคุณหนูสาม

จึงเชื่อว่า ตนเองมีความระแวงจนเกินไป ดังนั้นในที่สุดนางจึงได้ลงมือ

คืนนั้นไป๋จือและแม่นมที่รับผิดชอบในการดูแลยามค่ำคืนได้ช่วยกันจับตัวหงหลัว

ไป๋จือสั่งให้คนรับใช้ปิดปากนางแล้วพาไปตรงหน้าหลี่เว่ยหยางเป็นการส่วนตัว

หลี่เว่ยหยางมองไปที่ร่างที่สั่นเทาของหงหลัวและหัวเราะ:

“เหตุใดเจ้าจึงต้องกลัวถึงเพียงนี้?”

ไป๋จื่อเดินเข้ามาแล้วดึงผ้ายัดปากหงหลัวออก จากนั้นหงหลัวจึงกล่าวทันทีว่า:

“คุณหนู, บ่าวทำอันใดผิด?”

เมื่อหลี่เว่ยหยางเห็นว่า นางจงใจแสดงสีหน้าราวกับว่ามิมีอันใดเกิดขึ้น จึงยิ้มอย่างใจเย็นและกล่าวว่า:

“ข้าปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดี แล้วเหตุใดเจ้าถึงทรยศข้า?”

หงหลัวเม้มริมฝีปากแน่น และนางมิได้กล่าวอันใดออกมาอะไรแม้แต่คำเดียว ขณะที่มีเหงื่อผุดและไหลลงมาจากหน้าผากของนางอย่างมิรู้จบ

หลี่เว่ยหยางรู้ว่า จื่อหยานมิสามารถเทียบได้กับหงหลัวได้ในเรื่องการต่อสู้

จื่อหยานมาจากผิงเฉิง และนางชอบอ่านนวนิยายมากมาย จึงมีความเพ้อฝันว่าตนเองจะได้กลายเป็นหงส์ในฝูงกา

แต่หงหลัวถูกเลี้ยงดูในบ้านตระกูลหลี่ ดังนั้นนางจึงรู้ว่าผลลัพธ์ของบ่าวที่เข้าร่วมการต่อสู้ภายในครอบครัวจะมิมีทางจบลงด้วยดี

และครั้งนี้ฮูหยินใหญ่ต้องมีข้อเสนอที่น่าสนใจให้กับหงหลัวอย่างแน่นอน

เมื่อครุ่นคิดถึงส้่งนี้ หลี่เว่ยหยางจึงกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า:

“หงหลัว ปีนี้อายุของเจ้ายังมิถึงสิบห้าปี น่าเสียดายที่เจ้าจะต้องพบกับจุดจบที่น่าเศร้าใจ

ข้ามิต้องการที่จะคร่ำครวญถึงชีวิตของผู้หญิง เพราะเมื่อเราก้าวผิดพลาดไป จะทำให้เราต้องเสียเวลาไปทั้งชีวิต

ดังนั้นในฐานะผู้หญิงเราต้องเรียนรู้ที่จะทะนุถนอมตนเอง

หงหลัวอย่าได้กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เจ้าต้องคิดถึงอนาคตในวันข้างหน้าของตนเอง!”

หงหลัวจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยางด้วยความประหลาดใจ ขณะที่ใบหน้าของนางซีดขาวขึ้น และร่างกายของนางยังคงแข็งทื่อ

หลี่เว่ยหยางถอนหายใจ ขณะที่ไป๋จื่อกล่าวว่า:

“หงหลัว, คุณหนูกำลังให้โอกาสเจ้าทำคุณไถ่โทษ

เห็นได้ชัดว่า เจ้ากำลังฝังอะไรบางอย่างอยู่ และข้าได้ส่งคนไปขุดมันแล้ว

เหตุใดเจ้าจึงมิกล่าวออกมาตามตรง นี่เป็นโอกาสที่เจ้าจะได้ชดใช้ความผิดพลาดของตนเอง ด้วยการทำความดี”

การแสดงออกของหงหลัวเปลี่ยนไปอย่างมิอาจที่จะคาดเดาได้

นางจ้องมองดวงตาที่สดใสของหลี่เว่ยหยางและนิ่งเงียบ

หลี่เว่ยหยางกล่าวออกมาอย่างใจเย็นว่า:

“หงหลัว เจ้าเป็นผู้ที่มีความรอบคอบ และการงานของเจ้าก็มีความสะอาดเรียบร้อย ซึ่งข้ามีความพอใจมาก

เมื่อสองวันก่อน ไป๋จื่อกล่าวถึงการส่งเสริมให้เจ้าได้เป็นสาวใช้ระดับหนึ่ง แต่เหตุใดเจ้าจึงต้องการทำลายอนาคตของตนเอง?

หากเจ้าได้เป็นสาวใช้คนสนิทของข้า จะมิดีกว่าหรือ?”

หงหลัวก้มหัวลงเป็นเวลานาน โดยที่นางมิได้กล่าวอันใดสักคำ

หลี่เว่ยหยางรู้ว่า สาวใช้ผู้นี้กำลังเกิดความสับสนอยู่ภายในใจของตนเอง

เว่ยหยางมิได้กดดันนาง และในตอนนี้มีเพียงเสียงของนาฬิกาทรายเท่านั้น เป็นเสียงที่เกิดจากเม็ดทรายกำลังร่วงหล่นผ่านลงมา

และตอนนี้ร่างของหงหลัวได้เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ในที่สุดเมื่อนางเริ่มเปิดปากกล่าว แต่ก็แทบจะมิได้ยินเสียงของนาง:

“บ่าวผิดไปแล้ว คุณหนูโปรดชี้แนะบ่าวด้วย”

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน