ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 66.3

ตอนที่ 66.3

ตอนที่ 66 -3กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัว

เมื่อหลี่จางเล่อกลับไปยังตำหนักของตนเองแล้ว จึงแอบให้ตันเซียงออกไปสืบถามข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อตันเซียงกลับมา หลี่จางเล่อจึงเอ่ยถามด้วยความร้อนรนว่า:

“ว่าอย่างไรบ้าง?”

ตันเซียงกล่าวว่า:

“บ่าวไปพบท่านหมอเจ็ดหรือแปดคน ทุกคนล้วนยืนยันว่า รกของมนุษย์มีประโยชน์และสามารถช่วยบำรุงความงามได้จริง

นอกจากนี้ พระสนมในวังหลายนางก็กินสิ่งนี้เช่นเดียวกัน บางทีสิ่งที่คุณหนูห้กล่าวมานั้นอาจจะเป็นความจริง”

หลี่จางเล่อเคยทราบสิ่งนี้มาก่อนจากตำรายา แต่ทว่าสิ่งที่นองเลือดเช่นนั้น ในที่สุดนางก็ยังรู้สึกขยะแขยง และรังเกียจอยู่ดี

แต่ตอนนี้เมื่อเห็นหลี่ฉางซีใช้มันเพื่อบำรุงความงามของตนเอง แน่นอนว่า นางมิสามารถต้านทานการถูกล่อลวงได้

คืนนั้นหลี่จางเล่อไปที่ตำหนักซวงเยว่อย่างเงียบ ๆ และเห็นหลี่ฉางซีกำลังนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก

สาวใช้ถือถาดเข้าไปข้างใน และเดินเข้าไปหานางพร้อมกับชามเล็ก ๆ บนถาด

จากนั้นจึงเห็นว่าหลี่ฉางซีเปิดฝาถ้วยและยกขึ้นกินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความเคยชิน

หลี่ฉางเล่อแทบจะมิกล้าก้าวผ่านประตูเข้าไป แต่เมื่อนางก้าวเท้าเข้าไปและสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมแปลก ๆ

มันเป็นกลิ่นหอมที่น่าหลงใหล และมีกลิ่นคาวของเลือดสดปะปนอยู่ด้วย หลี่จางเล่อจึงบีบจมูกของตนเองโดยสัญชาตญาณ

แต่นางรู้สึกได้ทันทีว่า การกระทำของตนเองกะทันหันเกินไป จึงฝืนยิ้มออกมาและลูบผมของนางพลางกล่าวว่า:

“น้องห้ากำลังกินมันอยู่หรือ?”

เมื่อหลี่ฉางซีเห็นหลี่ฉางเล่อจึงหยุดกินทันที และยืนขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อนาง

“มันมีกลิ่นที่แปลกพิกล แต่กินแล้วสามารถเห็นผลได้จริงหรือ?”

หลี่จางเล่ออดมิได้ที่จะเอ่ยถาม และหลี่ฉางซียิ้มอย่างใจเย็น:

“พี่ใหญ่ ข้ามิมีเหตุผลอันใดที่จะต้องมาหลอกลวงท่าน เมื่อเทียบกับโสมแล้ว สิ่งนี้มีประสิทธิภาพมากกว่ามาก

ตอนนี้ข้าหวังเพียงว่าทสิ่งนี้จะสามารถลบรอยแผลเป็นของข้าได้ในเร็ววัน”

“สิ่งเหล่านี้…มันจะส่งผลร้ายต่อเราในภายหลังหรือไม่?…”

หลี่จางเล่อกล่าวด้วยอาการตื่นตระหนก

“พวกมันจะส่งผลร้ายได้อย่างไร?

หากเป็นอันตรายจริง แล้วเหตุใดหลายคนจึงกล้ากินมัน?

สิ่งนี้มิสามารถหาได้ง่าย ๆ ท่านต้องโชคดีมากจึงจะได้รับมันทันทีหลังจากที่มีคนให้กำเนิดเด็ก

หมอทั่วไปมิสามารถขอรับสิ่งนี้ได้และราคาของมันเริ่มต้นด้วยราคาทองคำขึ้นไป”

นิ้วของหลี่จางเล่อสั่นเล็กน้อย ขณะที่นางได้ยินเสียงของหลี่ฉางซีหัวเราะและกล่าวว่า:

“พี่ใหญ่ ท่านต้องการทดลองดูด้วยตนเองหรือไม่?”

หลี่จางเล่อจ้องมองไปที่ชามกระเบื้องสีฟ้าอมขาวด้วยความลังเลใจ

และในท้ายที่สุด นางมิสามารถต้านทานความเย้ายวนนั้นได้ จึงพยักหน้าเล็กน้อย

สามวันต่อมาในคืนนั้นแม่นมหลิน ผู้ซึ่งอยู่เคียงข้างฮูหยินใหญ่นำแม่นมที่มีรูปร่างใหญ่โตสี่คนมา และได้เดินตรงไปที่ตำหนักหยวนซีของหลี่เว่ยหยาง

ตอนนี้หลี่เหว่ยหยางเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้วและกำลังนั่งหวีผมของตนเองอย่างสบายอารมณ์

และเมื่อนางได้ยินเสียงของไป๋จื่อ ดังมาจากด้านนอกว่า:

“แม่นมหลิน ตอนนี้ดึกมากแล้ว เหตุใดฮูหยินใหญ่ยังต้องการที่จะพบคุณหนูสามอีก”

หลี่เว่ยหยางมองไปที่เงาสะท้อนของตนเองในกระจก ขณะที่มุมริมฝีปากของนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ

แน่นอนว่า ฮูหยินใหญ่ต้องมีความ กังวลใจ และตัดสินใจที่จะกำจัดนางในที่สุด?

โม่ฉูกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า:

“คุณหนู ท่านต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่หรือไม่?”

เมื่อหลี่เว่ยหยางพยักหน้าตอบรับแล้ว โม่ฉูจึงช่วยนายหญิงแปรงผมแต่งหน้าใหม่และเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้นาง

ด้านนอกแม่นมหลินยิ้มกว้างราวกับว่า ตั้งแต่เกิดมานานมิเคยได้ยิ้มกว้างเท่านี้มาก่อน:

“เราเป็นเพียงคนรับใช้เท่านั้นจึงมิกล้าโต้แย้งเรื่องนี้ และนี่เป็นคำสั่งของฮูหยินใหญ่

ข้าเป็นเพียงผู้ส่งสารเท่านั้น โปรดให้คุณหนูสามตามเรามาด้วย”

แม้ว่าหลี่เว่ยหยางจะเป็นเซียนจูแล้ว แต่ก็ยังจัดว่าเป็นเพียงแค่ขุนนางอันดับที่สอง

แต่ผู้หญิงใหญ่ผู้ซึ่งอยู่ในฐานะมารดาของนาง เป็นถึงผู้หญิงที่สูงศักดิ์อันดับหนึ่ง

แม้ว่าต่อหน้าแม่นมหลินจะให้ความเคารพเซียนจูผู้นี้

แต่ในความเป็นจริงแล้ว นางไม่ได้ใส่ใจในตำแหน่งของคุณหนูสามเลยแม้แต่น้อยเพราะมีผู้ให้ท้ายอยู่นั่นเอง

ไป่จื่อแสดงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิด และกำลังจะโต้ตอบกลับแต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของคุณหนูสามได้ จึงยิ้มและกล่าวว่า:

“หากเป็นเช่นนั้น แม่นมหลินโปรดรอสักครู่ ข้าจะรีบไปบอกให้คุณหนูสามเตรียมตัวในทันที”

แม่นมหลินกล่าวว่า:

“แน่นอนว่า บ่าวจะรออยู่ที่นี่”

หลี่เว่ยหยางค่อย ๆ แต่งหน้าและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าอย่างใจเย็น

และนางได้สั่งให้ไป่จื่อไปเรียกคนรับใช้และแม่นมทั้งหมดมารอที่บริเวณลานบ้าน

ไป๋จือมีความคิดว่า จะให้พวกเขามารออันใดกัน?

แต่นางรีบก้มหน้าและทำตามที่สั่งทันที

หลี่เว่ยหยางพาโม่ฉูไปกับนางด้วยและพวกนางก็ออกจากตำหนักหยวนซีไปอย่างสงบ

สถานที่นัดหมายมิใช่บริเวณลานของตำหนักที่ฮูหยินใหญ่พักอาศัยอยู่

แต่อยู่ในห้องโถงใหญ่ และทุกคนมารวมตัวกันที่นั่นอย่างน่าประหลาดใจ

นอกเหนือจากท่านอารองที่ติดธุระอยู่แล้วยังมีผู้อาวุโสหลี่, ฮูหยินใหญ่, ฮูหยินรอง และฮูหยินสามอยู่ด้วย

หลี่จางเล่อสวมชุดสีม่วงอ่อน ซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคน

นางถูกเรียกตัวมาที่นี่กลางดึก แต่ความงดงามของนางกลับมิได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

ในทางตรงกันข้ามใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของนางนั้น ยังมีความบอบบางราวกับดอกบ๊วยแรกแย้ม

รูปร่างของนางเพรียวบางราวกับว่ากำลังบินอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆที่เคลื่อนคล้อย

ซึ่งสิ่งนี้สามารถทำให้คุณหนูรองและฮูหยินรองหันหน้ากลับไปมองนางครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความอิจฉาตาร้อน

หลี่เว่ยหยางทักทายทุกคน ขณะที่สายตาคู่งามของนางจับจ้องไปยัง

ฮูหยินใหญ่แห่งบ้านตระกูลหลี่

สตรีผู้สูงศักดิ์ผู้นี้นั่งตัวตรง ขณะที่ทรงผมของนางกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย

มีเพียงปิ่นทับทิมที่ปักอยู่บนเท่านั้นที่บ่งบอกถึงความสูงศักดิ์ของนาง

สายตาของนางเปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่เห็นหลี่เว่ยหยาง แต่นางยิ้มและกล่าวออกมาว่า:

“นั่งตรงนั้นก่อน”

ในที่สุดฮูหยินรองก็หมดความอดทนและกล่าวว่า:

“ฮูหยินใหญ่ ท่านมีอันใดจึงเรียกพวกเรามาที่นี่?

ตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่ท่านมิปล่อยให้ผู้อื่นพักผ่อน มันหมายความว่าอย่างไรกัน?!”

คำกล่าวสุดท้ายของนาง ดูเหมือนจะเป็นการเรียกร้องและตั้งคำถาม

หลี่เสี่ยวหรันขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด แต่มีได้กล่าวอันใดออกมา ขณะที่ฮูหยินใหญ่ยิ้มกว้างและกล่าวว่า:

“ข้าทำสิ่งนี้ก็เพื่อเห็นแก่ตระกูลหลี่ของเรา เพราะสิ่งที่ข้ากำลังจะกล่าวต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับทุกคนในตระกูลหลี่ ดังนั้นข้าต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

หากฮูหยินรองมิต้องการฟังสิ่งนี้ท่านก็สามารถกลับไปได้เลย เพราะหากท่านมิกล่าวขัดขึ้นมาเรื่องที่ข้าต้องการจะกล่าวก็คงมิล่าช้า”

จากนั้นฮูหยินรองจึงเย้ยหยันว่า

“เนื่องจากเราเสียเวลามาที่นี่แล้ว ดังนั้นจึงควรได้รับรู้ก่อนที่จะไป

ท่านมีอันใดที่ต้องการจะกล่าวก็ควรกล่าวได้เลย”

จากสิ่งที่ฮูหยินใหญ่กล่าวออกมานั้น หลี่เว่ยหยางสามารถเข้าใจถึงเจตนาของนาง แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นมิรู้สึกว่า มีสิ่งใดที่ผิดปกติ

โดยมิสนใจการจ้องมองของหลี่จางเล่อ และนางแสดงท่าทีราวกับว่าหญิงสาวผู้งดงามที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นอากาศที่ว่างเปล่า

ผู้อาวุโสหลี่หมดความอดทน จึงเปล่งเสียงออกมาว่า:

“ดีมาก เจ้าต้องการที่จะกล่าวอันใด? จงรีบอธิบายให้ชัดเจน!”

ฮูหยินใหญ่ยิ้มอย่างเย็นชา และกล่าวว่า:

“ท่านแม่ แน่นอนว่าหากมิใช่เรื่องเร่งด่วน ข้าคงจะมิทำให้ท่านต้องลำบาก

ทุกวันนี้ท่านพี่ฝันร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งมันทำให้หัวใจของข้าเกิดความรู้สึกร้อนรนเป็นอย่างมาก

จึงรีบเชิญปรมาจารย์ลัทธิเต๋าที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวงมาตรวจดูทันที

และเขาสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวอยู่ภายในบ้านของเรา”

ท่านผู้อาวุโสหลี่เย้ยหยันอย่างเย็นชาว่า:

“กลิ่นอายที่น่ากลัวเช่นนั้นหรือ? กลิ่นอายที่น่ากลัวนี้อยู่ที่ใดกัน?”

การแสดงออกของฮูหยินใหญ่หม่นหมองลงเล็กน้อย นางกวาดตามองทุกคนอย่างเหนื่อยล้าและกล่าวว่า:

“เรื่องนี้…ข้าหวังว่า ท่านแม่จะยินยอมให้ค้นหาบางอย่างที่สนามหญ้า”

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท