ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 72.1

ตอนที่ 72.1

ตอนที่ 72-1 หวาดกลัวคุณหนูสาม

เนื่องจากทัวเป่าเจิ้นเกิดมามีฐานะที่ต้อยต่ำกว่าองค์ชายอื่น ๆ จึงมักจะถูกผู้คนดูถูกอยู่เสมอ

ส่วนใหญ่เป็นเพราะเหตุนี้ เขาจึงมีความทะเยอทะยานซ่อนอยู่ภายในหัวใจมากกว่าคนอื่น ๆ และที่เขามีท่าทีเรียบเฉยและอ่อนโยนนั้นมิใช่ว่าเขามรู้สึกขุ่นเคืองใด ๆ

แต่เป็นเพียงการใช้ความเกลียดชังที่ซ่อนอยู่เป็นพลังในการขยับขึ้นทีละก้าว เขาไต่เต้าตั้งแต่องค์ชายที่ถูกเยาะเย้ยไปจนเป็นถึงจักรพรรดิที่มีฐานะสูงส่งกว่าผู้คนหลายล้านคน

ดูเหมือนว่า เขากําลังพยายามใช้ตรรกะนี้เพื่อโน้มน้าวหลี่เว่ยหยางใช่หรือไม่? เพื่อให้หลี่เว่ยหยางยืนอยู่เคียงข้างเขา

 เว่ยหยาง ตอนนี้เจ้ามีชื่อเสียงและตําแหน่งที่คนทั่วไปมิสามารถเทียบได้

อีกทั้งพระบิดาและพระอัครมเหสีต่างก็โปรดปรานในตัวเจ้า เจ้าทําสําเร็จแล้ว เหตุใดเจ้ายังทําในสิ่งที่มิได้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอยู่เล่า? 

เขาชี้นําความคิดของนางทีละขั้นตอน ขณะที่หลีเว่ยหยางจ้องมองเขาและได้เผยรอยยิ้มออกมา

 องค์ชายสาม เหตุใดพระองค์จึงทรงอดทนต่อหม่อมฉันอย่างที่มิเคยคาดคิดมาก่อน  

นางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างจริงจังและกล่าวอีกว่า

 มันทําให้หม่อมฉันมีความรู้สึกปลื้มปีติอย่างล้นหลาม แล้วจากสิ่งที่พระองค์กําลังตรัสนั้น หม่อมฉันควรทําอย่างไรดี? 

ใบหน้าอันหล่อเหลาของทัวเป่าเจิ้น มีการแสดงออกที่ไร้กังวล เขาคิดว่าหลี่เหว่ยหยางหลงกลตนเองแล้ว หรืออีกนัยหนึ่งเขากําลังก้าวไปสู่ความสําเร็จอีกขั้นหนึ่ง

 หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะหาวิธีที่จะเป็นมิตรกับทุกคน จากนั้นจะใช้โอกาสนี้ไต่เต้าขึ้นไป ทําให้จักรพรรดิและอัครมเหสีชื่นชอบเจ้ามากขึ้น

ทําให้ทั้งสองพระองค์ทรงโปรดปรานเข้า เพื่อที่จะได้แสวงหาโอกาสที่ดีกว่า

เว่ยหยาง หากเจ้าเห็นด้วยข้าสามารถทูลขอพระบิดาให้เจ้ามาเป็นนางบําเรอของข้าได้… 

นางบําเรอ?

บุรุษผู้นี้เดินมาหยุดณ จุดจุดนี้เพื่อกล่าวประโยคที่ว่า ต้องการให้นางเป็นนางบําเรอเช่นนั้นหรือ?

หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างเย็นชา

ชีวิตในชาติที่แล้ว เขาทําเพื่อที่จะได้รับการสนับสนุนและอํานาจทางการทหารของหลี่เสี่ยวหรัน ชายผู้นี้จึงขอแต่งงานกับหลี่จางเล่อ

แต่ผู้ใดจะทราบว่าเขาได้แต่งงานกับบุตรสาวที่เกิดกับหยินเหนียง เขามพอใจมาก แต่เขากลับ แสร้งทําเป็นว่ามีมีอันใดเกิดขึ้น

เขาหลอกใช้นางและความเชื่อมโยงของนางกับตระกูลหลี่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากผู้อื่นเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ

ในขณะที่เขาใส่ร้ายองค์ชายพระองค์อื่น ๆ และในที่สุดเขาก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์

หลังจากขึ้นครองบัลลังก์แล้ว เนื่องจากความอัปยศอดสูก่อนหน้านี้เขาได้ขับไล่นางให้ไปอยู่วังเย็นโดยมลังเลใจเลยแม้แต่น้อย

และทําให้หลีจางเล่อกลายเป็นจักรพรรดินีของเขา

นางบําเรอ?

นางมิต้องการที่จะเป็นสะพานให้เขาก้าวข้ามไปอีกครั้ง

ในใจของทัวเป่าเจิ้นมองลงไปที่สถานะของนางในฐานะบุตรสาวที่เกิดจากหยินเหนียง

ผู้ที่เขาต้องการที่จะแต่งงานด้วยอย่างแท้จริงคือไข่มุกของตระกูลหลี่ ซึ่งก็คือหลีจางเล่อผู้งดงามราวกับเทพธิดานั้นเอง

บนใบหน้าอันหล่อเหลาของทัวเป่าเจิ้นปรากฏร่องรอยของความอ่อนโยนขณะที่กล่าวว่า

 ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงตอนนี้ผู้ชายมีหลายวิธีในการได้รับอํานาจ แต่ผู้หญิงสามารถพึ่งพาสามีได้เท่านั้น

เจ้าคงจะรู้ว่า ข้าเกิดมาต่ำต้อยกว่าองค์ชายท่านอื่น ข้าสามารถกล่าวได้ว่าเจ้าและข้ากําลังทุกข์ทรมานจากชะตากรรมเดียวกัน

ข้ามีผู้ที่ข้าเกลียดชัง แต่ข้าจะมละทิ้งตัวเองเหมือนที่เจ้ากําลังทําอยู่ มันจะทําให้รอบตัวของเจ้ามีศัตรูเพิ่มมากขึ้น หากเจ้าเชื่อข้าอย่างน้อยองค์ชายผู้นี้ก็สามารถช่วยเจ้าได้ 

 องค์ชายสาม พระองค์ทรงเคยถูกทุบตีบ้างหรือไม่? 

ทัวเป่าเจิ้นตะลึงเล็กน้อยจากนั้นจึงได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนของนางกล่าวอีกว่า

 พระองค์เคยหิวถึงขึ้นที่ต้องแย่งอาหารกับหมูในคอกหมูหรือไม่?

แล้วเคยให้ผู้อื่นขี่เหมือนสุนัขที่ต้องคลานไปรอบ ๆ เพราะผู้อื่นมิมีอันใดจะเล่นหรือเปล่า…

องค์ชายสามพระองค์ทรงทราบหรือไม่ว่า ความเกลียดชังคืออะไร?และความเจ็บปวดคืออะไร? 

หลเว่ยหยางหัวเราะเยาะอย่างเจ็บปวด

ทัวเป่าเจิ้นจ้องมองไปที่นางและมิกล่าวอันใดสักคํา

 พระองค์กล่าวว่า ทรงเข้าใจความรู้สึกเกลียดชังหรือ?

พระองค์จะต้องแค้นอันใดอีก ทรงเติบโตมาพร้อมกับความหรูหราและฟุ่มเฟือย มีทหารองครักษ์คอยคุ้มกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

ความอยุติธรรมที่พระองค์กล่าวถึงเกิดจากสถานะที่มิสูงพอ พระองค์จึงต้องทรงอดทนต่อการดูถูกและความอัปยศอดสู ดังนั้นเรามิใช่คนประเภทเดียวกัน! 

หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างเย็นชาขณะที่กล่าวอีกว่า

 หม่อมฉันเคยกล่าวไปแล้วว่า เราสองคนนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นคํากล่าวเหล่านี้องค์ชายสามมิจําเป็นต้องตรัสอีก 

ทัวเป่าเจิ้นมิเห็นด้วยกับเหตุผลเหล่านั้นของนาง แต่เขาทําแค่เพียงยิ้มอย่างเย็นชา และมิได้กล่าวอันใด

เขาให้โอกาสนางไปแล้ว หากมิใช่เพราะนางยังสามารถใช้งานได้อยู่เขาก็จะมิสนทนากับนางในสภาพอากาศที่มีลมแรงและหนาวสั่นเป็นเวลานานเช่นนี้

มุมริมฝีปากสีดอกกุหลาบของทัวเป่าเจิ้นโค้งขึ้นเพื่อสร้างความร้ายกาจขณะที่เขากล่าวว่า

 เช่นนั้นคงจะต้องขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว 

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ใบหน้าของเขามีความแปลกประหลาดและยังเน้นย้ำในคํากล่าวสุดท้ายของตนเองอย่างชัดเจน

หลังจากที่กล่าวเช่นนั้นแล้ว เขาได้สะบัดแขนเสื้อของเขาทิ้ง ในขณะที่ก้าวเดินออกไป หลี่เว่ยหยางจ้องมองไปที่เงาของเขาและหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

ห่างจากจุดนั้นมิไกลนักหลี่หมินเต๋อ กําลังดูภาพนี้ ขณะที่กําหมัดแน่น

ในดวงตาของเด็กชายมีรัศมีที่คมชัดราวกับหยาดน้ำค้างปรากฏขึ้นทําให้ดวงตาคู่นั้นเป็นเหมือนใบมีดที่ถูกขัดเงา

บนโลกใบนี้ เขาไปไหนมิได้อีกแล้ว และมิใช่ว่าจะเป็นแค่เขาเท่านั้นแม้แต่เว่ยหยางเองก็คงไปไหนมิได้เช่นกัน ซึ่งทําให้เขาได้รับมีความรู้สึกเก็บกดอย่างมาก

คุณหนูสามมีผู้คนมากมายอยู่เคียงข้างนาง แม้ว่าเด็กชายจะรู้ว่านางและคนผู้นี้มิได้มีความสัมพันธ์หรือความรักต่อกัน

แต่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงที่มิสามารถอธิบายได้ระหว่างสองคนนี้

หากคุณหนูสามมิได้ใส่ใจทัวเป่าเจิ้นอย่างแท้จริง เหตุใดนางจึงแสดงความรังเกียจและแสดงถึงความเป็นศัตรูต่อกันทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าบุรุษผู้นี้

เขาก้มศีรษะลง และมีความคิดว่าบางทีเขาอาจเห็นแก่ตัวมากเกินไปเพราะคุณหนูสามและเขานั้นมิได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด

นอกจากคําสัญญาที่พี่สาวผู้นี้ได้ให้ไว้กับฮูหยินสามแล้ว นางมิจําเป็นต้องปกป้องเขาและดูแลเขาเช่นนี้แต่สําหรับเขา…

อันที่จริงแล้ว เขาเองที่เห็นแก่ตัวและดื้อรั้น อีกทั้งยังต้องการครอบครองความห่วงใยและการดูแลจากหลีเว่ยหยาง

มิมีผู้ใดดูแลเขาเช่นนี้มาก่อน มีเพียงนางที่ยืนหยัดอยู่ตรงหน้าเพื่อปกป้องเขา

โลกของพี่สามมีความสับสนมากเกินไป มีผู้คนมากมายในหัวสมองของนาง เขาต้องทําอย่างไร เพื่อให้หลี่เว่ยหยางมีเพียงเขาในใจเท่านั้น

นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสวน หลี่จางเล่อและคนอื่น ๆ หลีกเลี่ยงหลี่เว่ยหยางทุกครั้งที่เห็นเซียนจูผู้นี้

มันเหมือนกับว่า พวกเขาหวาดกลัวว่าพวกเขาจะเผลอทําในปักผมบนศีรษะของนางหรือกําไลหยกและแหวนที่มือของนางได้รับความเสียหาย ซึ่งทําให้ภาพนี้ดูแล้วช่างน่าขบขันยิ่งนัก

หลี่เว่ยหยางอดทนและรอคอยโดยมิได้ให้ความใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้มากนัก เพราะนางรู้ดีว่าฮูหยินใหญ่ยังคงต้องการที่จะโค่นล้มตนเอง แต่ทว่าคนผู้นี้ยังใจเย็น และยังมิยอมขยับ

 

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

ยอดหญิงแห่งวังหลัง

Status: Ongoing

ชีวิตเป็นสิ่งที่มิคาดเดาได้เลย สามีของนางได้ตกหลุมรักพี่สาวของนางเอง

จึงปลดหลี่เว่ยหยางออกจากการเป็นจักรพรรดินี และเขาเป็นต้นเหตุให้บุตรชายต้องตาย

ในวังเย็นแห่งนั้น หลี่เว่ยหยางถูกบังคับให้ดื่มเหล้าพิษ

จึงให้สาบานกับตนเองเอาไว้ว่า หากชาติหน้ามีจริง จะมิทำความดีอีก จะมิช่วยเหลือผู้อื่น จะมิก้าวเข้าไปในวังหลวง และจะมิมีวันเป็นจักรพรรดินี!

และในวันนั้น ที่บ้านพักขุนนางระดับสูง นายหญิงได้ให้กำเนิดบุตรสาว แต่ทว่า เด็กผู้นั้นเกิดมาเป็น’นางมารร้าย’ นังแม่เลี้ยงใจร้าย?

ข้าจะส่งเจ้าไปนรก! นังพี่สาวสับปรับ หน้าซื่อใจคด? ข้าจะแยกลอกหนังหน้าอันงดงามของเจ้าออก!

ส่วนน้องสาวที่คิดชั่วต่อข้า? ข้าจะโยนเจ้าลงหลุมฝังศพ!

พวกเจ้ามิเคยปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นสมควรแล้ว ที่จะมีชะตากรรมเช่นนี้!

ในตอนแรก นางตั้งใจที่จะอยู่ให้ห่างจากหายนะให้มากที่สุด แม้กระนั้นหัวใจของมนุษย์ก็เหมือนเข็มในทะเล

มิอาจรู้ว่าเหตุใด และมิสามารถเข้าใจได้ ผู้ที่เคยสาบานว่าจะมิเหลียวแลเว่ยหยาง

กลับกลายเป็นผู้ที่ขาดนางมิได้ จากผู้ที่ฆ่านางในชาติที่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท