บทที่ 198 มังกรอยู่ที่นี่ด้วยรึ? 3 (1)
โคลเปย์ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง มีโครงกระดูกมังกรสีดำและชายผมดำอยู่ตรงหน้าเขาราวกับกำลังปกป้องเมืองเรนเอาไว้
‘..ตอนนี้พวกเขายังมีปรมาจารย์ดาบอีกด้วย! จะมีดินแดนที่บ้าระห่ำเช่นนี้ได้อย่างไร!?’
ความจริงที่ว่าไม่มีตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์โรมันประดับไว้ตามเครื่องแบบ ยุทโธปกรณ์ ธงและสถานที่ต่างๆทำให้เขาเข้าใจได้ว่ากองกำลังทั้งหมดเป็นของอาณาเขตเฮนิตัส ใบหน้าของโคลเปย์เริ่มแข็งค้างขึ้น
ช่วงเวลานั้นเอง
“ท่านหัวหน้า!”
อัศวินใต้บังคับบัญชาของเขามุ่งหน้ามาหาทันที อัศวินผู้นี้เป็นคนเดียวกับที่เข้ามาหาเขาเมื่อตอนที่โครงกระดูกพวกนี้ปรากฏโฉมเป็นครั้งแรก เขาเป็นคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาคุยกับโคลเปย์ได้
“ว่าอย่างไร?”
สายตาของโคลเปย์ยังคงจับจ้องไปที่ชายผมดำตรงหน้าเมื่อเอ่ยถามลูกน้องของตนออกไป เสียงของอัศวินหมวกเหล็กเต็มไปด้วยความมั่นใจในบางอย่าง
“ดูเหมือนคนที่จะกลายเป็นตำนานเช่นท่านมักมีกำแพงสูงให้ต้องปีนป่ายขึ้นไปนะขอรับ”
สีหน้าของโคลเปย์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ความกลัวและความโลภเริ่มเด่นชัดบนใบหน้าจากนั้นจึงออกคำสั่งแก่ลูกน้องของตน
“ใช้พลังทั้งหมดที่เรามีเพื่อทำลายโล่ป้องกันนั่น!”
“ขอรับ!”
อัศวินหมวกเหล็กบังคับไวย์เวิร์นให้ถอยหลังกลับทันที โคลเปย์ชูดาบขึ้นสู่อากาศอีกครั้ง ออร่าสีขาวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและสว่างจ้ากว่าออร่าสีดำ
ออร่าอันเป็นเอกลักษณ์ของนักดาบ
มันเป็นไปตามบุคลิกเฉพาะตัวของเจ้าของดาบ นั่นเป็นสาเหตุที่โคลเปย์มั่นใจในพลังของตนเองว่าเหนือกว่าเจ้าบ้าผมดำหลายเท่า
กรรจ์!!!!~~~~~~
ไวย์เวิร์นกลายพันธุ์คำรามขึ้นมาก่อนที่เชวฮันจะตะโกนก้องเพื่อแข่งกับเสียงนี้
“เข้ามา!!”
“ฮึ!..ช่างกล้ายิ่งนัก!”
แสงสีขาวเปลี่ยนเป็นลูกทรงกลมขนาดใหญ่และพุ่งเข้าหาเชวฮันทันที โครงกระดูกมังกรก็เริ่มขยับหนีเช่นกัน
รู้สึกราวกับว่าทั้งสวรรค์ พื้นโลกและนรกใต้พิภพกำลังสั่นสะเทือน
แสงสีดำปะทะเข้ากับแสงสีขาวจนเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ
ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!! ~~~~~~
กรงเล็บสีขาวของไวย์เวิร์นตะปบเข้ากับโครงกระดูกมังกร จากนั้นก็พยามใช้เขี้ยวกัดลงบนปีกข้างหนึ่งของโครงกระดูกมังกร
แต่มันไร้ประโยชน์
ครูดดดดดด!!!
กรงเล็บไม่สามารถข่วนโครงกระดูกมังกรได้ ปีกก็ไม่หักหรือถูกกระชากออกไปเช่นกัน
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก ทั้งเผ่าวาฬผู้ปกครองทั่วผืนมหาสมุทร เผ่าหมีและเผ่าสิงโตที่มีเป้าหมายจะขึ้นเป็นราชาของสัตว์อสูรบนบก มีเพียงมังกรเท่านั้นที่ถูกเรียกว่ามังกรและไม่ใช่เผ่ามังกรแต่อย่างใด
ไม่ใช่เพราะมังกรตัวใหญ่หรือแข็งแกร่ง
แต่พวกมันคือชนชั้นที่แตกต่างกัน
ไวยเวิร์นกลายพันธุ์กรีดร้องออกมา เลือดค่อยๆไหลออกจากกรงเล็บของมันเมื่อถูกระชากจนหลุดออกไป ไวย์เวิร์นยักษ์กลายพันธุ์ตัวนี้นับว่าแข็งแกร่งกว่าไวย์เวิร์นตัวอื่นๆทำให้มันมั่นใจว่าตัวเองจะสามารถทำลายโครงกระดูกมังกรตัวนี้ได้ แม้ว่ามังกรจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เอาชนะได้ยากแต่มันในตอนนี้ก็เหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น
น่าเสียดายที่ไม่มีสัตว์ประหลาดตนใดสามารถทำลายโครงกระดูกมังกรลงได้
สิ่งมีชีวิตชนชั้นล่างไม่สามารถปีนป่ายขึ้นมาเพื่อเอาชนะชนชั้นสูงได้ฉันใดไวย์เวิร์นก็ไม่ใช่กรณียกเว้นเช่นกัน
ดาบของเชวฮันก็สามารถป้องกันออร่าสีขาวได้อย่างง่ายดาย เขาจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของโคลเปย์
ปั้ง!!
ไวย์เวิร์นกลายพันธุ์ไม่ยอมแพ้เมื่อใช้ร่างกระแทกเข้ากับโครงกระดูกมังกร มันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเปลี่ยนให้โครงกระดูกกลายเป็นเศษธุลี ปรมาจารย์ดาบทั้งสองเข้าปะทะกันอีกครั้งเมื่อไวย์เวิร์นเปิดฉากปะทะเข้ากับโครงกระดูกมังกร
ชิ้งงงงง!!!!
เคลเปย์ตวัดดาบขึ้นอีกครั้ง
ออร่าสีขาวเริ่มเลื้อยเหมือนงูและพุ่งตัวเข้าหาเชวฮันอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ออร่าสีดำของเชวฮันก็พุ่งตรงมาด้านหน้าและตัดออร่าสีขาวขาดออกทันที
“ไม่เลวนี่!”
โคลเปย์ยังคงเชื่อในออร่าของตนว่าเหนือกว่าอีกฝ่ายเมื่อเอ่ยล้อชายผมดำตรงหน้า อย่างไรก็ตามเชวฮันกลับไม่ปฏิกิริยาตอบรับใดๆ ปฏิกิริยาดังกล่าวทำให้โคลเปย์เลิกคิ้วสูง
“คนอย่างเจ้าก็เป็นแค่อุปสรรคให้ข้าก้าวผ่านไปเพื่อสร้างตำนานอันยิ่งใหญ่ให้ตัวข้าเท่านั้นล่ะ!”
หืม? คิ้วของเชวฮันกระตุกขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งนั้น
โครงกระดูกมังกรและไวย์เวิร์นกลายพันธุ์ต่างถอยออกมาตั้งหลักหลังเข้าปะทะกันไปหนึ่งครั้งแล้ว
มันเป็นช่วงเวลาที่โคลเปย์ยิ้มเยาะเมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของชายผมดำตรงหน้า
“ข้าคิดจะจัดการเจ้าให้ไวที่สุดเพราะเจ้าเป็นคนที่น่ารำคาญมาก..แต่ตอนนี้เจ้ากำลังมัวพล่ามอะไรอยู่?ไร้สาระชะมัด!”
“….เจ้าว่าอะไรนะ?”
โคลเปย์ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นสายตาที่ชายผมดำจ้องมาที่เขา สายตาของเจ้านี่คล้ายกับกำลังดูถูกเขาอยู่
แน่นอนว่าเชวฮันกำลังดูถูกโคลเปย์เพราะเขาพูดมากและมีความมั่นใจเกินไป
ออร่าของเชวฮันค่อยๆจางลง มันค่อยสลัวลงเรื่อยๆจนกระทั่งกลายเป็นความมืดที่ไร้แสงในที่สุด
ออร่าที่ตรงกับบุคลิกของผู้ใช้
ความมืดที่ไร้ซึ่งแสงสี
นั่นคือธรรมชาติที่แท้จริงของความมืดเช่นเดียวกับพลังอันแท้จริงที่เชวฮันฝึกฝนและพัฒนาฝีมือในป่าแห่งความมืด ตอนนี้เชวฮันเลือกที่จะยอมรับในพลังดังกล่าวและต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เขาดึงพลังดังกล่าวนี้ขึ้นมาและฝึกปรือมันจนสำเร็จ
ออร่าของเขายังคงสามารถเติบโตและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
เชวฮันไม่สามารถนิ่งนอนใจได้เมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ลเคยพูดเอาไว้
‘เขาคิดจะสร้างตำนานหน้าใหม่ขึ้นมางั้นรึ?’
เชวฮันส่งพลังแห่งความมืดมาตรงหน้าโคลเปย์และเอ่ยขึ้น
“เจ้าไม่ใช่คนที่จะสร้างตำนานนั้นขึ้นมา..บทบาทนี้สงวนไว้สำหรับผู้อื่นแล้ว!”
ตำนาน!
ประวัติศาสตร์หน้าใหม่!
‘ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ข้าจะเขียนมันขึ้นมาในบ้านหลังที่สองของข้า’
สำหรับประวัติศาสตร์หน้าใหม่นั้นถูกคนผู้หนึ่งจับจองเอาไว้แล้ว มันสงวนไว้ให้เฉพาะคนที่มีคุณสมบัติคู่ควรเท่านั้น
“อะไรนะ?”
โคลเปย์ถามออกไปด้วยความเหลือเชื่ออย่างไรก็ตามแผ่นหลังของเขาค่อยๆเย็นขึ้นเรื่อยๆ
ดาบคมวับของเชวฮันปรากฏแสงสว่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นี่คือขีดจำกัดของพลังที่เขามีในตอนนี้ เขารู้ว่าเขาจะสามารถเดินไปตามเส้นทางใหม่ด้วยดาบที่มืดสนิทของเขาได้อย่างไร
เชวฮันแบ่งปันแผนในอนาคตให้โคลเปย์ได้ทราบ
“ข้าจะเป็นคนสร้างเส้นทางให้เขาไปถึงฝั่งให้ได้!”
เส้นทางที่บุคคลผู้นั้นจะกลายเป็นตำนาน
เขาจะเป็นคนสร้างเส้นทางนั้นให้สำเร็จ นั่นคือความมุ่งนั่นในชีวิตของเขาในตอนนี้
แมรี่เป็นเพียงคนเดียวที่ได้ยินบทสนทนาดังกล่าว ใบหน้าของหมอผีผู้ควบคุมโครงกระดูกมังกรซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดซีดลงเรื่อยๆ โครงกระดูกมังกรจะเปลี่ยนสีไปตามลักษณะของพวกมันจึงเป็นเรื่องยากที่เธอจะสามารถควบคุมโครงกระดูกที่มีคุณสมบัติพิเศษได้ง่ายนักแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพลังเวทย์แห่งความตายของแมรี่ก็สามารถชโลมไปทั่วโครงกระดูกมังกรซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสีขาวให้กลายเป็นสีดำได้ นี่คือโครงกระดูกมังกรที่ถูกพบในหนองน้ำสีดำและคาร์ลก็มอบมันให้เธอก่อนที่เธอจะพยามฝึกฝนอย่างหนักจนสามารถควบคุมมันได้สำเร็จ
เธอคือคนเดียวที่สามารถเชื่อมต่อกับโครงกระดูกมังกรในตอนนี้ได้ โครงกระดูกมังกรกลายเป็นร่างเดียวกันกับเธอและสามารถได้ยินบทสนทนานั้นได้อย่างชัดเจน
เสียงของเชวฮันยังคงก้องอยู่ในหัวของเธอ
‘ข้าจะเป็นคนสร้างเส้นทางให้เขาไปถึงฝั่งให้ได้!’
สายตาของแมรี่จ้องไปข้างหน้าทันที
มันพุ่งไปที่คาร์ลซึ่งกำลังควบคุมโล่เงินอยู่ เธอยังได้ยินเสียงของเขาพึมพำออกมาเบาๆ
“พวกเขามัวแต่ทำอะไรกันอยู่..ทำไมไม่สู้กันสักที?”
มันเป็นเพียงการบ่นเงียบๆเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยินแต่มันก็ลอดเข้ามาในหูของเธออยู่ดี แม้ว่าความเห็นของคาร์ลจะทำให้เขาดูไม่น่าเชื่อถือไปสักหน่อยแต่แมรี่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้คาร์ลกำลังเผชิญกับอะไรอยู่
หลังของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ไหล่ของเขาก็เริ่มสั่นเล็กน้อย
แมรี่รู้ดีว่านายน้อยคาร์ลเป็นคนที่พยายามมากที่สุดในตอนนี้ เขามักเป็นเช่นนี้เสมอ
สำหรับคาร์ลแล้วมันเป็นเรื่องยากที่ต้องยกแขนของตนค้างเอาไว้เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าเขากำลังบังคับโล่ป้องกันให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกลงโทษและแขนของเขาก็เริ่มล้าเต็มที มันเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆด้วยความปวด
แมรี่มองแขนที่สั่นเทาของคาร์ลเมื่อนึกถึงสิ่งที่คาร์ลเคยออกเอาไว้เมื่อสามวันที่แล้วก่อนที่เขาจะเริ่มเปิดใช้โล่ป้องกัน
‘อย่าปรากฏตัวให้คนอื่นได้เห็น ยังมีคนอีกมากที่ต้องการทำร้ายเจ้าเมื่อเจ้าเริ่มใช้พลังเวทย์แห่งความตายเพื่อช่วยอาณาเขตของเรา’
ตอนนั้นเธอสามารถตัดสินใจได้ทันที
เธอยินดีมากกว่าที่จะลงมือทำสิ่งนี้ให้กับคนที่สามารถดึงเธอมาพบกับสิ่งที่สวยงามบนโลกกว้าง การปกปิดตัวเองจากสายตาของคนอื่นคือสิ่งที่เธอถนัดยิ่งนัก
อย่างไรก็ตามความคิดของเธอกลับเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ลพูดต่อจากนั้น
‘แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป เจ้าจะไม่ใช่คนที่ต้องหลบซ่อนตัวอีกต่อไป ข้าจะทำให้เจ้าสามารถใช้ชีวิตได้ตามที่เจ้าต้องการ’
คำพูดของคาร์ลทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง มือของแมรี่ที่ปกคลุมไปด้วยเส้นเลือดสีดำเริ่มขยับอีกครั้ง
ฟริ้ววววววว~~~~~~
สายลมหนาวพัดผ่านเข้ามา เสื้อคลุมสีดำของเธอเริ่มสั่นไหว ฮู้ดที่เธอปิดใบหน้าเอาไว้ดูเหมือนกำลังจะหล่นหลงมาแต่เธอก็ไม่คิดที่จะดึงมันขึ้นเช่นกัน
มีสิ่งสำคัญที่เธอต้องทำในตอนนี้
แน่นอนว่าตอนนี้ไม่มีใครมองเห็นเธอได้เช่นกันเพราะราอนใช้เวทย์ล่องหนอำพรางร่างของเธอเอาไว้
อย่างไรก็ตามมีคนผู้หนึ่งที่รู้สึกถึงการมีตัวตนของเธอ
เชวฮันก้มลงมองด้านล่าง
แสงสีดำเริ่มปรากฏที่ปลายเท้าของโครงกระดูกมังกร มันคือพลังเวทย์แห่งความตาย มันเป็นพลังของแมรี่ แสงสีดำที่เคยปรากฏแค่ในดวงตาของโครงกระดูกมังกรเริ่มกระจายไปทั่วร่างก่อนจะพุ่งตรงไปยังตำแหน่งหัวใจของโครงกระดูกมังกรอย่างรวดเร็ว
นั่นทำให้เชวฮันรู้ได้ทันที
เขาเข้าใจในสิ่งที่แมรี่ต้องการจะสื่อ
‘เจ้ารู้สึกแบบเดียวกับข้าสินะ? เจ้าและข้ากำลังเดินบนเส้นทางเดียวกัน!’
มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เชวฮันสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แล้วเขาจำเป็นต้องกลัวกับสถานการณ์เช่นนี้ด้วยหรือ?
เชวฮันยื่นมือออกมา โครงกระดูกมังกรก็เริ่มเคลื่อนไหวในจังหวะเดียวกันราวกับมันกลายเป็นเท้าของเขาไปแล้ว
นักดาบและมังกร
ทั้งคู่กำลังเคลื่อนไหวเหมือนกัน
บู้ม!!
การเคลื่อนไหวของหนึ่งนักดาบและหนึ่งโครงกระดูกมังกรไม่ได้ส่งเสียงดังมากนัก
กรรจ์!!!!~~~~~~
เขี้ยวของมังกรฝังลงบนลำคอของไวย์เวิร์นกลายพันธุ์
เฉ้งงงงงงง!!!
ในเวลาเดียวกันออร่าสีขาวก็ถูกตัดขาดทันที ดวงตาของโคลเปย์เบิกกว้างก่อนที่ความมืดซึ่งไร้สีสันจะบดบังสายตาของเขา
ติ๋ง!! ~~~~~~
เลือดเริ่มทะลักออกจากลำคอไวย์เวิร์นกลายพันธุ์ กรงเล็บของโครงกระดูกมังกรแทงเข้าลำคอไวย์เวิร์นอย่างไม่ยอมปล่อย
เชวฮันโน้มร่างไปเกาะที่ลำคอของโครงกระดูกมังกร
“แมรี่ขึ้นไปกันเถอะ!”
แมรี่ตอบสนองคำพูดของเชวฮันทันที
พรึ่บบบ! ~~~~~~
พลังเวทย์แห่งความตายเริ่มกระจายเป็นใยแมงมุมเพื่อสร้างปีกขนาดใหญ่ให้กับโครงกระดูกมังกร ดวงตาของแมรี่เริ่มปกคุลมไปด้วยเส้นเลือดคล้ายเส้นด้ายสีดำ อย่างไรก็ตามเธอไม่คิดที่จะหยุดมือเช่นกัน
เธอกำลังเติบโตขึ้น
เธอจะเอาชนะกำแพงนี้ให้ได้
มือของเธอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
กรรจ์!!!!~~~~~~
ลำคอของไวย์เวิร์นเริ่มกลายเป็นสีดำ
“อึ่ก!”
โคลเปย์จับสายบังเหียนไว้แน่นเพื่อสร้างสมดุลให้กับร่างของตน ออร่าสีขาวของเขาพุ่งไปที่อุ้งเท้าของโครงกระดูกมังกรแต่มันก็ยังสามารถกระพือปีกบินสูงขึ้นเรื่อยๆ
มันกำลังไต่ระดับสูงขึ้น
อุ้งเท้าของโครงกระดูกมังกรยังคงจิกลำคอของไวย์เวิร์นไว้แน่นเมื่อมันเริ่มพุ่งตัวขึ้นและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว เชวฮันเคลื่อนตัวไปประจำการที่ศีรษะของโครงกระดูกมังกรเมื่อมันเริ่มบินสูงขึ้น
อัศวินนายหนึ่งที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองได้แต่เผลอพึมพำออกมาเท่านั้น
“..อัศวินมังกร”
หัวใจของเขาเต้นรัวขึ้นเมื่อเผลอพูดออกไปเช่นนั้น มันเป็นชื่อที่มีน้ำหนักยิ่งนักแม้แต่ชื่อของอัศวินไวย์เวิร์นก็ไม่สามารถเทียบติดได้ สายตาของอัศวินยังคงจ้องเขม็งไปบนท้องฟ้า ผลลัพธ์ของการทำศึกในครั้งนี้ขึ้นอยู่กับการต่อสู้ระหว่างอัศวินมังกรและอัศวินไวย์เวิร์น
ทันใดนั้นเอง
ปั้งงงงงงงง!!!!!
ยอดภูเขาหินถล่มลงมาทันที โครงกระดูกมังกรเหวี่ยงไวย์เวิร์นลงบนภูเขาหินลูกหนึ่ง
~มังกรแข็งแกร่งจริงๆ!ส่วนไวย์เวิร์นก็อาจแอยิ่งกว่ากิ่งไม้เล็กๆ! แต่ข้า! ราอน มิรุคือผู้ที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่กว่าโครงกระดูกมังกร!~
เสียงตื่นเต้นของราอนดังเข้ามาในหัวของคาร์ลราวกับเสียงพากย์หนัง
‘…อย่าเผลอฆ่าหมอนั้นจริงๆล่ะ’
คาร์ลเพ่งสายตาไปที่ภูเขาหินอย่างหงุดหงิดเพราะกลัวว่าตัวเองจะเสียบ่อเงินบ่อทองไปเสียก่อน
กรี๊ซซซ!….กรรจ์!!!!!!~~~~~~