บทที่65 มาที่โรงยิมมวยใต้ดินอีกครั้ง
มันทำให้หวางเต๋อและหวางเห้าเองก็ตกใจกับการกระทำของจาวซิ่วจือไม่หยุดเช่นกัน
หวางเต๋อดึงจาวซิ่วจือตามจิตใต้สำนึก : “คุณเป็นบ้าอะไร? ยังขายขี้หน้าไม่พอใช่ไหม?”
จาวซิ่วจือสะบัดหวางเต๋อออกไปด้วยท่าทางที่ระรานและจ้องเขม็งอย่างโหดร้าย
แล้วหันกลับมามีรอยยิ้มระบายอยู่เต็มใบหน้าอีกครั้ง และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า : “ลูกเขยที่แสนดี ก่อนหน้านี้เป็นครอบครัวเราเองที่ทำไม่ถูก คุณเป็นผู้ยิ่งใหญ่มีทุกอย่างมากมาย คุณมาเริ่มสร้างใหม่อีกครั้งกับหวางหนันหนันเถอะนะคะ อย่าทอดทิ้งลูกสาวของฉันเลย”
ถ่อมตนลงมาและไม่มีความเย่อหยิ่งเหมือนเช่นในอดีตอีกต่อไป
“ทอดทิ้ง?”
หวางหนันหนันบ่นพึมพำ คำพูดของแม่เหมือนมีดที่แผดเผา ทิ่มแทงลงไปบนหัวใจของเธออย่างโหดร้าย ทำให้เธอพังทลายลงไป รู้สึกว่าท้องฟ้ากำลังหมุนอยู่ในชั่วพริบตา
แม่ทำให้เธอเป็นอะไรไปแล้ว?
แม่พูดอะไรในตอนที่หย่า? ทำไมตอนนี้ยังจะพูดอย่างนี้อีก?
พึ่บ!
วางสายโทรศัพท์แล้ว
รอยยิ้มที่กองสุมอยู่บนใบหน้าของจาวซิ่วจือหายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยถูกยึดและเข้าแทนที่ด้วยความเย็นยะเยือกที่มิอาจจะพรรณนา
เธอหันหัวมาแล้วบีบแขนของหวางเต๋ออย่างรุนแรง : “ไม่มีประโยชน์ชะมัด เมื่อกี้นี้คุณหยุดฉันทำไม? ฉันโทรหาลูกเขยของฉัน มันเรื่องอะไรของคุณด้วย?”
“รักษาหน้าไว้บ้างเถอะ” หวางเต๋อแสยะยิ้มด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ยังเอ่ยออกมา
“รักษาหน้า?”
จาวซิ่วจือยิ้มเยาะอย่างเย็นชา : “โอเค คุณจะรักษาหน้าแล้วคุณจะจัดการการแต่งงานของลูกชายยังไงล่ะ?”
“คุณ…” หวางเต๋อโดนคำพูดนี้จนสำลักและพูดอะไรไม่ออก
จาวซิ่วจือชี้ไปในโทรทัศน์แล้วพูดว่า : “คุณดูสิ ตอนนี้เฉินตงร่ำรวยขนาดไหน? ตอนนี้เขากลายเป็นเจ้านายของไท่ติงไปแล้ว และตอนนี้ไท่ติงกำลังปฏิรูปภาคตะวันตกของเมือง หลังจากที่ปฏิรูปทั้งหมดจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว เขาจะร่ำรวยขนาดไหน?”
ขณะที่พูดเช่นนี้ ดวงตาของจาวซิ่วจือเต็มไปด้วยแสงสว่างเรืองรอง
“เฉินตงชอบหนันหนันขนาดนั้น ตอนนี้หนันหนันจะไปขอโทษเขา แล้วจะต้องแต่งงานใหม่แน่นอน จากนั้นตระกูลหวางของพวกเราก็จะสามารถเจริญได้อีกครั้งแล้ว!”
หวางเต๋อมองไปที่จาวซิ่วจืออย่างงุนงง : “แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องวุ่นวาย เป็นเรื่องใหญ่มาก หน้าตาตระกูล
หวางของพวกเราหายไปหมดสิ้นแล้วต่อหน้าคนทั้งเมือง คุณยังคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีอยู่อีกงั้นเหรอ?”
“แล้วเรื่องนี้ไม่ต้องโทษหนันหนันหรือไง?!”
จาวซิ่วจือกัดฟันแล้วตะโกนใส่หวางหนันหนันด้วยความโกรธ : “หวางหนันหนัน วันนี้แกทำเรื่องโง่ขนาดนี้ ทำให้ครอบครัวของเราต้องอับอายขายหน้าไปจนหมด เฉินตงเป็นคนดีมากขนาดนั้น ตอนนั้นแกคิดอะไรถึงได้หย่ากับเขา?”
“ฉันที่เป็นแม่ ต้องการให้แกไปขอโทษเฉินตงทันทีและแต่งงานใหม่กับเขา!”
ดวงตาของหวางหนานหนานบวมและแดง เธอร้องไห้มานานจนกลายเป็นคนเจ้าน้ำตาไปแล้ว
แม่รักหน้าตาของตนเองมาตลอด เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ตระกูลหวางต้องอับอายขายหน้าไปอย่างสิ้นเชิง
แต่สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ไม่ได้สนใจเรื่องที่ต้องขายหน้าเลยสักนิด แต่ที่สนใจจริงๆกลับเป็นการให้เธอไปขอโทษเฉินตงและยังให้ต่อสู้เพื่อการแต่งงานใหม่ด้วย?
“แม่คะ แม่เห็นหนูเป็นอะไร? หนูไม่ใช่คนที่เอาไว้ใช้เป็นเครื่องมือนะคะ หนูก็มีควมารู้สึกเช่นกัน เป็นหนูที่ทิ้งเฉินตงไปตั้งแต่แรก แล้วทำไมตอนนี้ยังจะให้หนูไปขอโทษเพื่อแต่งงานซ้ำอีกรอบด้วย?” หวางหนันหนันร้องตะโกนด้วยความโกรธ
“แกยังกล้าต่อปากต่อคำกับฉันอีกเหรอ?”
จาวซิ่วจือโกรธจนหน้าแดงแล้วคำรามอย่างเกรี้ยวกราด : “หวางหนันหนัน แกต้องการจะทำให้ฉันโกรธใช่ไหม?”
ขณะที่พูด อีกด้านเธอก็มีท่าทางที่หายใจติดขัดไปด้วย
เธอรักหน้าตาของตัวเองอย่างแน่นอน แต่เธอรักเงินยิ่งกว่า
เฉินตงเป็นอดีตลูกเขยของเธอ ตอนนี้เขาร่ำรวยขนาดนี้แล้ว ขอเพียงแค่หวางหนันหนันแต่งงานใหม่กับเขาอีกรอบ ในอนาคตเงินของเฉินตงจะไม่ใช่ของเธอหรอกเหรอ?
ขอเพียงแค่มีเงิน หน้าตาที่เสียไปจะไม่กลับคืนมางั้นเหรอ?
ท่าทางที่หายใจติดขัดของจาวซิ่วจือทำให้หวางเต๋อตกใจ
หวางเต๋อรีบลุกขึ้นและช่วยให้หน้าอกของเธอหายใจได้สะดวก : “คุณอย่าตื่นเต้น ระวังหัวใจหน่อย”
“คุณเป็นห่วงฉันขนาดนี้เลยเหรอ? ลูกสาวของฉันยังไม่ฟังแม้แต่คำพูดของฉันที่เป็นแม่เลย ฉันจะตายก็ช่างเถอะ!” จาวซิ่วจือปัดมือของหวางเต๋อออก
หวางเต๋อขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวดและเกิดความโกรธด้วยจึงพูดอย่างขุ่นเคืองว่า : “คุณตาบอดหรือไง? เฉินตงสารภาพรักต่อกู้ชิงหยิ่งตรงสถานที่เปิดขายพรีเซลส์ของหลงถิงฮัวหยวนไปแล้ว มันไม่มีช่องว่างสำหรับทางหนีทีไล่ในเรื่องนี้เลย!”
“พูดเหลวไหล!”
จาวซิ่วจือเบิกตากว้างและด่าทอว่า : “เฉินตงและหวางหนันหนันหย่ากันมานานแค่ไหน? ก่อนหน้านี้เฉินตงชอบหนันหนันขนาดนั้น ทั้งเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำพูดของหนันหนัน ขอเพียงหนันหนันไปขอโทษและขอคืนดี เฉินตงจะต้องสลัดนังเด็กคนนั้นกู้ชิงหยิ่งทิ้งอย่างแน่นอน!”
ภายในบ้าน เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายไปหมด
ต่างทะเลาะกันอย่างรุนแรง
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้หวางเห้าทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาก้าวมาข้างหน้า : “แม่ หรือว่าแม่ยังไม่รู้ตัวใช่ไหม? เฉินตงร่ำรวยอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ผมเคยพูดแล้วว่า การที่เขาหย่ากับพี่สาวจะต้องมีการวางแผนล่วงหน้าไว้แล้วอย่างแน่นอน ตอนนี้ไปขอร้องแล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
“ถ้าอย่างนั้นแกยังอยากจะแต่งงานอยู่หรือเปล่า?”
ใบหน้าของจาวซิ่วจือบิดเบี้ยว ดวงตาดุร้ายมากถึงขีดสุด : “ฉันไม่สนใจว่าเขาไตร่ตรองอะไรไว้ล่วงหน้าหรือเปล่า ไม่ว่ายังไงก็ต้องลองดู เฉินตงร่ำรวยมากขนาดนั้น เราต้องทนต่อไปถึงจะน่าเวทนาอีกมากแค่ไหนก็ตาม หลังจากพี่สาวของแกแต่งงานใหม่กับเขา เงินของเขาจะไม่กลายเป็นของครอบครัวเรางั้นเหรอ?”
ประโยคนี้ทำให้หวางเห้าพูดไม่ออก
การแต่งงานของเขากับหลินเสว่เอ๋อนั้นกระชั้นชิดเข้ามาแล้วจริงๆ
ครอบครัวไม่สามารถใช้จ่ายเงินได้มากกว่านี้แล้วจริงๆ หนทางก้าวหน้าก็ดูเหมือนว่าจะอยู่ที่ตัวของเฉินตงแค่เพียงอย่างเดียวแล้ว
เห็นว่าหวางเห้าหุบปากไปแล้ว จาวซิ่วจือก็จ้องไปที่หวางหนันหนันอย่างดุร้าย
เธอไม่ได้มีความละอายใจต่อการล่มสลายทางอารมณ์ของหวางหนันหนันในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย
ในทางตรงกันข้ามกลับเพิ่มข้อหาใหญ่
“แกนังเด็กคนนี้นี่ ตัวเองอยู่ในความสุขแต่กลับไม่รู้ค่า เฉินตงเป็นลูกเขยที่ดีของฉัน อยากมีหน้ามีตาก็มีหน้ามีตา อยากได้ความสามารถก็มีความสามารถ แกที่ได้แต่งงานกับเขาตั้งแต่ตอนนั้น มันก็คือการเอื้อมถึงเขาได้แล้วอย่างแท้จริง แต่แกกลับไม่รู้จักรักษาเอาไว้!”
ตุ้บ!
หวางหนันหนันล้มลงบนพื้น ร่ำไห้อย่างเจ็บปวดใจด้วยหัวใจที่แตกสลาย
แต่ว่าจาวซิ่วจือยังคงไม่หยุดและกล่าวโทษอย่างรุนแรง : “หวางหนันหนัน ฉันจะบอกแกไว้เลยนะ ถ้าแกไม่อยากให้ฉันตาย แกก็ต้องเชื่อฟังไปขอคืนดีกับเฉินตง ทำให้ลูกเขยที่แสนดีของฉันกลับคืนมา ไม่อย่างนั้นถึงฉันตายก็ไม่ขอจำว่าแกคือลูกสาว!”
หวางเต๋อและหวางเห้าที่อยู่ด้านข้างต่างมีสีหน้าทำอะไรไม่ถูก แต่พวกเขาต่างเลือกทีจะเงียบ
…….
อีกด้านหนึ่ง
ระหว่างทางไปโรงยิมมวยใต้ดิน
คุนหลุนมองเฉินตงด้วยความประหลาดใจ : “คุณชาย สายของใครเหรอครับ ถึงได้วางสายโดยไม่พูดอะไรสักคำ?”
“ผีดูดเลือดเฒ่า”
เฉินตงยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม ดวงตาแสดงออกถึงความโกรธเคือง : “แค่พูดถึงคำเดียวก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว”
ดวงตาของคุนหลุนมีประกายขึ้นวาบขึ้นมาแล้วนึกขึ้นได้ทันที
เขารู้อดีตที่ผ่านมาของเฉินตง พอมองไปข้างหน้า คุนหลุนได้พูดว่า : “คุณชาย ถึงแล้วครับ”
เฉินตงพยักหน้า ขณะที่ลงจากรถได้หยิบมือถืออกมาอีก และดึงเบอร์โทรของจาวซิ่วจือมาไว้ในรายชื่อบัญชีดำ
ความโลภของตระกูลหวางน่ารังเกียจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแล้ว!
เมื่อเข้าสู่โรงยิมมวยใต้ดิน
ความมืดที่คุ้นเคยได้เข้าปกคลุม
เสียงตะโกนที่ดังก้องสะท้อนภายในหูทำให้เลือดของคนสูบฉีดและปลุกให้ตื่นจากภวังค์
เฉินตงยิ้มเบาๆ ครั้งแรกที่มาที่นี่ สร้างความตกใจให้กับเขาเพียงเท่านั้น
เมื่อกลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง สภาวะอารมณ์กลับสงบลงมากจะมีบ้างก็เพียงแค่ยกระดับประสบการณ์การต่อสู้
เขาและคุนหลุนค่อยๆเดินไปยังทิศทางของกรงเหล็ก ภายในกรงเหล็กกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
เฉินตงไม่รู้สึกว่ามีอะไรเลยและทำเหมือนกับว่าคุ้นเคยในการหยิบหน้ากากสีขาวออกมาและสวมลงไปบนหน้าแล้วรับชมการต่อสู้กับคุนหลุนอย่างสงบนิ่ง
สำหรับเขาแล้วการต่อสู้ด้วยตนเองเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้ และการรับชมการห้ำหั่นกันก็ยังเป็นอีกวิธีในการสั่งสมประสบการณ์ด้วยเช่นกัน
และในเวลานี้
มีเงาดำหนึ่งพุ่งเข้ามาใกล้เฉินตงและคุนหลุนอย่างรวดเร็วในความมืด
ท่ามกลางความมืดมิด เงาดำนั้นมีความรวดเร็วอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ
เขายกมือขวาขึ้นและคว้าไปที่ทิศทางของเฉินตงโดยตรง
เส้นยาแดงผ่าแปดไปอย่างหวุดหวิด
คุนหลุนขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็หันกลับมา
พึ่บ!
แล้วคว้าข้อมือของเงาดำด้วยมือข้างเดียว : “อยากตายใช่ไหม?”
เฉินตงสะดุ้งตกใจทันที ในตอนที่หันกลับไปก็มองเห็นเงาดำ แผ่นหลังเย็นเยียบขึ้นมาทันทีทันใด
เขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ามีคนเข้ามาใกล้ด้านหลังเขา!