บทที่ 153 ดัดหลังโจวเย่นชิว
การคิดบัญชีตามปกติของโรงยิมมวยใต้ดินเพียงครั้งเดียว
แต่กลับทำให้โจวเย่นชิว ซึ่งเป็นเจ้านายใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังต้องรู้สึกตื่นตระหนก และกระสับกระส่ายจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
หลังจากฝึกฝนร่างกายเสร็จ เฉินตงไม่ได้เข้าไปที่บริษัทในทันที
เขากำลังขอให้โจวเย่นชิวมาขอโทษเขาด้วยตนเองอยู่
คุนหลุนยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล เคราะห์ดีที่เขาพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา
ฟ่านลู่คอยอยู่ดูแลอยู่ที่โรงพยาบาล โดยไม่ได้นอนหลับพักผ่อนตลอดทั้งคืน
บัญชีเลือดในครั้งนี้ ถ้าหากใช้ชีวิตของลูกสมุนกระจอกๆ เพียงไม่กี่คนมาชดใช้ ก็สามารถจบเรื่องทั้งหมดนี้ลงได้ เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าชีวิตของพี่น้องเขาด้อยค่าหรอกหรือ ?
เมื่อกลับไปถึงบ้าน บนโต๊ะมีอาหารที่เพิ่งปรุงสุกใหม่ๆ วางอยู่
สิ่งที่ทำให้เฉินตงขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก็คือ เขาไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของแม่แล้ว
“คุณผู้หญิงออกไปแล้วครับ”
ท่านหลงเดินลงมาจากชั้นบน เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ : “เธอสั่งให้พวกเรากินข้าวเสร็จแล้ว ให้วางถ้วยวางตะเกียบเอาไว้ เดี๋ยวเธอจะกลับมาจัดการเก็บกวาดเองครับ”
“ไปไหน ?”
เฉินตงเอ่ยถาม
ท่านหลงส่ายหัว : “กระผมสั่งให้คนสะกดรอยตามไปแล้วครับ”
ขณะที่เฉินตงและท่านหลงกำลังรับประทานอาหารอยู่นั้น
ด้านนอกของเขตวิลล่าเขาเทียนซาน มีรถอเนกประสงค์รุ่นใหญ่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสสีดำแล่นเข้ามา
“ทำความเคารพ !”
พรึ่บ !
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าประตู ต่างลุกขึ้นโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อทำความเคารพ
ส่วนรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสไม่ได้หยุดวิ่งแต่อย่างใด ยังคงมุ่งหน้าเข้าไปในเขตวิลล่าเขาเทียนซานอย่างรวดเร็ว
“น่าแปลก ทำไมประธานโจวถึงมาที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้ ?” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยความรู้สึกสงสัย
คนที่ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดแสดงความเคารพได้เช่นนี้ก็คือ โจวเย่นชิวซึ่งนั่งมาในรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสสีดำ
เพียงแต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดรู้ก็คือ โจวเย่นชิวมีอสังหาริมทรัพย์อยู่ในมือจำนวนมาก เขตวิลล่าเขาเทียนซานเป็นเพียงแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้น
ปกติแล้ว โจวเย่นชิวเข้ามาพักอยู่ในเขตวิลล่าเขาเทียนซานน้อยครั้งมาก
การที่เขาเข้ามาที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยความรีบร้อนเช่นนี้ ถือเป็นครั้งแรก
“ระวังคำพูดหน่อย !” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวัยกลางคนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเข้มงวด : “พวกเรามีหน้าที่เฝ้าประตู ก็เฝ้าประตูให้ดีก็พอแล้ว จะไปนั่งเดาเหตุผลของประธานโจวทำไม”
เอี๊ยด !
รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสหยุดอย่างกะทันหันที่บริเวณด้านนอกวิลล่าบ้านซาน
โจวเย่นชิวเดินลงจากรถด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในมือถือกล่องไม้ใบหนึ่งเอาไว้ แล้วเดินเข้าไปในวิลล่าอย่างรวดเร็ว
เขาไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ทำให้ใบหน้าของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความอ่อนล้า
แต่แววตาของเขา กลับเป็นประกายและส่องสว่างอย่างน่าประหลาดใจ
หลังจากที่นอนพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน จนคิดออกถึงผลดีและผลเสียที่จะตามมาได้แล้ว โจวเย่นชิวก็ตัดสินใจที่จะยึดมั่นในความคิดที่จะมากล่าวขอโทษด้วยตัวเอง
ไม่แน่ว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปอาจจะทำให้เขาต้องอับอาย
แต่สำหรับเขาแล้ว การรักษาชีวิตเอาไว้ได้ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด !
เรื่องของเฉินเทียนเซิง เขาไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะหักหลังเฉินเทียนเซิง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับอยู่เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง
หลังจากการจากไปของเฉินเทียนเซิง เฉินตงก็ยังคงยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคงไม่สั่นคลอน เมื่อเขาขี่หลังเสือแล้วก็ยากที่จะลงมาได้ จึงทำได้เพียงต้องเลือกที่จะเหยียบเรือสองแคม
ตอนที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งของเฉินตงเกิดวิกฤติครั้งใหญ่ เขาก็มั่งเลที่จะซื้อที่ดินในภาคตะวันตกของเมืองเอาไว้แปลงหนึ่ง เพื่อที่จะแสดงความเป็นมิตรต่อเฉินตง และหวังว่าจะมีที่ยืนในฝั่งของเฉินตงเหลืออยู่ให้กับตัวเอง
แต่การแสดงความเป็นมิตรของเขานั้น เหมือนกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่ได้รับการตอบสนองจากเฉินตงเลยแม้แต่น้อย
ถ้าหากเรื่องนี้ทำให้เฉินตงรู้สึกข้องใจอีกล่ะก็ เขาไม่สงสัยเลยสักนิดว่า เฉินตงจะต้องลงมือกับเขาอย่าแน่นอน
ต่อให้เป็นจุดจบที่ดีที่สุด เขาก็คงต้องไปเดินตามรอยเท้าของโจวจุนหลง
อย่างไรเสีย ทั้งสองก็เป็นคู่ต่อสู้กันมาเป็นเวลาหลายปี ถึงแม้ความสามารถจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ไม่ถือว่าห่างกันเท่าไหร่นัก
ภายใต้จักรพรรดิตัวจริง ทุกคนนั้นเท่าเทียมกัน
ติ๊งต่อง !
เสียงกดกริ่งที่ประตูดังขึ้น
โจวเย่นชิวยืนรอด้วยท่าทีกระสับกระส่าย มือทั้งสองข้างของเขาจับกล่องไม้เอาไว้แน่น
ด้านใน เป็นสิ่งของแทนน้ำใจที่เขาต้องการนำมาแสดงความขอโทษต่อเฉินตง !
ยังคงมี……ความอุ่นเหลืออยู่
รออยู่นาน ในที่สุดประตูก็เปิดออก
เมื่อเห็นท่านหลง โจวเย่นชิวตกใจเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดด้วยท่าทีอ่อนน้อมว่า : “ท่านหลง ผมมาแสดงความขอโทษและมาแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น”
“อืม”
ท่านหลงหลีกทางให้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “คุณชายกำลังรับประทานอาหารอยู่”
โจวเย่นชิวเข้าไปในวิลล่า โดยมีท่านหลงเดินนำไปอย่างรวดเร็วจนถึงห้องอาหาร
ภาพที่เห็นคือ เฉินตงกำลังนั่งรับประทานอาหารอย่างสงบอยู่ที่โต๊ะอาหาร
แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา ตกกระทบลงบนตัวของเฉินตง
ท่าทีที่สุขุมเยือกเย็น ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา เมื่อโจวเย่นชิวเห็นแล้ว ทำให้เขารู้สึกประหม่า ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่
ใครจะไปคิดว่า ภายในบริษัทบำนาญที่เขาสร้างให้แก่น้องชายของภรรยาเขา จะเคยมีจักรพรรดิตัวจริงเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่ด้วย ?
เมื่อคิดถึงช่วงเวลาก่อนหน้า โจวเย่นชิวก็รู้สึกเสียใจและนึกเสียดาย เมื่อเดินผิดเพียงก้าวเดียว ก็จะผิดไปทุกก้าว
ถ้าเขายืนหยัดที่จะยืนอยู่ข้างเฉินตงตั้งแต่แรก ตอนนี้คงจะไม่มีภาพที่เขาต้องมาแสดงความขอโทษด้วยตัวเองเช่นนี้เกิดขึ้น ?
“ประธานโจว มาเช้าเหมือนกันนะ”
เฉินตงถือชามข้าวต้มอยู่ แล้วพูดด้วยท่าทีที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม : “นั่งลงสิ ทานอะไรด้วยกันก่อน คุณคงจะยังไม่ได้ทานอาหารเช้ามาล่ะสิ”
ถึงแม้จะดูเป็นการเชื้อเชิญ แต่เขากลับไม่เหลือบมองโจวเย่นชิวเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ล่ะครับ ผมมานี่เพื่อที่จะมาขอรับผิดชอบความผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น”
โจวเย่นชิวยิ้มแหยแล้วส่ายหัว เขายังไม่ได้ทานข้าวเช้ามาจริงๆ เขานอนไม่หลับมาตลอดทั้งคืน นั่งรอเวลาจนกระทั่งฟ้าสางก็รีบตรงมาที่นี่ทันที
“หืม ?”
เฉินตงเลิกคิ้ว แล้วกินข้าวต้มต่ออย่างไม่แยแส
บรรยากาศภายในห้องอาหารเงียบสงัด
โจวเย่นชิวรีบยื่นกล่องไม้ที่ถืออยาในมือ ไปวางไว้บนโต๊ะที่เฉินตงนั่งรับประทานอาหารอยู่
แล้วเปิดกล่องไม่ออกด้วยความเคารพ พร้อมกับพูดว่า : “คุณเฉิน เรื่องเมื่อคืนนี้ ถือว่าเป็นความผิดครั้งใหญ่ของผม ตอนนี้พวกสารเลวพวกนั้น ได้ชดใช้ความผิดในสิ่งที่ทำไว้แล้ว”
ขณะที่กล่องไม้กำลังถูกเปิดออก และเฉินตงได้เหลือบไปเห็นของที่อยู่ด้านใน
ทันใดนั้นเอง เฉินตงก็ผงะไป รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด
ของที่อยู่ในกล่องไม้ก็คือ……มือ !
เพล้ง !
เฉินตงกระแทกถ้วยที่ถืออยู่ในมือลงบนโต๊ะอาหารอย่างแรง แล้วพูดออกมาด้วยความโมโห : “ประธานโจว มารบกวนเวลาอาหารของผมตั้งแต่เช้าแบบนี้ นี่นะหรือคือสิ่งที่คุณเรียกว่าเป็นการแสดงความขอโทษ ?”
โจวเย่นชิวเหมือนถูกฟ้าผ่า เขารีบปิดกล่องไม้ทันที
เมื่อคืนเขาจัดการเรื่องราวทุกอย่างจนเรียบร้อย ของที่อยู่ในกล่อง คือสิ่งที่เขาต้องการนำมาแสดงเป็นหลักฐาน เพื่อแสดงความขอโทษต่อเฉินตง
แต่เขา เขาเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง !
“เหอะๆ……ประธานโจว ความรู้สึกสำนึกผิดของคุณนั้น ผมพอจะสัมผัสได้ สิ่งที่คุณนำมาแสดงความขอโทษนี้ ถือว่าไม่เลว !”
เฉินตงลุกขึ้น จากนั้นจึงเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว ใบหน้าของเขาเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็งพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา
โจวเย่นชิวรู้สึกขนลุกซู่ในทันที เหงื่อกาฬไหลอาบอยู่ทั่วหน้าผากของเขา
ขณะที่เขากำลังรู้สึกตื่นตระหนกอยู่นั้น แววตาของเขากลับแสดงความแน่วแน่ออกมา
เขากัดแก้มทั้งสองข้างเอาไว้แน่น จากนั้นจึงคุกเข่าทั้งสองข้างลงไปนั่งอยู่บนพื้น
“คุณเฉิน……ได้โปรดยกโทษให้ด้วย !”
“เป็นความผิดของผมเอง เป็นเพราะผมเลอะเลือน จึงคิดหักหลังทรยศ !”
“ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ผมต้องขอโทษคุณเฉินด้วย ได้โปรดให้อภัยผมด้วย”
คำวิงวอนขอร้องดังต่อเนื่องออกมาจากปากของโจวเย่นชิวไม่หยุด
ถ้าหากคนอื่นมาเห็นเข้า คงจะต้องตกใจจนอ้าปากค้าง
วีรุบุรุษของเมืองนี้ กลับต้องมาอยู่ในสภาพที่ต่ำต้อยเช่นนี้ ?
แต่โจวเย่นชิวกลับไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมเลยแม้แต่น้อย
เขารู้ดีว่า การที่เฉินตงให้เขามาขอโทษด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะต้องการจะคิดบัญชีเรื่องนี้เท่านั้น !
เฉินตงจ้องมองโจวเย่นชิวที่นั่งอยู่บนพื้นในท่าทีตื่นตระหนก ด้วยแววตาที่เย็นชา
พักใหญ่
เขาโบกมือ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า : “พอแล้ว เอาของของคุณกลับไป แล้วออกไปจากที่นี่ได้แล้ว !”
“คุณเฉิน……” โจวเย่นชิวเงยหน้าขึ้นมองเฉินตงด้วยความตกใจลังเล
ใบหน้าของเฉินตงยังคงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง น้ำเสียงเยือกเย็นราวกับลมที่พัดออกมาจากป่าลึก : “ผิดครั้งสองครั้งพอให้อภัยได้ แต่อย่าให้มีครั้งที่สามอีก !”
“ขอบคุณครับคุณเฉิน !”
โจวเย่นชิวรีบอุ้มกล่องไม้เดินกลับออกไปด้วยท่าทีที่ยินดีปรีดา
หลังจากเขากลับไปแล้ว
ท่านหลงที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มออกมา แล้วหันไปมองเฉินตงด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง
“คุณชาย ตอนนี้กระดูกสันหลังของเขา ถูกคุณตีจนหักเรียบร้อยแล้ว !”
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส : “ถ้าหากสุนัขจะแว้งกัดเจ้านาย ก็จะต้องตีกระดูกสันหลังของมันให้หัก มันถึงจะรู้ตัวว่า ใครคือสุนัข ใครคือเจ้าของ !”
ท่านหลงยิ้มออกมาอย่างสบายใจ : “การคุกเข่าของโจวเย่นชิวในครั้งนี้ คิดว่าต่อไปคงจะไม่กล้าขัดขืนคุณชายอีกแล้ว”