The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 337 เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ย่อท้อ

บทที่ 337 เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ย่อท้อ

สายลมค่อยๆ พัดผ่านไป

พัดใบไม้ในลานจนส่งเสียงดังกรอบแกรบ สัมผัสถึงศิลปะที่งดงาม

บนโต๊ะกินในลานเล็ก มีธูปไม้จันทน์ที่ส่งกลิ่นโชยหอมวางอยู่ พร้อมด้วยน้ำชาหนึ่งกา

เฉินตงไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้มานานแล้ว

เขาค่อยๆ จิบน้ำชา และมองไปยังเฉินเต้าจูนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ทั้งหมดนี้เป็นความรู้สึกปลอดภัยที่เขาคนนั้นมอบให้กับเขา

“คุณลุง เรื่องนี้ของผมพอจะมีวิธีจัดการไหมครับ?” เฉินตงเอ่ยถาม

ตระกูลหลี่งัดไม้ตาย ประกาศภารกิจลอบฆ่ากับองค์กร hidden killers ในดาร์กเว็บ แม้กระทั่งคุณพ่อเองก็ยังจนปัญญากับเรื่องนี้

วิธีการแบบเดิมใช้ไม่ได้ผล จึงหวังเพียงว่าเฉินเต้าจูนจะพอมีวิธีที่แตกต่างจากวิธีการทั่วไป

หากมัวแต่หลบซ่อนต่อไป เอาแต่หดหัวอยู่ในคลับสี่ยิ่นเช่นนี้ ต้องให้คนคอยคุ้มกันเอาไว้อย่างแน่นหนา

เกรงว่า ถึงแม้จะมีอยู่ชีวิตอยู่ต่อได้อย่างปลอดภัย แต่ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินล่ะ จะทำเช่นไร ?

โครงการของบริษัทต่างๆ ได้รับการขยายแล้ว แต่เนื่องด้วยเขาต้องคอยหลบซ่อนตัวอยู่ในคลับสี่ยิ่น ทำให้ทุกอย่างแทบจะหยุดชะงักลงทั้งหมด

เช่นนี้ จะส่งกระดาษคำตอบที่คะแนนเต็มให้ตระกูลเฉินได้อย่างไร ?

เขาเผชิญอุปสรรคมามากมายขนาดนี้ อย่างไรเสีย ก็ต้องคว้ามงกุฎพระราชาของตระกูลเฉินมาให้ได้ !

เฉินเต้าจูนวางแก้วน้ำชาลง และยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย : “จัดการปัญหาไม่ได้ แล้วจัดการกับคนที่สร้างปัญหาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”

เฉินตงรู้สึกตกใจทันที ราวกับมีความคิดอะไรบางอย่าง

แต่กลับยิ้มออกมาอย่างจนใจ : “ภารกิจลอบฆ่าในองค์กร hidden killers เมื่อประกาศออกไปแล้ว ต่อให้ฆ่าล้างตระกูลหลี่ยกตระกูล ก็ไม่อาจยกเลิกภารกิจได้ เรื่องนี้คุณพ่อเองก็ได้พิจารณามานานแล้ว”

“ถ้าเช่นนั้น ก็ฆ่าคนขององค์กร hidden killers ก็พอแล้วนี่?”

เฉินเต้าจูนพูดออกมาลอยๆ แต่กลับทำให้เฉินตงรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ

ฆ่าคนขององค์กร hidden killers ?

ล้อเล่นอะไรกัน !

เฉินตงอึ้งไป

“คิดว่าฉันกำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม?”

เฉินเต้าจูนแสยะยิ้มออกมา แล้วหันมองเฉินตง

เฉินตงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล องค์กร hidden killers เป็นการรวมตัวกันของนักฆ่าระดับพระกาฬจากทั่วทุกมุมโลก องค์กรนี้เป็นองค์กรที่ยิ่งใหญ่ และมีความสามารถที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

หากจะพูดโดยไม่เกรงใจก็คือ หัวหน้าขององค์กร hidden killers ไม่ต่างอะไรกับพ่อ เป็นคนที่อยู่สูงส่งเหนือผู้ใด และมองข้ามชีวิตของผู้อื่น

แล้วจะฆ่าเขาได้อย่างไร ?

“ฮ่าฮ่า……ฉันกำลังล้อเล่นอยู่จริงๆ” เฉินเต้าจูนพิงลงบนเก้าอี้ แล้วหัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน ซึ่งพบเห็นได้ยากยิ่ง

เฉินตง : “……”

“วันนี้เป็นวันที่สามแล้วสินะ?” จู่ๆ เฉินเต้าจูนก็เลิกคิ้วแล้วถามออกมา

เฉินตงผงะไป แล้วพยักหน้า

อาจเป็นเพราะเรื่องการลงมือฆ่านักฆ่ากว่าสิบคนของเฉินเต้าจูน ที่หน้าหลุมศพของแม่ ถูกแพร่งพรายออกไป

ทำให้ระยะเวลาเพียงสามวัน คลับสี่ยิ่นก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง

ทำให้เฉินตงรู้สึกมีความรู้สึก จนลืมแม้กระทั่งเวลา

“ดูเหมือนว่าฉันคงต้องไปแล้ว” เฉินเต้าจูนบิดขี้เกียจ แล้วเหลือบมองเฉินง: “เฉินตงน้อยเอ๋ย หากนายอยากขึ้นไปนั่งอยู่บนตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉิน นายจะต้องดึงเอาความกล้าหาญและไม่กลัวตายเหมือนเช่นตอนที่อยู่ในคุกมืดออกมาใช้”

“ตระกูลมั่งคั่ง ล้วนแล้วแต่เป็นที่ที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อคน คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ล้วนแล้วแต่เป็นปีศาจที่อยู่ในคราบของมนุษย์ทั้งนั้น หากนายสามารถชั่วร้ายได้มากกว่าพวกเขา นายถึงจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้”

“การหลบซ่อนตัวด้วยความกลัวเช่นนี้ มีแต่จะทำให้ปีศาจเหล่านี้ได้ใจ และสุดท้ายก็จะต้อนนายจนมุม แล้วนายก็จะถูกพวกเขากลืนกินลงไปในที่สุด”

น้ำเสียงที่หนักแน่น เป็นการพูดเตือนจากใจจริง

“ขอบคุณครับคุณลุง”

เฉินตงพูดด้วยความซาบซึ้งใจ เรื่องที่เฉินเต้าจูนและพ่อเคยแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านในตอนนั้น ในเมื่อเขากล่าวเตือนเช่นนี้ เขาจะต้องมีเหตุผลของเขาอย่างแน่นอน

“นายเข้าใจก็ดีแล้ว”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเต้าจูนจางหายไป จู่ๆ ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มีเจตนาฆ่าที่รุนแรงแผ่ซ่านออกมาทันที

ทำให้เฉินตงรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เขามองสำรวจอย่างระแวดระวัง และรู้สึกว่าบรรยากาศอึมครึมขึ้นทันที

วินาทีถัดมา

เฉินเต้าจูนหยิบแก้วน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า : “ในเมื่อมาถึงนี่แล้ว ก็ปรากฏตัวออกมาเถอะ ฉันจะขอต้อนรับด้วยน้ำชามัวแต่หลบๆ ซ่อนๆ อยู่อย่างนี้ คิดว่าคนตระกูลเฉินไม่ต้อนรับแขกหรืออย่างไร ?”

มีคนอื่น ? !

เฉินตงตกใจเป็นอย่างมาก เส้นเลือดบริเวณหางตาของเขาปูดโปนขึ้นมา

เขาไม่ทันสังเกตเห็นเลยตั้งแต่ต้นจนจบ

แม้แต่ฟ่านลู่และกูหลังซึ่งคอยควบคุมดูแลทีมรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดทั้งหมดอยู่ ก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแม้สักนิด !

ทันทีที่พูดจบ

จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

เดินมาอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ

เฉินตงหันมองตามเสียงด้วยความหวาดกลัวทันที ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกตกใจจนถึงขีดสุด และรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

ประตูของลานเล็กเปิดออก

ชายผู้ซึ่งพันผ้าเอาไว้รอบตัวค่อยๆ เดินเข้ามา

เผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตาทั้งสองข้าง เป็นแววตาที่ดูดุร้ายราวกับงูพิษ และฉายแววของความอำมหิตออกมา

ความโหดเหี้ยมแผ่ซ่านออกมาจากตัว

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?

แล้วพวกฟ่านลู่ คุนหลุน กูหลังล่ะ ?

เฉินตงรู้สึกราวกับมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมอยู่ในใจ มีความคิดมากมายปรากฏขึ้น

เขาคิดที่จะหลบซ่อนตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เฉินเต้าจูนกำชับเมื่อครู่

เขาก็กัดฟัน แสร้งนั่งด้วยท่าทีสงบอยู่บนม้าหิน แล้วสำรวจดูชายคนนั้นอย่างระมัดระวัง

ตอนที่อยู่ห่างกันในระยะสิบก้าว

จู่ๆ มือขวาของเฉินเต้าจูนก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาปัดถาดน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะหินออกไป และลอยไปใส่ชายที่พันผ้าคนนั้น

ฉึบ !

ชายที่พันผ้าคนนั้นยกมือขึ้นจับถามน้ำชาเอาไว้ได้

“รินเอง” เฉินเต้าจูนพูดด้วยรอยยิ้ม

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาอยู่ในท่าทีที่สบายๆ

ชายที่พันผ้าคนนั้น หยิบกาน้ำชาและถ้วยน้ำชาขึ้นมา จากนั้นจึงปล่อยให้ถาดน้ำชาที่อยู่ในมือหล่นลงบนพื้น หลังจากรินน้ำชาหนึ่งถ้วยแล้ว ก็ดื่มจนหมด

จากนั้น เขาก็หันมองเฉินเต้าจูน : “ชาดี !”

“แน่นอน” เฉินเต้าจูนยิ้มอย่างภูมิใจ “หลานของฉันต้อนรับแขกด้วยความเต็มใจมาโดยตลอด”

“หลาน……”

จู่ๆ ชายที่พันผ้าก็ยิ้มออกมา

จากนั้น ในขณะที่เฉินตงกำลังมองดูด้วยความตกใจจนอ้าปากค้าง เขาก็ค่อยๆ โน้มตัวลงคารวะ

“ผู้อาวุโส ยิวหมินมารบกสนแล้ว ลาก่อน”

พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป

เปรี้ยง !

มีเสียงดังกระหึ่มเกิดขึ้นในหัวของเฉินตง ทันใดนั้นสมองของเขาก็ว่างเปล่า

ราวกับคอมพิวเตอร์ที่หยุดทำงาน สูญเสียความสามารถในการประมวลผลไปชั่วขณะ

ไปง่ายๆ แบบนี้เหรอ?

เขามองดูยิวหมินเดินจากไป

เฉินตงรู้สึกเหมือนลำคอตีบตัน และในปากแห้งผาก

นักฆ่าระดับพระกาฬซึ่งอยู่ในอันดับที่ 10 ของอันดับยมราช การพบกันครั้งที่สอง ก็เพื่อที่จะมาขอดื่มน้ำชาที่อยู่ในมือของลุงเต้าจูนสักแก้วอย่างนั้นเหรอ?

กว่าที่เฉินตงจะตั้งสติได้ ยิวหมินก็หายไปแล้ว

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เฉินตงก็ยังรู้สึกราวกับตกอยู่ในภวังค์ของความฝันอยู่ดี

“ไปแล้ว จริงๆเหรอ?”

เฉินเต้าจูนหัวเราะออกมา แล้วลุกขึ้นพลางพูดว่า : “ฉันเองก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน”

ขณะที่พูด เขาก็เดินตรงไปด้านนอก

“ลุงเต้าจูน!”

เฉินตงตะโกนเรียก

เฉินเต้าจูนหยุดเดิน : “จำคำของลุงเอาไว้ ดึงเอาพลังเมื่อตอนที่เธออยู่ในคุกมืดออกมาใช้ ลูกผู้ชาย เมื่อเกิดมาบนโลกใบนี้แล้ว ต้องแบกรับความกล้าหาญของโลกใบนี้เอาไว้ และไม่ย่อท้อ”

เหมือนกับคุณลุง ?

เฉินตงตระหนักได้ในทันที

“จริงสิ เรียกคนให้พาพวกของหลานสะใภ้ไปส่งโรงพยาบาลด้วย ไม่เป็นอะไรมากหรอก”

เมื่อเดินไปถึงประตู จู่ๆ เฉินเต้าหลินก็พูดขึ้นมา : “นายนี่นะ ไม่ทันสังเกตเลยหรือว่าตอนที่พวกเราดื่มน้ำชากัน ทุกอย่างเงียบผิดปกติ ?”

เฉินตงตัวสั่นในทันที เขาได้สติกลับมาจากความคิดที่กำลังสับสนวุ่นวายอยู่ภายในหัวทันที

เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างกาย และรีบวิ่งตรงไปยังห้องโถงทันที

สิ่งที่เขาเห็น เป็นเหมือนค้อนอันหนังอึ้ง ที่ทุบเข้ามาที่ลูกตาของเขาอย่างแรง

ภายในห้องโถง กู้ชิงหยิ่ง และท่านหลง กำลังนอนหมดสติอยู่บนโต๊ะ

ความตื่นตระหนกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

เฉินตงรีบวิ่งไปที่ด้านนอกของลานป่าไผ่

เฉินเต้าจูนจากไปแล้ว

แต่บนพื้น มีคุนหลุน ฟ่านลู่ กูหลัง และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกกลุ่มหนึ่ง นอนระเนระนาดอยู่……

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท