อากาศยามค่ำคืนเย็นยะเยือกเหมือนสายน้ำ
ในที่สุดท่านหลงและคุนหลุนก็กลับมาถึงคลับสี่ยิ่น
เฉินตงไม่คิดที่จะปลุกกู้ชิงหยิ่งซึ่งกำลังนอนหลับใหลอยู่ เขาค่อยๆ ส่งสัญญาณให้ท่านหลงและคุนหลุนเดินเข้าไปในลาน
ใบหน้าของท่านหลงและคุนหลุนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา
“เล่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
หลังจากนั่งลงแล้ว เฉินตงก็พูดออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง
ท่านหลงและคุนหลุนหันมองหน้ากัน จากนั้นท่านหลงก็ค่อยๆ อธิบายขึ้น
เพียงแต่ว่า เมื่อยิ่งฟัง คิ้วของเฉินตงก็ยิ่งขมวดมากยิ่งขึ้น
ไม่มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดและไม่มีการนองเลือด
หรือจะพูดให้ชัดเจนก็คือ ตอนที่ท่านหลงและคุนหลุนพาทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปถึงตระกูลเฉินนั้น การลอบสังหารได้สิ้นสุดลงแล้ว
ฆาตกรถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลเฉินยิงเสียชีวิต ส่วนพ่อได้หายตัวไป
ทุกอย่างดูเป็นปกติ ราวกับเป็นการลอบสังหารที่ธรรมดามากๆ ครั้งหนึ่งเท่านั้น
แต่การลอบสังหารที่ธรรมดานี้ พ่อกลับหายตัวไปภายในบ้านตระกูลเฉิน
หลังจากฟังจบ เฉินตงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ “พวกนายได้ตามหาพ่อรึยัง ?”
“ตามหาแล้วครับคุณชาย” แววตาของท่านหลงเต็มไปด้วยความงุนงง “แต่หาจนทั่วทั้งตระกูลเฉินแล้ว ก็ยังไม่พบร่องรอยของนายท่านเลยครับ”
คุนหลุนเองก็พูดเสริมขึ้นมา “ใช่แล้วครับ อีกทั้งตอนที่พวกเราไปถึง การลอบสังหารก็ได้จบลงแล้ว บรรดาผู้บริหารระดับสูงของตระกูลเฉิน รวมไปถึงคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ได้จัดกำลังบรรดาคนรับใช้และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยออกตามหาทั่วบริเวณโดยรอบแล้ว แต่กลับไม่พบร่องรอยของนายท่านเลยแม้แต่น้อย และไม่มีเบาะแสใดๆเลย”
หยุดนิ่งไปสักพัก คุนหลุนก็พูดขึ้นว่า “อีกทั้ง ฆาตกรที่ลงมือลอบสังหารมีเพียงคนเดียว ไม่ได้มีผู้สมรู้ร่วมคิด”
“น่าสนใจจริงๆ” เฉินตงแสยะยิ้มออกมา พร้อมด้วยแววตาที่ดูน่าหวาดกลัว
ท่านหลงและคุนหลุนขมวดคิ้วแน่น
การลอบสังหารในครั้งนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
การหายตัวไปของเฉินเต้าหลิน ช่างเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย
“คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินมีท่าทีผิดปกติอะไรหรือไม่ ?” จู่ๆ เฉินตงก็เลิกคิ้วและถามขึ้น
“ไม่มีครับ”
ท่านหลงส่ายหัว “ตอนนี้ตระกูลเฉินโกลาหลอย่างมาก คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินดูร้อนใจกว่าใครเพื่อน นายท่านหายตัวไป ตอนนี้ตระกูลเฉินก็เหมือนมังกรที่ขาดหัว เรื่องนี้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินใช้อำนาจที่มีในการปิดเอาไว้เป็นความลับ ถ้าหากแพร่งพรายออกไป คงจะเป็นผลเสียต่อตระกูลเฉินอย่างมาก”
ตระกูลเฉินเป็นผู้กุมความมั่งคั่งของโลกเอาไว้ แต่อยู่เหนือสิ่งทุกสิ่งในโลก
ถึงแม้จะเป็นตระกูลมั่งคั่ง ในสายตาของตระกูลเฉินแล้ว ก็เป็นเพียงแค่มดตัวเล็กๆ เท่านั้น
จู่ๆ เจ้าบ้านก็หายตัวไป หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จะต้องเกิดความโกลาหลครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน และอาจถึงขั้นทำให้เกิดความกระทบกระเทือนที่เป็นเหมือนคลื่นลูกใหญ่ในระดับสากล
ความเสียหายขนาดนี้ ตระกูลเฉินไม่กล้าที่จะแบกรับเอาไว้ !
เฉินตงขมวดคิ้วแน่น ในสมองของเขาเต็มไปด้วยสิ่งวุ่นวายและคิดไม่ตก
พ่อหายตัวไป ถือว่าเป็นความโชคดีที่อยู่ในความโชคร้าย อย่างน้อยก็มั่นใจได้ชั่วขณะหนึ่งว่ายังคงปลอดภัยดี
แต่การหายตัวไป ก็ถือเป็นข่าวร้าย
สิ่งเดียวที่เขามั่นใจได้ก็คือ คนที่ลอบสังหารพ่อ กับคนที่สนับสนุนให้เกิดการลอบฆ่าเขานั้น เป็นคนคนเดียวกัน หรือจะพูดว่าเป็นกลุ่มพลังเดียวกันก็ได้
นอกจากเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่มีเบาะแสอื่นๆ !
“คุณชาย ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ”
ท่านหลงพูดเตือนสติเบาๆ “ตระกูลเฉินจะต้องตามหานายท่านอย่างสุดความสามารถแน่นอนครับ เจ้าบ้านหายตัวไป พวกเขาร้อนใจกว่าใครๆ ไม่เพียงแต่ขายหน้าเท่านั้น แต่ยังกระทบถึงผลประโยชน์มากมายมหาศาลอีกด้วย ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ คุณชายจัดการกับธุระที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดจะดีกว่าครับ เวลาหนึ่งปีนั้นสั้นนิดเดียว”
“ลำบากพวกนายแล้ว ไปพักผ่อนกันเถอะ”
เฉินตงพยักหน้า และเผยรอยยิ้มออกมา
เขามองดูท่านหลงและคุนหลุนเดินกลับไปที่ห้องด้วยความรู้สึกจนใจ
เฉินตงเกาหัวด้วยความหงุดหงิด และพยายามระงับความคิดที่ว้าวุ่นเอาไว้
ตอนนี้ได้แต่หวังว่า เรื่องนี่จะไม่ใช่การสมรู้ร่วมคิดกันของคนในตระกูลเฉิน
ขณะที่เฉินตงกำลังจะลุกขึ้นนั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เป็นสายจากฉู่เจียนเจีย !
ในช่วงที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลอบสังหารอันน่าหวาดกลัวอยู่พักใหญ่ ก็ได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลจางและตระกูลฉู่ไม่น้อย แค่เพียงการสกัดกั้นไม่ให้ภารกิจการลอบสังหารของดาร์กเว็บ หลุดรอดออกไปบนโลกอินเทอร์เน็ต ก็จำต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล
ตอนนี้หมอกควันจากลงแล้ว เฉินตงเองก็รู้สึกขอบคุณตระกูลจางและตระกูลฉู่ทั้งสองตระกูลไม่น้อย
เมื่อรับสายโทรศัพท์แล้ว ฉู่เจียนเจียก็หัวเราะพลางพูดว่า “ยินดีด้วยค่ะคุณเฉินที่รอดพ้นจากอันตราย”
เฉินตงยิ้มเล็กน้อย อันที่จริงแล้วเขารู้สึกชอบอุปนิสัยและการทำงานของฉู่เจียนเจียเป็นอย่างมาก
อย่างน้อย ในตอนแรกที่ทั้งสองตระกูลพยายามเข้ามาผูกมิตรกับเขา เขาก็เลือกที่จะอยู่ข้างฉู่เจียนเจีย
“ต้องขอบคุณพวกคุณมาก ผมยังไม่มีโอกาสได้กล่าวขอบคุณพวกคุณเลยสักครั้ง” เฉินตงกล่าว
“เรื่องเล็กน้อยค่ะ อย่าได้เก็บเอาไปใส่ใจเลย”
ฉู่เจียนเจียพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง ด้วยนิสัยที่ดูเย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งอย่างที่เคยเป็นมา “แต่ตอนนี้มีเรื่องเรื่องหนึ่งที่จำเป็นจะต้องให้คุณเฉินช่วยออกหน้าแล้ว”
“ได้สิ”
เฉินตงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อฉู่เจียนเจียมาขอร้องเขา ก็เป็นไปได้สูงที่จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ลงทุนร่วมกัน
มิเช่นนั้นปัญหาธรรมดาๆ ทั่วไป ด้วยความสามารถของตระกูลฉู่แห่งเมืองหลวงแล้ว คงสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายแน่นอน ทำไมจะต้องมาขอความช่วยเหลือจากเขาอีก
“สามวันหลังจากนี้ เมืองหลวงจะจัดการประชุมแลกเปลี่ยนของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ขนาดเล็กขึ้น ตระกูลฉู่และตระกูลจางของพวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณเฉินจะให้เกียรติไปร่วมงานได้”
ฉู่เจียนเจียเงียบไปสักครู่ แล้วพูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยคว่า “แน่นอนว่า ข้อแรกเป็นเพราะคุณเฉินกับพวกเราเป็นหุ้นส่วนกัน ส่วนข้อที่สอง……ตระกูลหลี่ต้องส่งคนมาแน่นอน !”
เฉินตงพูดขึ้นทันที “นี่คุณกำลังช่วยตระกูลหลี่ล่อศัตรูออกไป เพื่อเตือนพวกเขาว่าหากจะแก้แค้นก็แก้แค้นให้ถูกคนอย่างนั้นหรือ ?”
“ที่ไหนกันคะ ให้คุณเฉินไปเพื่อควบคุมสถานการณ์ต่างหาก” ฉู่เจียนเจียพูดพลางหัวเราะ
เฉินตงเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ และตกปากรับคำทันที
เขากับตระกูลจางและตระกูลฉู่ทั้งสองตระกูล ก็เป็นเหมือนพันธมิตรที่ลงเรือลำเดียวกัน จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ
อีกทั้งพื้นฐานการทำธุรกิจของตระกูลหลี่เอง ก็ไม่ได้อยู่ในแวดวงของวงการบันเทิง การที่ไปเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ อีกทั้งฉู่เจียนเจียก็ตั้งใจโทรศัพท์มาหาเขาเช่นนี้ นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ตระกูลหลี่มาด้วยจุดประสงค์ร้าย
อย่างไรเสียตั้งแต่ต้นจนจบ ตระกูลหลี่ก็ยังคงปิดหูปิดตา ไม่สืบสาวราวเรื่องให้แน่ชัดว่าใครเป็นคนฆ่าคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่กันแน่ ประกอบกับที่ต้องสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมากให้กับองค์กร hidden killers ในภารกิจลอบฆ่า
ทั้งความแค้นครั้งเก่าและใหม่ คงเพียงพอที่จะทำให้ตระกูลหลี่ระเบิดอารมณ์ออกมา
“ตระกูลหลี่ พวกเขาก็เป็นแค่พวกไม่ได้เรื่อง การทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนี้ ต้องการที่จะให้คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ที่นอนอยู่ในโลง ต้องนอนตายตาไม่หลับหรือยังไง ?”
เฉินตงลูบจมูก และหัวเราะเยาะออกมา
สองวันต่อมา
ทุกอย่างยังอยู่ในความสงบ
ช่วงเวลาเลวร้ายในการลอบสังหารผ่านพ้นไปแล้ว
เฉินตงจัดการบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในมือ ให้ดำเนินการต่อไปตามปกติ
สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลก็คือเรื่องของพ่อ
ระยะเวลาสองวัน กับการค้นหาจนทั่วตระกูลเฉิน แต่ก็ยังคงไร้วี่แวว
ราวกับพ่อหายไปในอากาศ
เรื่องนี่เป็นเหมือนหนามแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจของเฉินตงอยู่ ยากที่จะสงบจิตใจลงได้
เพียงชั่วพริบตา
ก็ถึงวันที่นัดหมายกับฉู่เจียนเจียเอาไว้
ช่วงเช้า
เฉินตงโดยสารเครื่องบินส่วนตัวไปยังเมืองหลวง
เมื่อเดินออกจากสนามบิน ฉู่เจียนเจียก็เตรียมรถมารอรับเรียบร้อยแล้ว
หลังจากขึ้นรถ ทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่ฉู่เจียนเจียจัดเตรียมเอาไว้ให้
เฉินตงหันมองฉินเย่ที่นั่งอยู่ข้างๆ “อย่างไรเสีย นายก็กำลังดูแลบริษัทการเงินมูลค่าหลายหมื่นล้านอยู่ ตอนนี้ก็ควรจะนั่งบริหารงานอยู่ที่บริษัทไม่ใช่หรือ จะตามพวกเรามาทำไม ?”
“การประชุมแลกเปลี่ยนด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ต้องมีดาราสาวสวยมาร่วมงานด้วยแน่นอน ถือเป็นบุญตาจริงๆ !” ฉินเย่กะพริบตาปริบๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
เฉินตงลูบจมูก “อ้อ ฉันคิดว่านายตั้งใจจะมาหาจางหยู่หลันเสียอีก”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเย่จางหายไปทันที แล้วหัวเราะร่าออกมา “จะเป็นไปได้ยังไง เธอจะสวยเทียบกับดาราได้อย่างไร ?”
“คุณชายฉิน คุณลองดูท้องฟ้าของเมืองหลวงนั้นสิ เมฆหมอกอึมครึม เกรงว่าฟ้ากำลังจะผ่าแล้ว” ท่านหลงพูดเป็นนัย “คุณพูดโกหกเช่นนี้ ไม่กลัวจะถูกฟ้าผ่าเอาหรือยังไง ?”
ฉินเย่กำลังยืดคอจะเถียงกลับ
เปรี้ยง !
จู่ๆ ก็มีฟ้าผ่าลอดลงมาจากท้องฟ้าที่กำลังอึมครึมอยู่
ทำให้ฉินเย่ตกใจจนหัวหดและรีบหุบปาก
ส่วนเฉินตงเองก็หันหน้าออกไปมองท้องฟ้าเช่นกัน
เมฆหมอกปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าของเมืองหลวง
ถึงแม้จะเป็นเวลาเช้า แต่กลับมืดมิดเหมือนตอนกลางคืน
เขาลูบจมูก “สภาพอากาศในเมืองหลวงแปรปรวนอย่างรวดเร็ว มีเพียงตระกูลหลี่เท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง”