คืนนี้
เฉินตงนอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของกู้ชิงหยิ่ง
นี่เป็นผลพวงมาจากความอ่อนล้าจากการเศร้าโศก และการปลอบโยนอย่างเข้าอกเข้าใจของกู้ชิงหยิ่ง
เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า
เฉินตงลืมตาขึ้น ในดวงตาไม่หลงเหลือความโศกเศร้าของเมื่อคืนอยู่อีกเลย
กู้ชิงหยิ่งอดไม่ได้ที่จะแอบรู้สึกโล่งใจ เธอรู้ดีว่าเมื่อคืนนี้ เฉินตงพยายามข่มอารมณ์จนถึงที่สุด หากตอนนั้นเธอถามให้มากความ ก็มีแต่จะทำให้เฉินตงต้องเจ็บปวดยิ่งขึ้น
“จริงสิคะที่รัก ฉันบอกเรื่องที่ฉันตั้งท้องให้คุณพ่อคุณแม่รู้แล้วนะ พวกเขาบอกว่าเร็วๆ นี้จะมาเยี่ยมสักครั้ง” กู้ชิงหยิ่งพูด
“อย่างนั้นก็ดีสิ รู้เวลาแน่ชัดแล้วให้รีบบอกผม ผมจะไปรับคุณพ่อคุณแม่ที่สนามบินเอง”
เฉินตงจัดระเบียบเสื้อผ้าไปพลาง พูดด้วยรอยยิ้มไปพลาง
กู้ชิงหยิ่งตั้งท้องถือเป็นเรื่องสำคัญ จึงควรแจ้งให้พ่อและแม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องน่ายินดีในครั้งนี้
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ถึงตอนนั้นฉัน พี่เสี่ยวลู่ และพี่คุนหลุนจะไปรับพวกท่านเอง”
กู้ชิงหยิ่งช่วยเฉินตงจัดระเบียบเสื้อผ้า “คุณยุ่งขนาดนั้น เรื่องงานสำคัญที่สุด”
เฉินตงลูกดั้งจมูกของกู้ชิงหยิ่งด้วยความเอ็นดู “จะยุ่งแค่ไหนก็ละเลยคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ไม่ใช่หรือ?”
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจ จึงไม่คิดโต้เถียงอีก และยอมรับปากแต่โดยดี
ตอนที่เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งเดินลงมาชั้นล่าง สีหน้าของเฉินตงทำให้ท่านหลง คุนหลุน และฟ่านลู่ต้องรู้สึกประหลาดใจ
โดยเฉพาะท่านหลงและคุนหลุน
เมื่อคืนพวกเขาเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่เฉินตงโกรธจัด และแผ่รังสีของความอำมหิตออกมา แต่เฉินตงในตอนนี้ กลับทำให้พวกเขารู้สึกงุนงงราวกับเป็นเพียงแค่ความฝัน
หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว
เฉินตงก็มุ่งหน้าไปที่บริษัท
ภายในห้องอาหาร
ฟ่านลู่และคุนหลุนกำลังช่วยกันเก็บถ้วยชาม
กู้ชิงหยิ่งเอ่ยถามท่านหลงด้วยความสงสัย “ท่านหลง เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ท่านหลงเองก็ไม่คิดปิดบัง เขาเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังทั้งหมด
หลังจากฟังจบ สีหน้าของกู้ชิงหยิ่งก็ดูซับซ้อนขึ้นอย่างมากทันที
เธอพึมพำออกมาด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง “ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อคืนเข้าต้องพยายามอย่างหนักเพื่อข่มอารมณ์ไว้เช่นนั้น”
“ใช่แล้ว แต่การที่คุณชายสามารถเดินออกจากความทุกข์ได้เร็วขนาดนั้น ต้องยกความดีความชอบให้กับคุณนายน้อยแล้ว” ท่านหลงยิ้มอย่างสบายใจ
กู้ชิงหยิ่งพูดขึ้นทันที “ท่านหลง รบกวนคุณช่วยเตรียมธูปเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และเครื่องเซ่นไหว้ให้ฉันหน่อย ฉันอยากไปไหว้คุณแม่”
ท่านหลงผงะไป และรีบพูดขึ้นว่า “คุณนายน้อยเพิ่งจะตั้งท้องได้ไม่นาน หากไปกราบไหว้หลุมศพตอนนี้ เกรงว่าจะมีผลต่อเด็กในท้อง”
“ทำไมท่านหลงถึงยังงมงายเช่นนี้นะ?”
กู้ชิงหยิ่งเลิกคิ้ว และหัวเราะออกมา
ผู้หญิงที่เพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่นานห้ามไปกราบไหว้หลุมศพ ห้ามไปวัด เป็นเพียงแค่คำบอกเล่าของคนโบราณเท่านั้น เธอไม่มีทางเชื่อหรอก
“ไม่ใช่ว่าผมงมงาย ตอนนี้คุณนายน้อยเพิ่งตั้งท้องได้ไม่นาน การดูแลเด็กในท้องให้อยู่อย่างสงบถือเป็นเรื่องดีที่สุด อย่าว่าแต่จะกระทบถึงเด็กในท้องเลย เพียงแค่ขึ้นเขา ก็ทำให้คุณนายน้อยต้องสูญเสียพละกำลังอย่างมากแล้ว” ท่านหลงอธิบาย
“เอาล่ะ ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันรู้อยู่แก่ใจดี”
กู้ชิงหยิ่งโบกมือ แล้วพูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น แต่เฉินตงไม่ยอมบอกฉัน ในเมื่อตอนนี้ฉันรู้แล้ว ก็ควรจะไปกราบไหว้คุณแม่สักครั้ง ในฐานะที่เป็นภรรยาของเฉินตง ถ้าหากตอนนี้ยังไม่ยอมไปกราบไหว้สักครั้ง ก็เท่ากับอกตัญญู”
คำว่าอกตัญญู ทำให้ท่านหลงไม่กล้าเอ่ยคำโต้แย้งใดๆ ออกมาอีก
จากนั้น กู้ชิงหยิ่งก็ก้มหน้า แล้วค่อยๆ ลูบท้องเบาๆ “อีกอย่าง ในฐานะที่ฉันเป็นลูกสะใภ้และตั้งท้องแล้ว ก็ควรที่จะไปบอกกล่าวแม่สามีสักคำไม่ใช่หรือ?”
ท่านหลงลังเลอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงพยักหน้ารับคำ
ในขณะที่กู้ชิงหยิ่ง ท่านหลง และฟ่านลู่กำลังเดินทางไปยังหลุมฝังศพของหลี่หลาน
เฉินตงก็มาถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งพอดี
แต่เมื่อเข้าไปนั่งภายในบริษัทได้เพียงครู่เดียว ก็ได้รับข้อความสั่นๆ ในโทรศัพท์
เฉินตงหยิบขึ้นมาดูผ่านๆ ทันใดนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึมลงทันที
เนื้อหาในข้อความนั้นเรียบง่าย
มีเพียงแค่สี่คำเท่านั้น
“ลูกชาย ระวัง!”
พ่อ!
เฉินตงรู้สึกตกใจ
ไม่สนใจเนื้อหาของข้อความ แต่รีบกดโทรกลับไปยังเบอร์ที่ส่งข้อความมาทันที
แต่เหมือนครั้งก่อน เมื่อมีเสียงเรียกสายดังขึ้น ปลายสายก็กดตัดสาย
เฉินตงรู้สึกร้อนใจ เขารีบส่งเบอร์โทรศัพท์ไปให้ท่านหลง ให้เรารีบแกะรอยทันที
จากนั้นจึงตอบกลับข้อความไป พ่อ ตอนนี้พ่ออยู่ที่ไหน?
จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงเวลาที่ต้องนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ
ครั้งก่อนที่พ่อส่งข้อความมา ก็เป็นเหมือนกับครั้งนี้ทุกประการ
สิ่งเดียวที่ต่างออกไปก็คือ ครั้งก่อนเป็นการส่งข่าวว่ายังสบายดี แต่ครั้งนี้กลับเป็นการแจ้งเตือน
ถ้าเช่นนั้น……ให้ระวังเรื่องอะไรกันแน่?
เฉินตงขมวดคิ้วแน่น ความคิดของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ที่ที่เขาและพ่ออยู่นั้น เขาอยู่ในที่สว่าง ส่วนพ่อหายตัวไปเนื่องจากการลอบสังหาร ทำให้เข้าไปอยู่ในที่มืด ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างและอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้มากกว่าเฉินตง
เรื่องที่สามารถทำให้พ่อซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ของเขา ส่งข้อความมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ จะต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่างแน่นอน
“ตระกูลเฉิน?”
เฉินตงพึมพำออกมา
“อันตราย” ที่เขาพอจะนึกขึ้นได้ในตอนนี้คงมีเพียงแค่ตระกูลเฉินเท่านั้น
ไม่มีพ่อคอยปกครองตระกูลเฉิน หากคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและคนในตระกูลเฉินต้องการลงมือกับเขาแล้วล่ะก็ คงเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
แต่ในขณะที่เกิดความคิดนี้ขึ้น เฉินตงกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
พ่อหายตัวไปนานขนาดนี้แล้ว ผู้บริหารระดับสูงของตระกูลเฉินทั้งหมด ต่างก็กำลังออกตามหาพ่อ ในตอนแรกเขาเคยรู้สึกเป็นกังวล แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ความระมัดระวังก็ค่อยๆ ลดลง
“หรือจะหมายถึง……hidden killers?”
เฉินตงเลิกคิ้ว จากนั้นจึงรีบส่ายหัวปฏิเสธความคิดทันที
ความคิดนี้ดูไร้สาระยิ่งกว่าตระกูลเฉินเสียอีก
ลุงเฉินเต้าจูนประกาศเจตนารมณ์ของเขา ถึงขนาดยอมทำลายกฎเกณฑ์ขององค์การ hidden killers ตอนนี้จึงไม่มีทางพุ่งเป้ามาที่เขาได้อีก
นอกเหนือจากนี้……
เฉินตงกำลังวนเวียนอยู่กับความสงสัย
ตระกูลที่เป็นศัตรูกับเขาในตอนนี้ ใช้เพียงแค่นิ้วหัวแม่มือก็เพียงพอที่จะนับออกมาได้ ตระกูลหลี่ถูกถอนรากถอนโคนไปแล้ว ส่วนตระกูลฉินแห่งซีสู่ ก็อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของฉินเย่และฉินเสี่ยวเชียน และไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรอีก
นอกเหนือจากนี้ ยังมีตระกูลที่เป็นศัตรูตระกูลอื่นอีกหรือ?
เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที เฉินตงก็ยังไม่ได้คำตอบ
จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
เฉินตงตั้งสติกลับมาได้ เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากท่านหลง เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นไม่น้อยทันที
“คุณชาย หมายเลขถูกยกเลิกการใช้งานไปแล้วครับ”
ในสายโทรศัพท์ เสียงของท่านหลงฟังดูเคร่งขรึม
“ยกเลิกการใช้งานอีกแล้วหรือ?”
ดวงตาของเฉินตง ฉายแววของความโมโหออกมาเล็กน้อย
ความเร็วในการยกเลิกการใช้งานครั้งนี้ เร็วกว่าครั้งก่อนเสียอีก!
พ่อ……กำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่?
เบอร์โทรศัพท์ถูกยกเลิกไปแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องเฝ้ารอข้อความตอบกลับจากพ่ออีกแล้ว
“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว”
เฉินตงวางสายโทรศัพท์ เดิมทีอารมณ์ที่สงบสุขในตอนเช้า บัดนี้กลับแปรปรวนขึ้นมา
ข้อความเตือนสี่คำที่พ่อส่งมา ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลและไม่อาจทำใจให้สงบได้ตลอดทั้งวัน
และเขาเองก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าตนเองควรต้องระวังอะไรกันแน่!
อารมณ์ที่แทบจะบ้าคลั่งนี้ คอยกวนใจเฉินตงอยู่ตลอดทั้งวัน
ถึงเวลาเลิกงานตอนหกโมงเย็น เฉินตงก็ออกจากบริษัทไปด้วยความว้าวุ่นใจ
หลังจากขึ้นรถ และกำลังจะสตาร์ทรถเพื่อกลับบ้าน
ก็มีสายโทรศัพท์ดังขึ้น
เฉินตงผงะไปสักครู่ ฉินเย่โทรมาตอนนี้ทำไม?
เขาสูดหายใจเข้าลึก เพื่อปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ จากนั้นเฉินตงจึงกดรับโทรศัพท์
ตอนที่ฉินเย่ซึ่งอยู่ปลายสายพูดประโยคแรกออกมา
เฉินตงก็รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าทันที ในที่สุดก็ตั้งสติกลับมาได้ว่า สิ่งที่พ่อต้องการเตือนคืออะไรกันแน่!
ในสายโทรศัพท์
ฉินเย่พยายามข่มอารมณ์ในน้ำเสียงเอาไว้อย่างถึงที่สุด
“พี่ตง! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว วันนี้บริษัทของเราถูกเล่นงานในตลาด ขาดทุนไปกว่าหนึ่งพันล้านหยวน!”