ทรายสีทองลอยคลุ้ง
อุณหภูมิร้อนระอุ แม้แต่ลมยังกลายเป็นไอร้อน
เฉินตงสบตากับเฉินเต้าหลิน
คุนหลุนที่อยู่ด้านข้างก็มองไปที่เฉินเต้าหลินด้วยความสงสัย โดยไม่ใส่ใจความเจ็บปวดอีก
ทั้งๆ ที่เป็นการลอบฆาตกรรมธรรมดาเหตุการณ์หนึ่งแท้ๆ แต่กลับทำให้เจ้าบ้านเฉินที่ยิ่งใหญ่ต้องหายตัวไป
ยิ่งไปกว่านั้นคือการทำให้ตัวเองหายไป ซ่อนตัวอยู่อย่างไร้ร่องรอย
ความลับของเรื่องนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องอยากรู้!
โดยเฉพาะคนที่เพิ่งรอดจากการตามไล่ฆ่าเมื่อเมื่อครู่
เฉินเต้าหลินกลับไม่มีท่าทางรีบร้อน เขาค่อยๆ หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าแล้วจุดสูบหนึ่งมวน
ควันลอยฟุ้งลอดฟันออกมาอย่างเชื่องช้า
เฉินเต้าหลินหลับตาพลางอมยิ้ม “พวกแกคงคิดว่าการหายตัวไปของฉันเกิดจากเหตุการณ์ลอบฆาตกรรมธรรมดาเหตุการณ์หนึ่งใช่ไหม”
“ครับ” เฉินตงตอบ
หากเป็นเหตุการณ์ตอนนั้นที่ยิวหมิน อันดับยมราชที่ 18 ขององค์กร hidden killers ลอบฆ่า แล้วพ่อหายตัวไปคงจะไม่ทำให้เขาข้องใจมากขนาดนี้
แต่ตอนนั้นยิวหมินตายด้วยฝีมือของลุงเต้าจูนไปแล้ว แถมยังโดนตัดหัวเสียบประจานไว้บนป้ายตระกูลเฉินประกาศก้องให้ใต้หล้ารู้
แต่พ่อกลับหายตัวไปจากเหตุการณ์ลอบฆาตกรรมธรรมดาครั้งหนึ่ง แถมยังเป็นนักฆ่าธรรมดาๆ คนหนึ่งที่โดนฆ่าตายคาที่ไปแล้วด้วย
หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ การที่มือสังหารโดนฆ่าตายคาที่ไปแล้วนั้น ตอนนั้นพ่อน่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่หมดห่วงไร้กังวล แต่กลับหายตัวไปดื้อๆ
“เฮ้อ!”
เฉินเต้าหลินเม้มปาก “ตงเอ๋อ ตระกูลเฉินไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกคิดไว้หรอก”
ระหว่างเอ่ย สายตาห่างไกลของเฉินเต้าหลินก็เหม่อมองไปยังซากเฮลิคอปเตอร์ที่ไฟลุกท่วม
“การหายตัวของพ่อ ไม่เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าพ่อไม่หายตัวไป ไม่เพียงแค่พ่อกับลูกเท่านั้น แต่จะทำให้ตระกูลเฉินต้องตกอยู่ในอันตราย”
เปรี้ยง!
เฉินตงเกิดความรู้สึกลังเลบางอย่างที่เกิดขึ้นราวกับฟ้าผ่าลงมาในตอนกลางวัน
ตระกูลเฉิน……จะตกอยู่ในอันตราย?
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน
ตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่ที่กำทรัพย์สินของประเทศเอาไว้ ต่อให้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีมาจากไหน ในสายตาของตระกูลเฉินก็เป็นเพียงมดในดินที่ไม่มีค่าอะไรให้พูดถึง
บุคคลใหญ่โตคับฟ้าเช่นนี้ หากตกอยู่ในอันตรายก็น่าจะเป็นความเน่าเฟะภายในปรากฏออกมา มากกว่าจะเป็นฝีมือของคนนอก?
แม้แต่คุนหลุนเองก็ยังเป็นใบ้ไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เฉินเต้าหลินเหล่มองเฉินตงกับคุนหลุนแล้วส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“ฉันรู้ว่าคำพูดเช่นนี้ พอพูดออกไปแล้ว พวกแกคงไม่อยากจะเชื่อ แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้ ในฐานะที่ฉันเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน สิ่งที่ฉันรู้และเห็นย่อมแตกต่างจากพวกแก”
เขาโยนก้นบุหรี่ทิ้งไป แล้วชี้ไปที่ซากเฮลิคอปเตอร์ไฟท่วม
“ตัวอย่างเช่นเฮลิคอปเตอร์ทั้งสามลำนี้ ลูกคิดว่านี่เป็นเพียงการตามฆ่าธรรมดาๆ อย่างนั้นหรือ นี่เป็นการประกาศอย่างชัดเจนต่างหากว่าต้องการจะสังหารหมู่!”
เฉินตงเหม่อมองไปที่ทะเลเพลิง
เขาฟังออกว่า แม้ว่าพ่อจะกำลังเล่าเรื่องราวอยู่ แต่จริงๆ แล้วพยายามที่เปลี่ยนประเด็นสนใจ เพื่อหลบเลี่ยงประเด็นสำคัญต่างหาก
เห็นได้ชัดว่าพ่อไม่ได้ต้องการจะปิดบังเขา แต่เป็นเพราะสถานะของเขาในตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะรู้
“พ่อกำลังสงสัยใครอยู่กันแน่” เฉินตงถามคำถามที่ตนสงสัยมากที่สุดออกไป
ตั้งแต่เหตุการณ์ลอบฆ่าจนถึงการหายตัวไปของพ่อ การที่พยายามจะบอกว่าปกป้องใคร ไม่สู้พูดออกมาว่าสงสัยใคร
“ความลับ”
เฉินเต้าหลินยิ้มอย่างยากคาดเดา เขาหันไปมองเฉินตง “สิ่งที่ลูกต้องรู้คือ จุนหลิน กรุ๊ปเป็นไผ่ใบสุดท้ายที่พ่อทิ้งไว้ให้ลูก ไผ่ใบนี้ไม่เพียงช่วยลูกชิงตำแหน่งเจ้าบ้านมาได้เท่านั้น แต่ในอนาคตหากลูกต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก นี่จะเป็นทุนที่ช่วยให้ลูกกลับสู่อำนาจได้อีกครั้ง”
“พ่อปิดเรื่องนี้มาได้ตั้งหลายปี ไม่ควรเปิดเผยเรื่องนี้ในเหตุการณ์ของลูกชายตระกูลฉินเลย แต่การที่พ่อหายตัวไป ทำให้ตระกูลเฉินไม่สามารถใช้อำนาจได้ชั่วคราว จึงทำได้เพียงปล่อยให้เรื่องมันปรากฏออกมา”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เฉินเต้าหลินก็มองเฉินตงอย่างลึกซึ้งและยิ้มอย่างประหลาดใจ “ลูกฉลาดมากที่สามารถตามสืบจากร่องรอยจนตามหาพ่อเจอ แต่ลูกต้องจำเอาไว้ ไผ่ใบสุดท้ายอย่างจุนหลิน กรุ๊ปของตระกูลเจิ้ง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปห้ามเปิดเผยให้ใครรู้ ถ้าลูกหงายไพ่ใบสุดท้ายออกไปแล้ว งั้นการเดิมพันทั้งหมดก็ไม่สนุกอีกต่อไป”
เฉินตงพยักหน้า
เขาไม่ใช่คนโง่ จุนหลิน กรุ๊ปของตระกูลเจิ้งแอบปกปิดบุคคลใหญ่โตเช่นนี้เอาไว้มันหมายความว่าอย่างไร เขาเข้าใจดี
นี่เทียบเท่าได้กับระเบิดที่มีอาณุภาพร้ายแรง ที่สามารถทำลายโลกให้บิดเบี้ยวได้ในช่วงเวลาที่สำคัญ
ยิ่งซ่อนไว้ลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะมีประโยชน์กับเขามากเท่านั้น!
แต่เหตุการณ์วิกฤตของฉินเย่ครั้งนี้ คงทำอะไรไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นพ่อคงไม่เผยไพ่ใบสุดท้ายออกมา
เฉินตงขยี้จมูกก่อนจะเอ่ยอย่างรู้สึกละอาย “ขอโทษครับ ผมมาที่นี่เลยทำให้พ่อต้องเจอเหตุการณ์อย่างเมื่อกี้นี้”
“เด็กโง่ อะไรที่จะต้องเกิด ช้าเร็วก็ต้องเกิด”
เฉินเต้าหลินตบไหล่เฉินตง “ลูกจำไว้ รักษาไพ่ใบสุดท้ายอย่างตระกูลเจิ้งนี้ไว้ให้ดี วันหนึ่งหากลูกจำเป็นต้องใช้ เจ้าบ้านเจิ้งจะต้องช่วยลูกอย่างสุดกำลัง ตอนแรกพ่อยังกังวลเรื่องเจ้าบ้านเจิ้งคนต่อไปอาจจะไม่มีความภักดีอย่างเดิม แต่พรหมลิขิตของลูกที่ตระกูลเจิ้งครั้งนี้ทำให้พ่อหายห่วงแล้ว”
เจิ้งจุนหลิน?
รอยยิ้มของเฉินตงหายไปพร้อมๆ กับคำพูดของเขา
นับว่าเป็นพรหมลิขิตอย่างแท้จริง
การช่วยเจิ้งจุนหลิน เดิมทีเป็นเพียงความเห็นใจเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันเท่านั้น
ตอนนี้เจิ้งจุนหลินกลายเป็นเพื่อนของเขา ในอนาคตตระกูลเจิ้งจะยังคงไม่ต่างอะไรจากปัจจุบัน นั่นคือภักดีต่อเขาอย่างหมดใจ
“พ่อวางแผนจะทำอะไรต่อไป” เฉินตงขมวดคิ้วแล้วชี้ไปยังทะเลเพลิง
การบุกโจมตีของเฮลิคอปเตอร์สามลำ การหายตัวไปของพ่อถูกเปิดเผย
เหตุการณ์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่ว่าใครก็คงคาดเดาไม่ถูก
“ลูกวางใจ คนที่คิดจะฆ่าพ่อ ไม่ได้ทำได้ง่ายขนาดนั้น”
เฉินเต้าหลินหยักไหล่แล้วเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ขอแค่ซ่อนตระกูลเจิ้งกับจุนหลิน กรุ๊ปเอาไว้ได้ก็พอ พ่อคิดว่าจะยังคงหายตัวต่อไปอีก ฝีมือของพวกมันตามหาตัวพ่อไม่เจอแน่”
เมื่อกล่าวจบ
เฉินเต้าหลินหันไปมองคุนหลุนที่สีหน้าเริ่มซีด “ผ่านมานานแล้ว ลูกรีบไปหาคนมาช่วยเถอะ คุนหลุนคงทนได้อีกไม่นานนัก”
เฉินตงมองเฉินเต้าหลิน แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เดิมทีคิดว่าการหาตัวพ่อเจอ จะทำความข้องใจทั้งหมดหายไปและจัดการเรื่องราวต่อไปได้ไม่ยาก
แต่ตอนนี้ สิ่งที่เขารู้มีเพียงคำพูดที่เป็นปริศนาเท่านั้น
พ่อพยายามเล่าเรื่องโดยหลีกเลี่ยงประเด็นสำคัญ ยิ่งทำให้ความสงสัยของเขามากขึ้น
แต่เมื่อเห็นสภาพของคุนหลุนตอนนี้ เฉินตงจำเป็นต้องข่มความสงสัยของตัวเองเอาไว้
เพราะคุนหลุนน่าจะทนต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว
แผลจากการถูกยิงและแรงกระแทก อาจไม่ถึงขั้นทำให้ตายคาที่ แต่การเสียเลือดมากเกินไปนั้นอันตรายถึงชีวิต
“รอผมอยู่ที่นี่ก่อน ผมจะพยายามตามหาที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์ แล้วติดต่อท่านหลงให้มาช่วย”
เฉินตงฝืนยกร่างกายที่อ่อนล้าและเจ็บระบมเดินห่างออกไป
การไล่ฆ่าเพิ่งจะจบสิ้นไป ยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่มีทางกลับเข้าไปในเมืองเพื่อขอความช่วยเหลือได้
ทำได้เพียงหาที่ใดสักที่ที่มีสัญญาณมือถือ
สถานการณ์ของคุนหลุนตอนนี้ไม่สู้ดีนัก พ่อเองก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่
หากไม่มีคนคอยคุ้มกัน ถ้ามีการโจมตีขึ้นมาอีกครั้ง คงจะเกิดการเข่นฆ่ากันขึ้นมาอีก
ทว่า
ขณะที่เฉินตงเดินไปได้ไม่ไกลนัก เสียงของเฉินเต้าหลินก็ตะโกนดังขึ้นด้านหลัง
“ตงเอ๋อ ระวังคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน และก็คนในตระกูลเฉินไว้ด้วย!”
เฉินตงชะงัก ปลายหางตาของเขาปรากฏเส้นเลือดเต้นตุบๆ อย่างข้องใจ
ที่ผ่านมาเขาก็ระวังคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินและคนในตระกูลเฉินมาตลอดอยู่แล้ว ทำไมพ่อจะต้องกำชับแบบนี้อีกครั้งด้วย?
“เข้าใจแล้วครับ” เฉินตงไม่ได้ถามอะไรต่อ
แล้วรีบก้าวอาดๆ จากไป
“นายท่าน คุณชายโตขึ้นเร็วมาก”
คุนหลุนยิ้มพลางกล่าวออกมา “เกินความคาดหมายของพวกเราทุกคน”
“จริงด้วย ความสามารถด้านการต่อสู้ของเขา ขนาดฉันยังมองไม่ออก” เฉินเต้าหลินยิ้มอย่างประหลาดใจ “แกเคยถามเขาเรื่องชีวิตในวัยเด็กบ้างไหม”
“เคยถามครับ คุณชายก็ไม่รู้เหมือนกัน”
คุนหลุนส่ายหัวแล้วยิ้มอย่างหม่นหมอง เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาอีกว่า “ผมไม่รู้ว่านายท่านกำลังสงสัยใคร แต่ผมรู้จักนิสัยของนายท่านดี ผมคิดว่าการที่นายท่านพยายามปิดบังคุณชายไปตลอดแบบนี้คงไม่ดีต่อคุณชายเท่าไหร่ ทำแบบนี้จะยิ่งทำให้นายท่านลำบากมากยิ่งขึ้นด้วย สถานการณ์จะยิ่งไม่ดีต่อนายท่านมากขึ้น”
“เห๊อะ!”
เฉินเต้าหลินตัวสั่นก่อนจะหัวเราะเยาะ “คนเป็นพ่ออย่างฉัน แต่ไม่เคยอยู่ข้างกายเขาเลยตลอดยี่สิบกว่าปี ไม่เคยมอบความสุขความอุ่นใจให้เขาในวัยเด็ก ตอนนี้หลานเอ๋อจากไปแล้ว ถ้าฉันยังลากตงเอ๋อเข้ามาอยู่ในความยากลำบากเช่นนี้อีก ฉันจะยังสมควรถูกเรียกว่าพ่ออยู่อีกหรอ”
ระหว่างที่พูด สีหน้ายิ้มแย้มของเฉินเต้าหลินก็เริ่มซีดขาว
เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลทะลักออกมาจากปากของเขา
เลือดที่หยดลงบนพื้นได้ก่อให้เกิดหลุมเล็กๆ บนทะเลทรายที่มีเลือดเอ่อล้น……