World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 143.2 เชี่ยวชาญการต่อยหน้า (2)

ตอนที่ 143.2 เชี่ยวชาญการต่อยหน้า (2)

  ในกลุ่มนักศึกษาที่กำลังดูทั้งสองประมือกัน

  สีหน้าของหยางเสี่ยวม่านเปลี่ยนไปเล็กน้อย  กระดูกแขนเขาแข็งแกร่งมาก! 

   น้ำหนักอาวุธก็ไม่ใช่เบาๆ 

  ฟู่ชางติ่งขัดจังหวะ  นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งสำคัญคือฟางผิงระเบิดปราณและเลือดได้สูงกว่าจ้าวเหล่ย! 

   เป็นไปได้ยังไงกัน! 

  หยางเสี่ยวม่านตกใจมาก  จ้าวเหล่ยขัดเกลากระดูกไป 55 ชิ้นแล้ว ปราณและเลือดเขาอย่างน้อย 270แคล… 

   ฟางผิงแข็งแกร่งกว่าเขามาก ช่องว่างไม่ได้มีแค่เล็กน้อย! 

  สีหน้าของฟู่ชางติ่งจริงจังมากเช่นกัน นับตั้งแต่คลาสฝึกพิเศษเริ่ม พวกเขาก็ไม่ได้เห็นการโจมตีของฟางผิง

  ช่วงเปลี่ยนคัดเลือกหัวหน้าคลาสครั้งที่สอง ไม่มีใครท้าเขาประลองเช่นกัน

  หลังจากนั้นก็เป็นเดือนก่อน ซึ่งทุกคนออกไปทำภารกิจ จึงไม่มีใครติดต่อกันเลย

  เวลานี้เองที่ทุกคนตระหนักว่าปราณและเลือดของฟางผิงสูงมาก มันน่าตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว

  อย่างน้อยก็ 280แคล…ไม่สิ ปราณและเลือด 280แคลไม่ได้สร้างแรงกดดันขนาดนี้…อย่างน้อยต้องประมาณ 300แคล!

   นี่คือผู้ฝึกยุทธขัดเกลาสามครั้งงั้นเหรอ? 

  ฟู่ชางติ่งพึมพำกับตัวเองก่อนจะตื่นจากภวังค์  ปราณและเลือดเขาสูงมาก จำนวนขัดเกลากระดูกก็ไม่ใช่น้อย อย่างน้อยก็ประมาณ 50 ชิ้น ไม่งั้นต่อให้ขัดเกลาสามครั้ง มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะสูงขนาดนี้ มันอาจมากกว่านั้นด้วยซ้ำ! 

  ในขั้นหนึ่ง ทุกครั้งที่ขัดเกลากระดูกเสร็จ ขีดจำกัดปราณและเลือดก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

  ถ้าจำนวนขัดเกลากระดูกของฟางผิงไม่สูง ต่อให้เขาขัดเกลาสามครั้ง ปราณและเลือดของฟางผิงก็คงไม่สูงถึงเพียงนี้

   300แคล! 

  หยางเสี่ยวม่านหน้าซีดเผือด สำหรับผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่ง ไม่ว่าจำนวนขัดเกลากระดูกและปราณและเลือดแข็งแกร่งแค่ไหน วิชาต่อสู้ของทุกคนควรใกล้เคียงกัน

  ยังไม่มีใครร่ำเรียนวิชาต่อสู้ที่ทรงพลัง

  ปราณและเลือดของฟางผิงแข็งแกร่งมาก สำหรับพวกเขาแล้วมันถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างยิ่ง

  ขณะที่ทุกคนคุยกัน พลันมีเสียงกู่ร้องดังมาจากฟางผิง ดาบยาวในมือฟาดฟันลงมาเป็นเงาวูบนึง ตามมาด้วยเสียงปะทะกันกึกก้อง

  แคร้ง!

  ครั้งนี้เสียงอัลลอยปะทะกันดังยิ่งกว่าเดิม!

  จ้าวเหล่ยสีหน้าแดงก่ำ เขาคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวเช่นกัน แต่ก็ไม่อาจหยุดก้าวถอยกลับไปได้ รอยเลือดจากง่ามนิ้วปริแตกเห็นชัดยิ่งกว่าเดิม

   นายยังไม่ยอมแพ้อีก? นายอยากให้ฉันทุบตีนายจนร้องไห้มากขนาดนั้นเลยเหรอ? 

  ฟางผิงแค่นเสียงและกวัดแกว่งดาบยาวฟันลงมาอีกครั้ง!

  แคร้ง!

  คราวนี้เมื่อฟางผิงฟันลงมา ในที่สุดจ้าวเหล่ยก็จับพลองไว้ไม่อยู่ พลองตกลงมาบนพื้นก่อเกิดเสียงดัง

  สองมือจ้าวเหล่ยชาแปลบๆมาพักใหญ่แล้ว แต่เขาไม่อยากยอมแพ้ เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ต้องการต่อสู้กับฟางผิงระยะประชิด

  อย่างไรก็ตามฟางผิงไม่เปิดโอกาส ดาบยาวในมือส่งเสียงหวีดหวิวฟันลงมาขวางทางเขาอีกครั้ง

  นัยน์ตาดำของจ้าวเหล่ยหดตัวลง เขาก้าวถอยไปอย่างเร่งรีบ

  ช่วงเวลานั้นเอง ฟางผิงก็เปลี่ยนจากฟาดฟันเป็นหวด ใบดาบปะทะเข้ากับอกจ้าวเหล่ยอย่างแรง!

  อุ๊บ!

  จ้าวเหล่ยไม่เร็วเท่าฟางผิง เขาหลบไม่ทัน อกเขาถูกโจมตีอย่างจัง เลือดไหลย้อนพุ่งออกมาจากปาก!

  จากนั้นเขาก็เลิกใช้ดาบ เขาโยนดาบยาวไปทางหยางเสี่ยวม่านกับคนอื่นๆอย่างไม่ใส่ใจ พวกหยางเสี่ยวม่านรีบหลบ แต่ฟู่ชางติ่งยื่นมือออกไปรับ เมื่อมือคว้าหมับ มือเขาก็ตกลงพร้อมกับน้ำหนักดาบ เมื่อเขาเห็นผิวอาวุธที่เปล่งประกาย เขาก็อดสบถออกมาไม่ได้  ไอ้รวยเอ้ย! 

   แม่งทำมาจากอัลลอยเกรดดี! 

  เมื่อคำพูดนี้หลุดจากปาก ทุกคนในห้องก็หันมามองดาบยาวด้วยสายตาเร่าร้อน

  ความสามารถในการสังเกตของทุกคนไม่เลว เมื่อกี้การโจมตีของฟางผิงแข็งแกร่งมาก ดาบเล่มนี้ไม่เบาแน่นอน มันต้องหนักประมาณ 30 จิน

  ถ้ามันเป็นอัลลอยเกรดดี มันก็หมายความว่าราคาของมันต้องเกินกว่า 300 คะแนน

  ฟู่ชางติ่งเรียกเขาว่าไอ้รวยนั้นไม่มีผิดเลย

  ขณะที่พวกเขากำลังสนใจดาบยาว ฟางผิงก็เข้าไปทุบตีจ้าวเหล่ยแล้ว

  ขณะที่ทุกคนหันไปมอง พวกเขาก็เห็นฉากที่คุ้นเคยมาก!

  ปัง!

  จ้าวเหล่ยที่มือชายังไม่หายมองดูด้วยสายตาเบิกกว้าง กำปั้นแทบกระแทกเข้าที่จมูกเขา

  สายตาของจ้าวเหล่ยเบิกกว้างอย่างโกรธแค้น เขารีบเอนหัวไปข้างหลัง แต่ไม่มีทางเลยที่เขาจะหลบหมัดของฟางผิงได้!

  กรอบ!

  มีเสียงเหมือนกระดูกลั่น เลือดไหลทะลักออกทางจมูก จ้าวเหล่ยดวงตาแดงก่ำ น้ำตาไหลอาบแก้ม

   ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าร้อง แต่นายก็ยังร้องไห้อีก! 

   ร้องไห้ปู่แกสิ! 

   นายยังกล้าปากดีอีก? 

  ฟางผิงกำหมัดแน่น หมัดที่สองเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เขาต่อยเข้าเบ้าตาซ้ายจ้าวเหล่ย เบ้าตาซ้ายจ้าวเหล่ยบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและเปลี่ยนเป็นสีม่วงช้ำ

   นายยังอยากปากดีอยู่ไหม? 

  ปัง!

   ฉันบอกแล้วว่าอย่าร้อง จะร้องเพื่อ! 

  ปัง!

   นายคิดจริงๆเหรอว่าหน้าบวมจนเป็นหัวหมูแล้วดูดี? ฉันบีบบังคับนายเหรอ? 

   … 

  หลังผ่านไปสิบกว่าหมัด หน้าของจ้าวเหล่ยก็ไม่ต่างจากครั้งก่อน แต่เขาก็ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้

  ฟางผิงเดือด เขากัดฟันกรอด  ถ้าฉันโจมตีช่วงล่างก็อย่าโทษฉันละกัน! 

   ฉันยอมแพ้! 

  คราวนี้จ้าวเหล่ยไม่ลังเลอีก เขารีบตะโกนทันที

   แส่หาเรื่อง! 

  ฟางผิงแค่นเสียงและไม่ได้พูดอะไรอีก เขาหันไปมองหยางเสี่ยวม่าน  ต่อไปหยางเสี่ยวม่าน! 

  หยางเสี่ยวม่านสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอีกครั้ง เธอกัดฟันพูด  นายไม่พักหน่อยเหรอ? 

   ไม่จำเป็น! 

   ฉัน… 

  หยางเสี่ยวม่านมองจ้าวเหล่ย ตาจ้าวเหล่ยบวมเป่ง เขาแทบมองไม่เห็นอะไร เขาเดินเงอะงะไปรอบๆก่อนจะนั่งลงที่จุดเดิมของตน

  แม้ว่าจ้าวเหล่ยอยากแสดงให้เห็นว่า ต่อให้เขาแพ้ เขาก็ไม่ยอมรับฟางผิง แต่ไม่ว่าจะมองยังไง มันก็ดูน่าตลก

  หยางเสี่ยวม่านถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยถาม  นายขัดเกลากระดูกไปกี่ชิ้นแล้ว? 

   สำคัญด้วยเหรอ? 

   ฉันแค่ถาม มันแปลกเหรอ? พวกเราอยู่ชั้นเดียวกัน มันไม่ใช่ความลับสักหน่อย! 

  ฟางผิงเหลือบมองเธอก่อนจะหันไปมองถังเฟิงที่อยู่ข้างๆ จากนั้นเขาถึงตอบ  59 ชิ้น! 

   เป็นไปได้ยังไง! 

  คำพูดนี้ไม่ได้หลุดจากปากหยางเสี่ยวม่านคนเดียว คนอื่นๆก็มองฟางผิงด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน

  ฟางผิงพึ่งกลายเป็นผู้ฝึกยุทธตอนมหาลัยเปิด มันพึ่งผ่านมาสามเดือนเท่านั้น การที่เขาขัดเกลากระดูกได้ 59 ชิ้นในสามเดือนก็แปลว่าเขาสามารถขัดเกลากระดูกให้เสร็จได้ในเวลาวันครึ่ง มันเร็วเกินไปแล้ว!

  ฟางผิงไม่ได้แย้ง และเขาก็ไม่คิดว่าตนเองจะถูกชำแหละ

  โลกนี้ไม่ได้ขาดแคลนอัจฉริยะ

  มันเป็นเช่นนั้นจริง ถังเฟิงไม่ได้ประหลาดใจมากนัก เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าตกใจของทุกคน เขาก็พูดขึ้นมาเบาๆ  บางคนก็เกิดมาเหมาะกับการขัดเกลากระดูก เมื่อมีเม็ดยาเพียงพอ จะขัดเกลากระดูกได้เร็วก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ 

   อย่างไรก็ตามขัดเกลากระดูกได้เร็วไม่ได้แปลว่าจะแข็งแกร่ง นั่นขึ้นอยู่กับความพยายามของคุณ 

   หยางเสี่ยวม่าน ตาคุณแล้ว! 

   ฉะ…ฉันยอมแพ้! 

  หยางเสี่ยวม่านพูดอย่างไม่เต็มใจ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความอับอาย เธอยอมแพ้ทั้งที่ไม่ได้เริ่ม เธอรู้สึกเหมือนไม่มีหน้าไปพบผู้อื่น

  แต่ฟางผิงก็ทำเกินไป!

  เขาใช้จ้าวเหล่ยขู่ให้คนอื่นกลัวถึงสองครั้ง!

  ถ้าเธอถูกทุบตีแบบนี้ เธอจะออกไปเจอหน้าคนอื่นได้ยังไง?

  ไม่งั้นต่อให้เธอแพ้ เธอก็จะออกไปสู้ ไม่ใช่ว่าเธอยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ อย่างไรก็ตามเธอยอมรับกับการถูกทุบตีเป็นหัวหมูไม่ได้

  ถังเฟิงมองฟู่ชางติ่ง ฟางผิงก็มองฟู่ชางติ่งอย่างซุกซนเช่นเดียวกัน

  ฟู่ชางติ่งยิ้มแห้ง  นายไม่ต่อยหน้าได้ไหม? 

   นายคิดว่าไงล่ะ? 

   งั้นฉันยอมแพ้ 

  ฟู่ชางติ่งก็ยอมเช่นกัน 30 คะแนนก็ดีอยู่หรอก แต่เขาไม่อยากกลายเป็นหัวหมูอีกครั้ง

  เขาบอกไม่ได้ว่าฟางผิงใช้ปราณและเลือดไปมากแค่ไหน แต่เมื่อเห็นท่าทีสงบของฟางผิง ดูเหมือนเขาจะใช้แรงไปไม่มากนัก

   แล้วพวกนายล่ะ? 

   ต้องต่อยหน้าด้วยเหรอ? 

   ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้จงใจโจมตีที่หน้าสักหน่อย! 

  คำว่า’จงใจ’ฟังดูดังเป็นพิเศษ

  ทุกคนเงียบเสียงลง จากนั้นสักครู่ก็มีคนพูดขึ้นมา  ยอมแพ้! 

  ฟางผิงขัดเกลากระดูกสามครั้ง อาจมีปราณและเลือดถึง 300แคล ขัดเกลากระดูกไป 59 ชิ้น มีอาวุธอัลลอยเกรดดี แถมยังชอบต่อยหน้าคนเป็นพิเศษ…

  เมื่อรวมเรื่องทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน ทุกคนจึงไม่คิดว่าตัวเองจะมีสภาพดีไปกว่าจ้าวเหล่ย

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท