“คุณนายใหญ่ท่านมาแล้ว”
ชิวมู่เฉิงวางงานที่อยู่ในมือลง จากนั้นเดินไปยังคุณนายใหญ่เอ่ยปากถามว่า “ท่านคิดว่าจะประเมินผลด้วยวิธีไหนเหรอ?”
คุณนายใหญ่นั่งอยู่บนรถเข็น ไม่สะดวกที่จะเดิน เธอเงยหน้าจ้องมองชิวมู่เฉิง พูดอย่างเอาจริงเอาจังมากว่า “ด้วยลำดับศักดิ์ของแกในตอนนี้ จำเป็นต้องมีคนคนหนึ่งที่คู่ควรกับแกจึงจะได้ มิฉะนั้นถึงแม้ว่าฉันตายแล้วก็จะตายตาไม่หลับ”
พูดน่าฟังกว่าร้องนะ เนี่ยเฟิงเบ้ปากแล้วเบ้ปากอีกอยู่ข้างๆ ใส่มือถือเข้าไปในกระเป๋า จ้องมองฉากนี้อย่างน่าสนใจมาก
“ฉันดูว่าเด็กผู้ชายที่ชื่อว่าเนี่ยเฟิงคนนั้นไม่คู่ควรกับแก ฉันรู้ว่าแกตอนนี้ย่อมถูกความรักพุ่งใส่สมองจนสติเลอะเลือนแล้ว ดังนั้นไม่ว่าฉันพูดอะไรแกล้วนฟังไม่เข้าหู แกก็ไม่อนุญาตให้พวกเราตำหนิต่อว่าเด็กผู้ชายคนนั้น จุดนี้ฉันก็รู้เช่นกัน”
คุณนายใหญ่พูดถึงตรงนี้อดไม่ไหวที่จะถอนหายใจหนึ่งที “แต่ในเมื่อแกให้เวลาฉันสามวันมาช่วยสำรวจเนี่ยเฟิงให้แก งั้นฉันก็แสดงความสามารถของฉันออกมา คนนี้เป็นหลานชายของเพื่อนฉัน เขาเป็นบุคคลที่มีความสามารถ นิสัยสุภาพอ่อนโยน ทำการทำงานสุขุมหนักแน่น…….”
“คุณนายใหญ่แบบนี้ของท่านที่ไหนจะเป็นประเมินผลล่ะ? ท่านนี่ก็คือเปลี่ยนวิธีแนะนำคู่รักให้กับฉันเลยจริงๆ”
ยังไม่ได้รอคุณนายใหญ่พูดจบ ชิวมู่เฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ตัดคำพูดของคุณนายใหญ่เลย
“แกอย่าตัดสินชี้ขาดเร็วขนาดนั้น ฉันไม่ใช่แนะนำคู่รักให้แก ฉันแค่เพียงรู้สึกว่ามีการเปรียบเทียบจึงได้รับผลประเมินที่ยิ่งดีกว่า ในตอนนี้เด็กที่ชื่อว่าเนี่ยเฟิงคนนี้กับฝานหลินทั้งสองคนตามจีบแกพร้อมกัน พวกเรามาดูด้วยกันว่า พวกเขาใครยิ่งมีความสามารถยืนอยู่ข้างกายแก จุดนี้ไม่มีปัญหามั้ง?”
แม้เนี่ยเฟิงไม่รู้ว่าคุณนายใหญ่หาผู้ชายคนนี้มาจากที่ไหน แต่จะเทียบกันล่ะก็เขาย่อมไม่แพ้อย่างแน่นอนอยู่แล้วล่ะ ไม่ว่าเป็นอำนาจพลังทรัพย์หรือว่าสติปัญญากับกำลังกาย เขาล้วนสามารถสะบัดผู้ชายคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าห่างไกลไปหลายซอย
เนี่ยเฟิงอดไม่ไหวที่จะหัวเราะแล้วหัวเราะอีก แต่เสียงหัวเราะกลับทำให้คุณนายใหญ่โกรธจริงๆ
ถึงตอนนี้คุณนายใหญ่ก็ยังเกิดความพะวงในใจอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากว่าในตอนต้นไม่ใช่เนี่ยเฟิงวิ่งออกมาก่อเรื่อง ตระกูลของพวกเขาเป็นไปได้ยังไงที่จะน่าเวทนาขนาดนั้นล่ะ? นึกถึงจุดนี้คุณนายใหญ่ก็รู้สึกโมโห! สายตาที่คุณนายใหญ่จ้องมองไปยังเนี่ยเฟิงกลายเป็นมีความน่ากลัวเล็กน้อย เธอเหลือบมองเนี่ยเฟิงอย่างโหดร้ายหนึ่งที “นี่เป็นเรื่องที่น่าขำอะไรเหรอ? นี่ฉันกำลังคิดเพื่อความสุขของมู่เฉิง!”
“ถ้าหากฉันรู้ว่าเป็นการประเมินผลแบบนี้ ฉันก็จะไม่รับปากอยู่ดี”
ชิวมู่เฉิงเห็นได้ชัดขมวดคิ้วอย่างแน่น พูดอย่างไม่สุขใจมาก
“มู่เฉิง คุณย่าผิดต่อแกมาเป็นเวลานานมากแล้ว ทารุณโหดมาโดยตลอด ให้แกศึกษาให้ดีๆเพียงแค่ฉันรู้ว่าสิ่งที่แกต้องการทั้งๆคือความรัก ความรักที่ญาติๆให้กับคุณจึงจะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้แกเติบโตอย่างแข็งแรง ดังนั้นฉันอยากชดเชยแกให้ดีๆ เพียงแค่ไอ้หนุ่มคนนี้ผ่านการประเมินผล งั้นฉันก็จะไม่บีบบังคับแกอีก!”
คำพูดของคุณนายใหญ่พูดอย่างสวยงาม แต่ว่าในใจไม่ได้คิดอย่างนี้ คุณนายใหญ่เพียงแค่อยากจะสร้างโอกาสที่จะให้ฝานหลินอยู่ด้วยกันกับชิวมู่เฉิง
ชิวมู่เฉิงนึกถึงสัญญาของพวกเขาทั้งสองคน ในใจคิดอยู่ว่าอดทน หลายวันนี้คบกันกับเด็กผู้ชายคนนี้สักหน่อย ตนเองก็อาจจะอิสระแล้ว ดังนั้นชิวมู่เฉิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “ในเมื่อคำพูดของท่านล้วนพูดถึงขั้นนี้แล้ว ฉันไม่รับปาก ดูแล้วก็เป็นคนไม่มีเหตุผลเกินไปเลย งั้นได้ล่ะ ฉันก็รับปากดำเนินการประเมินผลแบบนี้”
คุณนายใหญ่ตาสว่างขึ้นทันที รีบพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก “แกยอมที่จะรับปากเป็นเรื่องที่ดีมากเลย! แกวางใจเถอะ ฉันจะไม่บีบบังคับแกต้องไปเลือก! งั้นพวกคุณคบๆกันให้ดีๆ!”
บนใบหน้าคุณนายใหญ่เบ่งบานรอยยิ้มออกมา ริ้วรอยนั้นก็แผ่ขยายออกไปก็เหมือนดั่งดอกเบญจมาศที่เบ่งบาน
หลังจากคุณนายใหญ่ออกไปแล้ว ชิวมู่เฉิงขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก แต่ยังคงเดินเข้าไป ยื่นมือออกไปอย่างมีมารยาทเหลือเกิน “สวัสดี ฉันชื่อชิวมู่เฉิง”
“คุณชิวสวัสดี ชื่อของผมคือฝานหลิน”
ทั้งสองคนนี้ก็ถือว่ารู้จักฝานหลินเป็นเบื้องต้นแล้ว จับมือของชิวมู่เฉิงไว้ เพียงแค่รู้สึกว่ามือข้างนี้ทั้งลื่นทั้งนิ่ม ทำให้คนรักไม่ปล่อยวาง!
แต่ถึงแม้ว่ามือข้างนี้ทั้งลื่นทั้งนิ่ม ฝานหลินก็ไม่สามารถจับอย่างรุนแรง ถึงยังไงก็ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย พูดได้อีกว่าก็ไม่สามารถเหลือภาพพจน์ที่ไม่ดีให้แก่ผู้หญิงเช่นกัน
ชิวมู่เฉิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกนิดๆ จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า “คุณฝาน เหมือนอย่างที่คุณเห็น ตอนนี้ฉันยังยุ่งอยู่ ดังนั้นดูแลไม่ทั่วถึงคุณ ถ้าไม่เป็นอย่างนี้คุณกลับไปก่อนเถอะ”
ในใจฝานหลินมีความไม่ค่อยสุขใจเล็กน้อย ในใจคิดอยู่ว่าชิวมู่เฉิงคนนี้ช่างเย็นชาเหมือนน้ำแข็งจริงๆ ในเวลานี้ถึงขนาดออกคำสั่งไล่แขกโดยตรง
แต่ถึงแม้ว่าเป็นเช่นนี้ฝานหลินก็แสดงออกมาให้เห็นไม่ได้ ฝานหลินจ้องมองเนี่ยเฟิงที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างๆหนึ่งที ดูลักษณะแล้วคนนี้ก็เป็นคู่แข่งของตนเองแล้วล่ะ
ผู้ชายมักจะมีความหลงใหลในความมั่นใจกับตนเองอย่างสูง ฝานหลินก็ไม่ยกเว้นเช่นกัน อีกทั้งเนื่องเพราะเขาถูกอัดคำพูดที่ดีมาโดยตลอด ดังนั้นฝานหลินคิดว่าตนเองก็คือหนึ่งเดียวไม่มีสองมาโดยตลอด ก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนนั้น ด้วยเหตุนี้เขาดูเนี่ยเฟิงไม่เข้าตาเป็นพิเศษ
เขารู้สึกว่าเนี่ยเฟิงก็คือผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินคนหนึ่ง ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด
ก็ไม่รู้ว่าชิวมู่เฉิงชอบเนี่ยเฟิงที่อะไร รูปร่างหน้าตาของเนี่ยเฟิงก็ไม่หล่อกว่าเขาสูงกว่าเขา อีกทั้งดูแล้วก็ไม่ได้ร่ำรวยเช่นกัน
ตามความจริง ฝานหลินคือสวมใส่แว่นตาที่มีสีจ้องมองเนี่ยเฟิงตามความจริงเนี่ยเฟิงหน้าตาดีกว่าฝานหลิน ความประพฤติดี ไม่ว่าเป็นพลังทรัพย์อำนาจหรือว่าแต่ละด้านเอาออกมาแล้วฝานหลินล้วนไม่มีทางที่จะเทียบกับเนี่ยเฟิงได้
แต่ว่าเนี่ยเฟิงเห็นลักษณะท่าทีที่กระตือรือร้นขนาดนั้นของเขา ก็ใจร้ายไม่ลงที่จะเปิดโปงเขา สาเหตุที่คุณนายใหญ่จะพาฝานหลินมาย่อมมีเหตุผลของคุณนายใหญ่อย่างแน่นอน
เนี่ยเฟิงกลับอยากจะดูว่าไอ้คนที่ชื่อฝานหลินนี้มีฝีมืออะไรกันแน่
“ในเมื่อคุณชิวยุ่งอยู่ งั้นผมก็กลับไปก่อนแล้ว”
ฝานหลินกลับเรียบง่ายมาก หมุนตัวก็ออกไปเลย หลังจากเนี่ยเฟิงจ้องมองฝานหลินออกไปแล้วเข้าไปถามว่า “พี่ใหญ่คุณดูคนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ? คุณชอบหรือไม่? เป็นอย่างที่คุณชอบไหม?”
“แกพูดสุ่มสี่สุ่มห้าอะไรล่ะ? ตอนนี้ฉันยุ่งกับงานอยู่ จะไม่มีเวลาไปคุยเรื่องความรักชายหญิงล่ะ”
ชิวมู่เฉิงส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก
“งานเป็นเรื่องสำคัญกว่า แต่ว่าคุยเรื่องแต่งงานก็เหมือนกัน พบเจอกับคนที่เหมาะสมก็คบกันสักหน่อยล่ะ?”
ชิวมู่เฉิงอารมณ์ไม่ดีเหลือบตามองเนี่ยเฟิงหนึ่งที “ตอนนี้แกว่างจนว้าวุ่นใช่หรือไม่? ถ้าหากว่าแกว่างเกินไปงั้นก็ไปที่นั่นช่วยฉันจัดเก็บเอกสารเหล่านั้นให้เป็นระเบียบ ใกล้จะถึงเวลากินข้าวแล้ว หลังจากรอจัดเก็บให้เป็นระเบียบแล้ว ฉันค่อยพาแกไปกินข้าว ไม่ได้จัดเก็บให้เป็นระเบียบ งั้นวันนี้แกก็ไม่ต้องกินข้าวแล้ว”
เนี่ยเฟิงน่าสงสารเบิกตาโพลงทั้งคู่ในทันที “ไม่ใช่มั้ง จะจัดเก็บสิ่งของเหล่านี้อีก มากขนาดนั้น ถึงเมื่อไหร่จึงจะเป็นระเบียบล่ะ?”
“รีบไปเถอะ”
พวกเขายุ่งตลอดจนถึงเวลากินข้าวเที่ยง ก็อยู่ตอนที่พวกเขาลงจากตึกเตรียมตัวที่จะไปจัดการอาหารเที่ยงมื้อนี้ ในร้านอาหารบริเวณใกล้เคียง ตรงประตูมีคนคนหนึ่งเดินมาคนคนนี้ไม่ใช่คนอื่นเป็นฝานหลินนั่นเอง
“คุณชิว เห็นลักษณะท่าทีคุณยุ่งเสร็จแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะเชิญคุณไปกินข้าวได้หรือไม่?”
ชิวมู่เฉิงนึกไม่ถึงว่าฝานหลินถึงขนาดรออยู่ข้างล่างมาโดยตลอด
“คุณรออยู่ที่นี่โดยตลอดเหรอ?”
“เพราะว่าคุณเป็นลักษณะที่ผมชอบ ดังนั้นผมคิดอยากจะใกล้ชิดๆกับคุณมากหน่อย พูดได้อีกว่า รอสุภาพสตรีท่านหนึ่งสำหรับผู้ชายมากล่าวแล้วเป็นเกียรติยศพิเศษอย่างหนึ่ง”
หน้าตาฝานหลินแม้ว่าสู้เนี่ยเฟิงไม่ได้ แต่การแต่งตัวในวันนี้ดูดีมาก บวกกับพูดจาไพเราะอีก ภาพพจน์ที่ให้กับคนในครั้งแรกช่างดีมากจริงๆนะ