แต่นึกไม่ถึง คืนนี้อลิซแต่งตัวสวยสุดขีดปรากฏอยู่ต่อหน้าเนี่ยเฟิง เนี่ยเฟิงแม้แต่สายตาเดียวถึงขนาดล้วนไม่ได้ให้เธอ ทำการฝึกเธออย่างสุดกำลังโดยตลอด
อลิซไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน ภาพพจน์ส่วนตัวล้วนไม่สนแล้ว ทำการฝึกหนึ่งรอบลงมา อลิซไม่มีเรี่ยวแรงใดๆแล้ว เพียงเห็นอลิซนั่งอยู่ขั้นบันไดพิงอยู่ราวที่อยู่ข้างๆ บุคลิกดีของคุณหนูใหญ่ล้วนไม่มีเลยสักนิด
แม้แต่พานฉางอันก็รู้สึกว่าดูเหมือนวันนี้ทำการฝึกในจะยิ่งโหดเหี้ยมมากกว่ายามปกติเยอะเลย พานฉางอันหอบฮื้ดๆล้มอยู่กับสนามหญ้าที่อยู่ข้างๆ ก็ยกแรงกำลังกับจิตสติใดๆไม่ขึ้นแล้ว
เนี่ยเฟิงนั่งยองๆอยู่ต่อหน้าอลิซ ในเวลานี้อลิซล้วนไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะยกมือขึ้น
“เป็นยังไงล่ะ? รู้สึกเหนื่อยมากใช่หรือไม่ล่ะ? ทำการฝึกอบรมครั้งแรกล้วนเป็นเช่นนี้ล่ะ”
อลิซกะพริบตาอย่างลำบากจ้องมองไปยังเนี่ยเฟิง เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าการฝึกฝนถึงขนาดเป็นเรื่องหนึ่งที่เหนื่อยขนาดนั้น ยามปกติอลิซก็จะวิ่งตอนเช้าเช่นกัน แต่ไม่มีสักครั้งเหมือนอย่างตอนนี้
เนี่ยเฟิงตั้งใจเพิ่มปริมาณการออกกำลังกายมากขึ้น อยู่ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่ทำร้ายข้อต่อของพวกเขาทั้งสองคน ทำให้ร่างกายของพวกเขาออกกำลังกายเกินพิกัด คิดว่าคืนนี้พวกเขาทั้งสองจะนอนหลับสนิทอย่างแน่นอน แต่ต่อจากนี้หลายวันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแล้ว
สุดท้ายอลิซล้วนขาอ่อนกลับไปถึงที่พักของตนเอง หลังจากกลับไปอลิซล้างหน้าล้างตาสักหน่อยก็นอนหลับไปเลย วันที่สองอลิซตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าร่างกายเหมือนดั่งกระจุย เธอเหนื่อยจนไม่ไหว
เพราะว่าหลังจากทำการฝึกอบรมด้วยความเข้มสูง เนี่ยเฟิงไม่ได้ให้พวกเขาทำการยืดเนื้อยืดตัวเลย ด้วยเหตุนี้กล้ามเนื้อของพวกเขาอยู่ในสภาพที่ตึงเกร็ง เพราะว่าร่างกายไม่เคยทำการฝึกอบรมมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นกล้ามเนื้อของอลิซยิ่งจะปวดเมื่อยง่าย
ต่อจากนี้เนี่ยเฟิงไม่ให้พวกเขามีโอกาสหอบพักหายใจเลย ตั้งแต่เช้าก็เข้ามาเรียกพวกเขาไปทำการฝึกอบรมต่ออีก พานฉางอันก็ไม่เคยคิดว่าตนเองถึงขนาดจะผ่านชีวิตอย่างนี้ แต่ก่อนเขาล้วนจะอดหลับอดนอนดูวิดีโอทุกคืน ตอนนี้ถึงขนาดนอนเร็วตื่นแต่เช้าเลย นี่ช่างเหลือเชื่อจริงๆ
ในเวลานี้ร่างกายของทั้งสองคนล้วนปรับยังไม่ดี ก็ถูกบีบบังคับออกไปทำการฝึกอบรม วิ่งรอบสนามกีฬาหลายรอบ อลิซรับไม่ไหวแล้ว รู้สึกว่าตนเองล้วนอาจจะสลบไม่ได้สติไปได้ในทุกเวลาทุกสถานที่
พานฉางอันก็รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถควบคุมร่างกายได้เลยจริงๆ รู้สึกเหมือนเช่นดั่งวิญญาณร่างกายแยกออกจากกันแล้ว
ถึงเวลาพักผ่อน พานฉางอันไม่สนภาพพจน์ ก้นนั่งลงกับพื้นทันที เหนื่อยจนเหมือนดั่งสุนัขตัวหนึ่ง
“พี่เฟิง แต่ก่อนพวกเราดูเหมือนไม่ได้ทำการฝึกอบรมรุนแรงขนาดนั้นล่ะ ทำไมอยู่ดีๆเพิ่มปริมาณทำการฝึกอบรมมากขึ้นแล้วล่ะ? ผมล้วนใกล้จะเหนื่อยตายแล้ว”
“ทำการฝึกอบรมย่อมจะค่อยๆก้าวไปตามลำดับอยู่แล้ว ผมรู้สึกว่าร่างกายของคุณยังสามารถทนต่อความกดดันได้อีก ดังนั้นก็เลยจัดทำแผนการโดยเฉพาะให้กับพวกคุณ เป็นยังไงแล้วล่ะ? พวกคุณรับไม่ไหวแล้วเชียวเหรอ?”
เนี่ยเฟิงยิ้มตาหยีซักถามแบบนี้
เป็นไปไม่ได้ที่พานฉางอันกับอลิซทั้งสองคนจะขี้เกียจเลยสักนิด
เพราะว่าตอนที่พวกเขาทั้งสองคนทำการฝึกอบรม เนี่ยเฟิงยังวิ่งพร้อมกันอยู่ ตรวจตราท่าทางของพวกเขาทั้งสองได้ทำถึงที่หรือไม่อย่างละเอียด หนึ่งคือกังวลว่ากล้ามเนื้อของพวกเขาจะฉีกขาด จะทำให้กระดูกได้รับบาดเจ็บ สองคือทำให้พวกเขาขี้เกียจไม่ได้
พานฉางอันรีบส่ายหัวพูดว่าตนเองล้วนไม่มีความหมายที่จะสงสัยเนี่ยเฟิงเลยสักนิด พูดได้อีกว่า นี่คือพวกเขาทั้งสองคนเป็นฝ่ายขอร้องเนี่ยเฟิงช่วยทำการฝึกอบรมให้กับตนเอง ถ้าหากตอนนี้บอกว่าไม่ฝึกแล้ว งั้นก็รู้สึกผิดต่อเนี่ยเฟิงเช่นกันล่ะ
เนี่ยเฟิงจ้องมองอลิซที่ยามปกติเจี้ยวๆจ้าวๆเหมือนเช่นดั่งนกกระจาบฝนล้วนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวแล้ว ใบหน้าที่ขาวสะอาดหมดจดแดงระเรื่อ ดูลักษณะท่าทีแล้วเหนื่อยไม่เบาเลย
ทำการฝึกอบรมพอสมควรแล้ว เนี่ยเฟิงให้พวกเขากลับไปพักผ่อน ทั้งสองคนเหมือนยกภูเขาออกจากอก ลากร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับไปกินข้าวเลย
ยังไม่ทันรอพวกเขาทั้งสองดีใจล่ะ เนี่ยเฟิงเสริมคำหนึ่งอยู่ข้างหลังอีกว่า “คืนนี้ยังมีการฝึกอบรมอีกรอบหนึ่ง จำไว้ต้องปรับสภาพให้ดี ห้ามลา”
ตาของพานฉางอันกับอลิซทั้งสองคนล้วนเบิกโพลงเลย พวกเขาทั้งสองผ่านการฝึกอบรมในสองวันนี้ล้วนรู้สึกสงสัยถึงชีวิตแล้ว นี่ยังเพียงแค่การฝึกอบรมเหรอ? นี่ก็คือหาความทุกข์ให้กับตนเองรับจริงๆเลย
หลังจากปล่อยพวกเขาทั้งสองคนออกไป ลิซ่าก็มาหาถึงที่เลย แท้ที่จริงลิซ่ารู้เรื่องที่เนี่ยเฟิงทำการฝึกอบรมให้กับพวกเขาทั้งสองคน เพราะว่าลิซ่ามีการจัดวางคนติดตามอยู่ข้างกายของพวกเขา สำรวจพวกเขา
เพราะไม่ว่ายังไงลิซ่าล้วนจะยึดกุมอำนาจหลัก ถึงยังไงล้วนต้องรู้ว่าตกลงเนี่ยเฟิงทำอะไรอยู่บ้าง
“เรื่องของฝั่งโน้นดำเนินไปพอสมควรแล้ว วิลก็ถูกศาลทหารกักตัวไว้แล้วเช่นกัน น่าจะพรุ่งนี้ก็เริ่มทำการไต่สวน ถึงเวลานั้นคุณกับฉันล้วนต้องไปศาล แต่ว่าคุณไม่ต้องหวาดกลัว มีฉันอยู่ไม่มีคนกล้าเตะต้องคุณ”
ยกเว้นจากนี้ แท่งขนมพลังงานแท่งนั้นที่ลิซ่าส่งไปยังสถาบันวิจัย ก็ได้ผลลัพธ์แล้วเช่นกัน ถึงยังไงลิซ่าก็เรียกร้องพวกเขาให้ทำการค้นคว้าวิจัยตลอดทั้งคืน เหมือนอย่างที่คิด พลังงานที่แฝงไว้อยู่ในแท่งขนมพลังงานยิ่งดีกว่าแต่ก่อนที่พวกเขานำเข้าเยอะเลย อีกทั้งแท่งขนมพลังงานแท่งนี้ก็คือรุ่นปรับปรุงใหม่ของแท่งขนมพลังงานในสำนักมังกร
แต่ก่อนลิซ่าได้ยินพวกเขาพูดบ่อยๆ ทรัพยากรที่สำนักมังกรจับกุมยิ่งแข็งแกร่งกว่าสิ่งที่นำเข้าเหล่านั้น
ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่ดีที่สุดของโลก ย่อมต้องเก็บไว้ให้ตนเองโดยเฉพาะอยู่แล้ว ถ้าหากเป็นเช่นนี้เนี่ยเฟิงได้แท่งขนมพลังงานแท่งนี้มาได้ยังไง อีกทั้งยังสามารถจัดสรรมากขนาดนั้น……
เนี่ยเฟิงมีความเกี่ยวข้องกับสำนักมังกรเลยเชียวเหรอ? ถ้าหากสามารถได้รับการประคองจากสำนักมังกร งั้นพันธมิตรที่สี่ของพวกเขาย่อมจะเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน
เพียงแค่ตอนนี้ลิซ่ายังไม่รู้สถานะของเนี่ยเฟิง ถ้าหากลิซ่าไปลองทดสอบหยั่งเชิงเนี่ยเฟิง เป็นไปได้มากที่จะถูกเนี่ยเฟิงป้องกันไว้
“ไม่เป็นไร ถ้าหากพวกเขากล้าเตะต้องผม งั้นผมไม่ถือสาที่จะทำให้ศาลทหารของพวกเขาหายสาบสูญ”
ถ้าหากเป็นแต่ก่อน ลิซ่าย่อมจะรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ที่เนี่ยเฟิงพูดจะมีส่วนประกอบของความขี้โม้อยู่อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ลิซ่าไม่คิดว่าเป็นอย่างนี้เลย อยู่ในกองกำลังเป็นหมื่นๆพันๆสามารถต่อสู้พุ่งออกมาหาทางรอดทางหนึ่ง นำพาพวกเขาออกไปอย่างครบถ้วน นี่เป็นกำลังกับพลังการต่อสู้ขนาดไหนล่ะ?
สถานะของเนี่ยเฟิงคนนี้น่าสนใจมากเกินไปแล้วจริงๆ ย่อมจะไม่เหมือนที่แสดงให้ดูอยู่บนประวัติส่วนตัวที่สะอาดขนาดนั้นอย่างเด็ดขาด เขาจะมีจุดที่เหนือกว่าคนอื่นอย่างแน่นอน
“ล้วนจะถึงเวลากินข้าวแล้ว ไม่งั้นฉันเลี้ยงข้าวคุณเถอะ ก็จะขอบคุณที่คุณช่วยฉันขนาดนั้นด้วย”
ในเวลานี้เนี่ยเฟิงหิวแล้วจริงๆ ถึงยังไงเมื่อกี้ตอนที่เขาทำการฝึกอบรมอลิซกับพานฉางอัน ก็ได้ใช้แรงกำลังไปเล็กน้อยจริงๆ
ถึงแม้ว่าเทียบกับปริมาณการออกกำลังกายในทุกวันของเขา แม้ว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่กำลังกายยังต้องเสริมด้วย เนี่ยเฟิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก ไปหาร้านอาหารแห่งหนึ่งพร้อมกับลิซ่าสั่งอาหารเลย
“เกิดการจลาจลในครั้งนี้ ก็ทำให้โรงเรียนล้างไพ่ใหม่อีกครั้ง ฉันก็ไม่ปิดบังคุณ แท้ที่จริงโรงเรียนผู้ดีของพวกเราก็คือเครือข่ายข่าวกรองขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง พวกเราคบหากันและแลกเปลี่ยนทรัพยากรกับข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในมือที่นี่ และคนเหล่านั้นที่ก่อตั้งโรงเรียนผู้ดีเมืองจันทร์ทองคำก็คิดเช่นนี้เช่นกัน ครั้งนี้ล้างไพ่ใหม่ก็หมายความว่าประธานสหภาพนักศึกษาของวิทยาเขตหลายแห่งนั้นจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง คุณมีความคิดอะไรหรือไม่?”
เนี่ยเฟิงก้มหัวกินอาหารไปคำหนึ่ง จากนั้นคิดแล้วคิดอีก ตอบกลับพูดว่า “ผมกลับไม่มีความคิดเห็นเลยสักนิด ผมมาโรงเรียนเพียงแค่อยากจะตั้งใจเรียนหนังสือเท่านั้น”
ทุกครั้งที่ลิซ่าได้ยินคำศัพท์นี้ล้วนมีความรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เล็กน้อย ลักษณะท่าทีของเนี่ยเฟิงไม่เหมือนจะตั้งใจ มาเรียนหนังสือเลย เพิ่งมาโรงเรียนไม่นานก็เกี่ยวพันกับเรื่องหลุยส์แล้ว