NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 54

ตอนที่ 54

บทที่ 54 แผนการของหลี่ต๋าคาง

จางกงหมิงกล่าวอย่างทะเยอทะยาน ไอ้ลูกพี่หลี่ที่เตี้ยม่อต้อ มีสิทธิ์อะไรเป็นขาใหญ่ของภาคตะวันออกเมือง

หลี่ฝางยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร

เป็นขาใหญ่เขาไม่ได้ดูกันที่รูปร่าง ลูกพี่หลี่สามารถเป็นขาใหญ่ของภาคตะวันออกเมือง ต้องมีความสามารถของเขาอย่างแน่นอน

อย่างหวางเห้าที่เก่งกาจขนาดนั้น หลังจากที่ลูกพี่หลี่คิดจะฆ่าเขา เขาก็หนีไปทันทีเหมือนกัน?

เห็นได้ชัด ลูกพี่หลี่คนนี้ไม่ธรรมดา

ทว่าหลี่ฝางไม่ได้บอกเรื่องเหล่านี้กับจางกงหมิง หากตัวเองพูดไป หากจางกงหมิงกลัวแล้วถอยจะทำไง?

งั้นก็เท่ากับว่ายกก้อนหินมาทุบขาตัวเองเหรอ?

มีคนออกหน้าให้ตัวเอง หลี่ฝางก็ต้องดีใจอยู่แล้ว เขาหัวเราะแล้วกล่าว: “พี่หมิง หาที่นั่งก่อนดีกว่า ผมไปเอาเหล้าให้พวกพี่เอง”

จางกงหมิงตอบรับ หันหน้าไปมองหลินชิงขิง ขมวดคิ้วแล้วถาม: “ชิงชิง น้องชายเธอเป็นบริกรอยู่ที่ Recalling the past”

หลินชิงชิงเป็นลูกสาวของลูกพี่หลิน พูดไปแล้ว หลินชิงชิงที่อยู่ในยุทธภพมีฐานะที่สูงทีเดียว

“ใช่” หลินชิงชิงก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แต่ก็ได้พยักหน้า ถึงอย่างไรหลี่ฝางก็ใส่ชุดของบริกรอยู่

หากไม่ใช่บริกร ทำไมถึงต้องใส่ชุดบริกรด้วยละ?

ไม่นานนัก หลี่ฝางก็ได้พาคนนำเหล้าหลายแบบมา พวกXO พวก Royal Salute พวก Rémy Martin สิ่งที่ควรมีก็มีหมดแล้ว

วางลงบนโต๊ะของจางกงหมิง หลี่ฝางพูดอย่างเป็นกันเอง: “พี่หมิง ปลดปล่อยให้เต็มที่เลย คืนนี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ลงบิลผม”

จางกงหมิงสะดุ้งตกใจ เป็นแค่บริกรคนหนึ่งในร้านเหล้าทำไมถือมือเติบขนาดนี้?

เมื่อกี้เขายังรู้สึกดูถูกหลี่ฝางเล็กน้อย รู้สึกหลี่ฝางไม่คู่ควรเป็นน้องของหลินชิงชิง ตอนนี้ดูแล้ว หนุ่มน้อยคนนี้น่าจะเป็นพวกที่ไม่ชอบเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตัวเอง

“งั้นพี่ก็ต้องขอบคุณน้องฝางแล้ว” จางกงหมิงยิ้มๆ แล้วกล่าว

“พี่หมิง อย่าเกรงใจกับผม” หลี่ฝางยิ้มๆ อย่างไรเสียพวกจางกงหมิงก็มาช่วยตัวเองจัดการลูกพี่หลี่ เผชิญหน้ากับผู้มีพระคุณ หลี่ฝางก็ไม่ขี้เหนียวอยู่แล้ว

เวลานี้ หลี่หลงก็ได้มาคนมาถึงRecalling the past

มองเห็นหลี่ฝาง หลี่หลงก็เดินเข้ามาโดยตรง: “ไม่คิดว่านายจะหลบอยู่ที่นี่จริงๆ”

“ฉันขอถามนาย หวางเห้าไปไหนแล้ว!” หลี่หลงถามอย่างสงสัย

หลี่ฝางส่ายหัว: “ฉันไม่รู้”

“แม่งเอ๊ย พวกแกจากไปด้วยกัน เขาไปไหน แกจะไม่รู้เลยเหรอ?” หลี่หลงยื่นมือออกมา กระชากคอเสื้อของหลี่ฝาง “หวางเห้าแทงลูกน้องสองคนของฉัน ทางที่ดีรีบบอกฉันมาว่าเขาอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นฉันจะทรมานแกจนตาย”

หลี่ฝางลนลานแล้ว รีบหันหน้าตะโกนไปทางจางกงหมิง: “พี่หมิง!”

“เหี้ย!” จางกงหมิงวางแก้วเหล้าในมือลง ก็ลุกขึ้นทันที

จำนวนคนที่จางกงหมิงพามา ไม่ได้น้อยไปกว่าของหลี่หลง จางกงหมิงมองหลี่หลงอย่างวางก้าม: “ไอ้เด็กเมื่อวานซืนมาจากไหน รีบปล่อยน้องชายฉันเลย”

“จางกงหมิง?” หลี่หลงขมวดคิ้วเล็กน้อย: “นายมันนักเลงภาคตะวันตกเมือง มาแส่เรื่องของภาคตะวันออกเมืองทำไม”

“หลี่ฝางเป็นน้องฉัน เรื่องของน้อง จะเรียกว่าแส่ได้อย่างไร?” จางกงหมิงหัวเราะอย่างเย็นชากล่าว

“หลี่ฝางทำร้ายลูกน้องของพ่อฉันไปไม่น้อย พ่อฉันระบุชื่อให้จัดการมัน จางกงหมิง หากนายรู้กาลเทศะละก็ ฉันเตือนนายอย่ามายุ่งเรื่องนี้เลย ระวังตัวเองจะหาเรื่องใส่ตัว” หลี่หลงพูดข่มขู่

“เย็ดแม่เอ๊ยไอ้เด็กเมื่อวานซืน กล้ามาขู่ฉันเหรอ ขนของตัวแกขึ้นเต็มหรือยังหา?” จางกงหมิงยื่นมือออกไป ผลักหลี่หลงออก

พริบตาเดียว คนของหลี่หลงและจางกงหมิงก็ยืนเผชิญหน้ากัน คนทั้งสองฝ่ายต่างเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กัน

เวลานี้ ลุงเฉียนได้เดินเข้ามา กระแอมไปหนึ่งที

“ทุกท่าน พวกท่านมาเที่ยวหรือมาต่อยตีกัน?” ลุงเฉียนถามอย่างเรียบเฉย

“หากมาชกต่อยล่ะก็ รบกวนออกไปต่อยกันข้างนอก หากมาเที่ยว ก็รบกวนทุกท่านกลับไปนั่งยังโต๊ะของตัวเอง อย่ารบกวนการทำมาค้าขายของเรา” ลุงเฉียนพูดจบ ก็มองไปที่หลี่หลงและจางกงหมิง

“แน่นอน หากนายสองคนไม่ให้เกียรติบาร์ของเรา ก็สามารถที่จะต่อยตีกันในนี้เลย”

หลังจากที่ลุงเฉียนพูดประโยคนี้จบ จางกงหมิงก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว: “ใครที่กล้าตีกันใน Recalling the past ก็เท่ากับว่าเอาดินกลบหัวองค์ไท้ส่วยเอี้ย” “วางใจเถอะครับ หากจะตีกัน พวกเราก็จะออกไปตีกันข้างนอก จางกงหมิงมองลุงเฉียน หัวเราะกล่าว”

ลุงเฉียนตอบกลับจางกงหมิงด้วยเสียง อืม จากนั้นก็มองไปที่หลี่หลง: “นายละ?”

หลี่หลงก็กลัวแล้ว กล่าวว่า: “พวกเราก็มาเที่ยวเหมือนกัน”

ลุงเฉียนยิ้มอย่างพอใจ: “ในเมื่อมาเที่ยวกัน งั้นก็ดี งั้นก็ดี”

“เสี่ยวฝาง เมื่อกี้มีคนหาเรื่องนายใช่มั้ย?” จากนั้น ลุงเฉียนก็มองไปที่หลี่ฝาง แล้วถาม

หลี่ฝางเหลือบมองหลี่หลงแวบหนึ่ง ใบหน้าของหลี่หลงกลับมีความหวาดกลัวเล็กน้อย

หลี่ฝางส่ายหัว ก็เดินตามลุงเฉียนไปที่โต๊ะแคชเชียร์

จางกงหมิงกลับไปถึงยังโต๊ะของตัวเอง และหลี่หลง ก็ได้ไปที่โต๊ะของโจวเจ๋กับส้งเสียง

“ลุงเฉียน เมื่อกี้มันอะไรกัน ดูท่าทางของพวกเขา พวกเขาต่างกลัวลุงไม่น้อยเลย” เวลานี้ หลี่ฝางถามอย่างอดไม่ได้

พวกเขาไม่ได้กลัวลุง แต่กลัวอีกคนหนึ่ง ลุงเฉียนหัวเราะเห่อๆๆ

“ใครเหรอ?” หลี่ฝางถามต่อ

“เขา” ลุงเฉียนได้ชี้ไปที่มุมหนึ่ง มีคนสองสามคนที่ท่าทางผู้ดีนั่งอยู่ที่มุมนั้น

“สวีจื่อโห้?” หลี่ฝางอ้าปากค้าง มองสวีจื่อโห้อย่างแปลกใจ: “ลุงเฉียน เขาทำไมถึงมาที่แบบนี้ได้?”

“เรื่องนี้ คุณควรที่จะไปถามคุณพ่อคุณ” ลุงเฉียนหัวเราะกล่าว: “ไม่มีใครที่จะฉลาดไปกว่าจิ้งจอกเฒ่าอย่างคุณพ่อคุณแล้ว”

“คุณพ่อคุณนัดสวีจื่อโห้มาที่บาร์ ตัวเองกลับไม่มา” ลุงเฉียนกล่าว: “ก็มีเพียงเขา ที่กล้าผิดนักสวีจื่อโห้”

“แล้วทำไมเขายังไม่ไปละ?” หลี่ฝางถามอีก

“มาก็มาแล้ว ทำไมต้องรีบกลับด้วยล่ะ สวีจื่อโห้ไม่ใช่คนโง่ เขาต้องเข้าใจจุดประสงค์ของคุณพ่อคุณอยู่แล้ว คุณพ่อคุณเชิญเขามาดื่มเหล้าที่บาร์ นอกเสียจากเชิญมาข่มขู่เสื้อสิงห์พวกนั้น”

“คุณคิดดู สวีจื่อโห้ยังให้เกียรติมาที่Recalling the pastของเรา ตัวละครตลกอย่างลูกพี่หลี่ ยังจะกล้ามาก่อเรื่องที่บาร์อีกมั้ย? หากเขากล้าที่จะก่อเรื่อง ก็เท่ากับก่อเรื่องภายใต้สายตาของสวีจื่อโห้ไม่ใช่เหรอ?”

“ดังนั้น เมื่อกี้คนสองพวกนั้น ไม่ได้กลัวลุง แต่กลัวสวีจื่อโห้”

ลุงเฉียนยิ้มๆ แล้วกล่าว: “หากพวกเขากล้าที่มีเรื่องในบาร์ของเรา ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็จะถูกจับเข้าคุก”

หลี่ฝางหัวเราะเห่อๆ รู้สึกว่าพ่อของตัวเองช่างเจ้าเล่ห์นัก อีกอย่าง ลุงเฉียนคนนี้ก็พูดจาโอ้อวดเหลือเกิน กล้าเปรียบเทียบลูกพี่หลี่เป็นตัวละครตลก เขาเป็นถือฮ่องเต้ใต้ดินของภาคตะวันออกเมือง จะเป็นตัวตลกได้อย่างไร

“เสี่ยวฝาง นายไปดื่มเป็นเพื่อนสวีจื่อโห้หน่อยมั้ย” ลุงเฉียนกล่าว

หลี่ฝางก็ตอบ อืม มองไปที่ลุงเฉียน: “สวีจื่อโห้รู้ฐานะที่แท้จริงของผมหรือเปล่า?”

“ทั้งเมืองตงไห่ นอกจากพวกเราในบาร์ มีไม่กี่คนที่จะรู้ฐานะที่แท้จริงของคุณ” ลุงเฉียนพูดจบ กล่าวชื่นชมหลี่ฝางไปประโยคหนึ่ง หนุ่มน้อยปกปิดได้ไม่เลวเลยนะ ไม่ได้เปิดเผยฐานะของตัวเองออกมาเสียที

“ที่จริงแบบนี้ดีที่สุดแล้ว หากฐานะของคุณถูกเปิดเผย อาจจะมีอันตรายก็เป็นได้” ลุงเฉียนกล่าว

หลี่ฝางถาม: “อันตรายยังไงเหรอ?”

ที่หลี่ฝางปกปิดฐานะตัวเองนั้น ก็เพราะจะแต่งหมูหลอกกินเสือ (แกล้งโง่ต่อหน้าคนฉลาดเพื่อเอาผลประโยชน์) เขารู้สึกว่าแกล้งเป็นแบบนี้ถึงจะเกิดประโยชน์ แต่การเปิดเผยฐานะที่แท้จริงกลับมีอันตราย?

“อันตรายเยอะจะตาย ผมจะบอกคุณให้นะ คนหากมีเงินแล้ว ก็ต้องเผชิญภัยคุกคามต่างๆ ต้องรู้จักระวังคู่แข่ง ต้องระวังถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่……..ไม่อย่างนั้น คนรวยจะจ้างบอดี้การ์ดทำไม?” ลุงเฉียนหัวเราะกล่าว

“ผมไปดื่มเหล้ากับสวีจื่อโห้ ไม่เท่ากับว่าไปเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตัวเองหรอกเหรอ?” หลี่ฝางกล่าวอย่างกังวล

“เปิดเผยให้เขารู้ไม่เป็นไร เขาไม่ทำร้ายคุณ อีกอย่าง ตอนที่คุณมีปัญหาที่มหาวิทยาลัย ไม่ใช่เขาเหรอที่ช่วยคุณจัดการ? ลุงเฉียนยิ้มแล้วกล่าว: “เขาน่าจะรู้ฐานะที่แท้จริงของคุณนานแล้ว”

หลี่ฝางคิดในใจ ก็จริง สวีจื่อโห้ช่วยตัวเองหลายครั้งแล้ว ตัวเองควรที่จะไปทำความเคารพเขาหน่อย

หลี่ฝางเดินไปด้านหยิบเหล้าดีมาสองขวด เตรียมตัวที่จะไปขอบคุณสวีจื่อโห้นั้น ส้าวส้วยก็กลับมา

ส้าวส้วยก็ตบที่บ่าของหลี่ฝาง ยิ้มๆ แล้วกล่าว เถ้าแก่ ผมได้ช่วยคุณจัดการลูกพี่หลี่ไปแล้ว

“ขี้โม้ห่าอะไร”

หลี่ฝางได้ถอยชุดบริกรบนตัวเขาให้กับส้าวส้วย พูดอย่างอารมณ์เสีย: “ฉันได้บอกลุงเฉียนแล้วให้บันทึกขาดงานนายหนึ่งวัน หักค่าแรงสามวัน”

“ยังดีที่นายกลับมาทำงานทำ ก็จะไม่หักค่าแรงนายละ” หลี่ฝางกล่าวอย่างเรียบเฉย

“เถ้าแก่ ทำไมคุณไม่เชื่อผมล่ะ” ส้าวส้วยพูดด้วยสีหน้าที่ถูกปรักปรำ ผมได้จัดการลูกพี่หลี่ไปแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท